ในการประชุม กมธ.แก้ รธน.ถกเดือดสัดส่วน ส.ส.เกือบ 4 ชม.“เสธ.หนั่น” แฉ รับหลักการ เพราะวิปรัฐบาลสั่งให้รับ แล้วมาแก้ไข ด้านพรรคร่วมดันสูตร 400+100 ตามคาดปชป.ชนะโหวตสูตร 375+125 ผ่านฉลุย 18-17 เสียง
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณารัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ พ.ศ.. โดยมี นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งวาระสำคัญ คือ การสรุปการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 93-98 ว่าด้วยเรื่องเขตเลือกตั้งและที่มาของ ส.ส.โดยมีตัวแทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรมการปกครอง กระทรวงการต่างประเทศ (โดยกรมการกงสุลในฐานะผู้จัดการเลือกตั้งนอกเขตประเทศ) เข้าร่วมชี้แจงและสังเกตการณ์
โดยที่ประชุมเข้าสู่การพิจารณาร่างแก้ไขในมาตรา 93 ประเด็นสัดส่วน ส.ส.ระบบเขต และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยร่างแก้ไขของรัฐบาลที่ผ่านความเห็นชอบในวาระแรกกำหนดให้มี ส.ส.เขต 375 คน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 125 คน โดย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า ข้อเสนอของคณะกรรมการชุดที่มี นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ได้เสนอสูตร 375 ต่อ 125 เป็นตัวเลขที่เหมาะสม โดยจะทำให้เขตเลือกตั้งไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างดุเดือด ซึ่ง ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา และพรรคมาตุภมิ รวมทั้ง ส.ว บางส่วน ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขจำนวนดังกล่าว จึงขอสงวนคำแปรญัตติ และสนับสนุนให้กลับไปใช้ ส.ส.เขต 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน ตามเดิม โดยให้เหตุผลว่า ประชาชนแต่ละพื้นที่สนับสนุน
ในขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็อภิปรายสนับสนุนร่าง ครม.ในสูตร 375+125 โดยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การแก้ไขดังกล่าวไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง และเปิดโอกาศให้พรรคขนาดเล็กมีพื้นที่ในรัฐสภา อีกทั้งที่ผ่านมามีประสบการณ์จากรัฐธรรมนูญปี2540 ที่ให้มี ส.ส.เขต 400+100 คน ล้มเหลว ทำให้เกิดปัญหามาแล้ว การพิจารณาต่อไปจึงควรพิจารณาโดยคำนึงถึงแนวทางที่จะสร้างโอกาสให้ระบบการเมืองและพรรคการเมืองโดยรวม
ทำให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ส.ส.สัดส่วน ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ตอบโต้ ทันทีว่า ตนทำการเมืองมาพบว่า ส.ส.เขต 400 คน และระบบบัญชี 100 คน ไม่เคยมีปัญหา และล้มเหลว รวมทั้งนักวิชาการที่ศึกษา และเสนอให้แก้ไขให้ลดลงยังอธิบายเหตุผลไม่ชัดเจน และไม่มีเหตุผลจะบอกว่าเป็นความล้มเหลวเพราะประชาชนไม่พอใจ สำหรับเหตุผลที่ที่ประชุมร่วมรัฐสภารับหลักการแก้ไขร่างของรัฐบาลเสนอนั้น เป็นเพราะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้รับเช่นนี้ เมื่อรับมาแล้วสามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขได้ ดังนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติควรมีหลักการไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุผล หากอธิบายได้ว่าสูตร 375+125 ดีก็ต้องอธิบายได้ เรื่องนี้นักวิชาการ อาจคิดว่าระบบแบบนี้จะทำให้นักวิชาการมีโอกาสเข้าสู่การเมืองก็ได้ ทั้งนี้ ตนเห็นว่า การกำหนดที่มาของ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไม่จำเป็นต้องกำหนดเป็นภาค แต่ควรกำหนดรวมโดยใช้เขตประเทศจะเหมาะสมมากกว่า
“แม้ผมจะเป็นรัฐบาลแต่การทำหน้าที่นิติบัญญัติ ก็ใช่ว่าจะต้องเห็นด้วยและสนับสนุนร่างของรัฐบาลเสมอไป จึงขอให้ประธานฟังบ้าง ว่าสิ่งที่ดีก็ควรเก็บไว้” พล.ต.สนั่น กล่าว
ด้าน นายกริช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฎิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นซึ่งในการประชุมของคณะกรรมการสมานฉันท์ ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้และเห็นว่าสัดส่วน ส.ส.แบบ 400+100 มีความเหมาะสมมากกว่า โดยได้เสนอเรื่องนี้ในรายงานการศึกษาให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเพียงแต่ไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนได้เสนอคำแปรญัตติ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับสัดส่วนส.ส.เขต 375 +125 คน ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางที่จะให้ลับไปใช้สูตร 400+100 อาทิ นายภารดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา ,นายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย นายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์ ส.สสุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน นายวินัย ภัทรประสิทธิ ส.ส.พิจิตร พรรครวมชาติพัฒนา นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคมาตุภูมิ นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคประชาราช เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากอภิปรายถกเถียงกันนานกว่า 3 ชั่วโมง ปรากฎว่า กมธ.ทั้ง 2 ฝั่งคือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล มีการปะทะคารมกันตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ต่างก็เช็กกำลังและมีการโทรศัพท์ประสานให้ กมธ.ของแต่ละฝั่งเข้าห้องประชุม เนื่องจากมีความชัดเจนของ กมธ.พรรคประชาธิปัตย์ ที่จะให้โหวตลงมติในมาตราดังกล่าว
โดย พล.ต.สนั่น ได้เสนอต่อที่ประชุม ว่า การพิจารณาเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอยากให้ใช้หลักการปรองดองโดยตนเสนอให้แขวนไว้ก่อน แล้วไปพิจารณากันต่อในสัปดาห์หน้า
จนกระทั่ง พล.อ.เลิศรัตน์ ส.ว.สรรหา ได้เสนอว่า เรามีกรอบการพิจารณาชัดเจนแล้ว หากจะเลื่อนไปโหวจในสัปดาห์หน้า วันที่ 18 ม.ค.จากนั้นก้เชิญผู้แปรญัตติมารับฟัง ก่อนที่จะเสนอร่างแก้ไขต่อประธานรัฐสภาในวันที่ 21 ม.ค.จากนั้นก็จะได้เข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภา วาระ 2 และ 3 ในวันที่ 25 ม.ค.ต่อไป ก็สามารถทำได้ ตนอยากให้ผู้ใหญ่ของแต่ละพรรคไปจับเข่าพูดคุยกันก่อน เพราะตอนนี้ทั้ง นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็ออกมาเชียร์สูตรของตัวเอง เมื่อผ่านไป 7 วันก็มาประชุมโดยไม่ต้องโหวต
ทำให้ นายเทอดพงษ์ ประธานในที่ประชุมเห้นด้วยกับข้อเสนอนี้ โดยกล่าวว่า อยากให้เลื่อนการโหวตออกไปแล้วให้ พล.ต.สนั่น ไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ใน ครม.ก่อนจะดีกว่า
เมื่อถึงช่วงนี้ พล.ต.สนั่น ได้กล่าวว่า ตนต้องขอใช้คำพูดของ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่า “ท่านประธานไม่แข็ง” จะเอาอย่างไรก็ว่ามาเลยจะโหวตหรือเลื่อน
ซึ่งท้ายที่สุด นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอให้มีการนับองค์ประชุมทันทีก่อนที่จะเสนอให้มีการลงคะแนน ด้วยวิธีเปิดเผยด้วยการยกมือ ปรากฎว่ามี กมธ.อยู่ในห้องประชุม 35 คน จากทั้งหมด 45 คน ปรากฏว่า ผลการลงมติได้คะแนน 17 ต่อ 17 ซึ่งสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก
เมื่อถึงตรงนี้ทำให้ พล.ต.สนั่น ได้กดไมค์และพูดผ่านไปยังนายเทอดพงษ์ ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมว่า “ประธานไม่ต้องออกเสียงก็ได้ สัปดาห์หน้าค่อยมาโหวตกันใหม่เพราะประธานต้องให้ความเป็นธรรม” ทำให้ นายเทอดพงษ์ ได้ตัดสินใจใช้เอกสิทธิ์ส่วนตัว โดยกล่าวว่า ในเมื่อผลการลงคะแนนออกมาเท่ากัน ตนขอโหวตให้ร่างของ ครม.คือ สูตร 375+125 ทำให้ผลการลงคะแนนออกมา เป็น 18 ต่อ 17 ทำให้ พล.ต.สนั่น ลุกขึ้นจากห้องประชุมทันทีพร้อมกับ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางรอยยิ้มของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยิ้มอย่างสมหวัง
ผู้สื่อข่าวรายงานการลงมติว่า สำหรับผู้สนับสนุนสูตร 375+125 จำนวน 18 เสียง ประกอบด้วย กมธ.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 17 คน ได้แก่ นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายนิพนธ์ บุญญามณี นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ นายพีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.สัดส่วน นายถวิล ไพรสณฑ์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นางสาวรัชดา ธนาดิเรก นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส.กทม.นางสาวผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา นายขยัน วิพรหมชัย ส.ส.ลำพูน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสุขวิชชาญ มุสิกุล ส.ส.กำแพงเพชร ขณะที่มีวุฒิสมาชิกจากการสรรหาลงมติรับร่าง 1 คน คือ นายวิทวัส บุญญญสถิตย์
