หลังจากที่ศาลกัมพูชาให้ความเมตตาให้ประกันตัว 2 ใน 7 คนไทยที่ถูกทหารกัมพูชาจับตัวไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม คือนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และนางนฤมล จิตรวะรัตนา เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงของไทย เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศต่างก็แสดงความดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง บอกกล่าวกับคนไทยทั้งหลายว่า ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี โดยคาดหวังว่าอีก 5 คนที่เหลือก็คงจะได้รับความเมตตากรุณาในอีกไม่นานนี้
ทั้งที่ในความเป็นจริงคนไทยทั้ง 7 คนไม่น่าที่จะต้องถูกกักตัวเอาไว้แม้สักนาทีเดียว
อย่าว่าแต่จุดที่พวกเขาถูกจับเดิมเป็นที่นาของนายเบ ที่มีเอกสารสิทธิ์ตราครุฑ และเสียภาษีถูกต้องมาก่อนหน้าที่สงครามระหว่างชาวกัมพูชาด้วยกันยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ และที่นาของนายเบตกเป็นมรดกของลูกสาว ได้มีการร้องเรียนมาหลายรัฐบาลหลายยุคหลายสมัยว่าที่ทำกินของพวกเขาถูกทหารกัมพูชาเข้ามายึดครอง แต่ไม่ได้รับการใส่ใจจากเจ้าหน้าที่ของไทย ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนกลาง ก็นายกรัฐมนตรีหลายคนตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร ชวลิต ยงใจยุทธ จนถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
อย่าว่าแต่มิตรประเทศที่อยู่ร่วมกัน 7 คนไทยที่เดินเข้าไปในผืนดินที่กัมพูชาคิดว่าเป็นของกัมพูชา ก็ผลักดันเขากลับออกมาเสีย เหมือนอย่างที่ประเทศไทยปฏิบัติต่อคนกัมพูชานับร้อยนับพันคนที่ข้ามฝั่งมาประเทศไทย มาค้าขายบ้าง มาขายแรงงานบ้าง มาเป็นขอทานบ้างให้กลับเข้าไป
เพราะ 7 คนไทยนั้นไม่มีปัญญาไปยึดดินแดนกัมพูชาแน่ อาวุธก็ไม่มี นอกจากกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ
แต่นี่คุมตัวไปขึ้นศาลกัมพูชา
นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้คนไทยทั้งหลายทั้งปวงเคารพขบวนการยุติธรรมของกัมพูชา หาไม่จะกระทบกระเทือนสัมพันธไมตรี หาไม่จะเป็นการกดดันกัมพูชา
แม้กระทั่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะเดินทางไปเยี่ยมนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ที่กัมพูชา เพราะถึงแม้จะได้รับการประกันตัวก็ต้องอยู่ที่สถานทูตไทยในกัมพูชา ศาลกัมพูชาจะเรียกเมื่อไรก็ต้องไปเมื่อนั้น
และก็อย่าได้ทำให้กัมพูชาไม่พอใจเด็ดขาด หาไม่แล้ว 5 คนที่เหลืออาจจะไม่ได้รับความเมตตา กรุณา ให้ประกันตัว
ชาวบ้านหนองจาน และอื่นๆ ที่สงสัยว่า หนังสือสำคัญ น.ส. 3 ที่ทางการประเทศไทยออกให้พวกเขาออกมาได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยบอกให้เงียบๆ เอาไว้ก่อน เสร็จธุระ 7 คนไทยที่ถูกจับอยู่ที่ศาลกัมพูชาเรียบร้อยแล้วจะตรวจสอบให้ว่า มันคืออะไรกันแน่ อย่าได้เอะอะมะเทิ่งในขณะนี้ เดี๋ยวฮุนเซน เดี๋ยวกัมพูชาจะไม่พอใจ
พร้อมกันนี้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เปิดเผยหลังการพบปะกับนายฮอนัมฮง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ระหว่างการเข้าร่วมประชุมอาเซียนที่เมืองลอมบอก อินโดนีเซียว่า ได้ยืนยันในสิ่งที่พูดไปแล้วคือความมุ่งมั่นของรัฐบาล อยากให้เรื่องที่ค้างคาอยู่ยุติโดยเร็วตามกระบวนการศาลกัมพูชา พร้อมกับยืนยันจะทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ประชาชนสองประเทศตลอดแนวชายแดน
“รัฐบาลนี้ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากจะทำทุกอย่างให้ดี ถูกต้อง และราบรื่น”
และว่า “จึงไม่อยากให้เอาพฤติกรรมของคนบางกลุ่มในสังคมมาเป็นอารมณ์ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะรัฐบาลนี้แน่วแน่ในการสร้างความสัมพันธ์ และแก้ปัญหาต่างๆ”
นักข่าวถามว่า กัมพูชามีท่าทีอย่างไร นายกษิตกล่าวว่าได้พูดกับกัมพูชาเยอะ และพูดในทุกระดับตลอดเวลาเพื่อให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร
นายกษิตกล่าวว่า ได้ขอโทษว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยได้สร้างความสับสนหวาดหวั่นให้ประเทศสมาชิกอาเซียน แต่ก็เป็นวิวัฒนาการทางการเมืองของไทย ไม่ได้มีเจตนามุ่งหวังสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศเพื่อนบ้าน
ผมว่า เพื่อให้ได้อยู่ได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต บ้าไปแล้วละครับ เช่นเดียวกับที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อให้ได้อยู่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ทำไมไม่เอาผ้าขาวปูแล้วก้มลงกราบฮุนเซน ฮอนัมฮง มันเสียเลยเล่าครับ
การที่คนไทยลงพื้นที่ไปบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้รู้ว่าผืนดินตรงนั้นเป็นของใครกันแน่ ของกัมพูชาหรือของประเทศไทย มิใช่การก่ออาชญากรรม จารกรรมหรือมีความผิดมากมายมหาศาล ยังเป็นข้อถกเถียงอยู่ด้วยซ้ำว่าเป็นแผ่นดินของใครกันแน่ ดังที่ได้บอกแล้วว่า ถ้ารักจะเป็นมิตรกันก็ผลักดันให้กลับออกมา พวกเขาทั้ง 7 คนอยู่ไม่ได้เกินวันสองวันแน่ๆ เสื้อผ้าก็ไม่ได้เตรียม เสบียงอาหารก็ไม่มี ข้อถกเถียงว่า ศาลกัมพูชามีอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ก็ยังมีอยู่
ที่ไม่สงสัยเลยก็แต่ฝ่ายทางการไทย ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทั้ง 7 คนเข้าไปในแผ่นดินกัมพูชา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ยอมรับการพิจารณาของศาลกัมพูชา ทุกคนบอกให้คนไทยสงบเสงี่ยมอย่าทำให้กัมพูชาไม่พอใจ อย่ากดดันกัมพูชา อย่ากดดันฮุนเซน
การแย่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในกัมพูชา การแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในฟิลิปปินส์ ในอินโดนีเซีย การชิงอำนาจในมาเลเซีย รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศเหล่านี้ต้องออกปากขอโทษประเทศอาเซียนเช่นเดียวกับที่นายกษิตออกมาขอโทษเขาหรือเปล่า หรือว่าเขาถือว่าเป็นเรื่องภายในประเทศของเขา ประเทศอื่นไม่เกี่ยว
ผู้นำของประเทศอาเซียนอื่นๆ ต้องเป็นคนพินอบพิเทากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างนายกรัฐมนตรีของเราหรือเปล่า
หรือยังไง???
ทั้งที่ในความเป็นจริงคนไทยทั้ง 7 คนไม่น่าที่จะต้องถูกกักตัวเอาไว้แม้สักนาทีเดียว
อย่าว่าแต่จุดที่พวกเขาถูกจับเดิมเป็นที่นาของนายเบ ที่มีเอกสารสิทธิ์ตราครุฑ และเสียภาษีถูกต้องมาก่อนหน้าที่สงครามระหว่างชาวกัมพูชาด้วยกันยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ และที่นาของนายเบตกเป็นมรดกของลูกสาว ได้มีการร้องเรียนมาหลายรัฐบาลหลายยุคหลายสมัยว่าที่ทำกินของพวกเขาถูกทหารกัมพูชาเข้ามายึดครอง แต่ไม่ได้รับการใส่ใจจากเจ้าหน้าที่ของไทย ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนกลาง ก็นายกรัฐมนตรีหลายคนตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร ชวลิต ยงใจยุทธ จนถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
อย่าว่าแต่มิตรประเทศที่อยู่ร่วมกัน 7 คนไทยที่เดินเข้าไปในผืนดินที่กัมพูชาคิดว่าเป็นของกัมพูชา ก็ผลักดันเขากลับออกมาเสีย เหมือนอย่างที่ประเทศไทยปฏิบัติต่อคนกัมพูชานับร้อยนับพันคนที่ข้ามฝั่งมาประเทศไทย มาค้าขายบ้าง มาขายแรงงานบ้าง มาเป็นขอทานบ้างให้กลับเข้าไป
เพราะ 7 คนไทยนั้นไม่มีปัญญาไปยึดดินแดนกัมพูชาแน่ อาวุธก็ไม่มี นอกจากกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ
แต่นี่คุมตัวไปขึ้นศาลกัมพูชา
นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้คนไทยทั้งหลายทั้งปวงเคารพขบวนการยุติธรรมของกัมพูชา หาไม่จะกระทบกระเทือนสัมพันธไมตรี หาไม่จะเป็นการกดดันกัมพูชา
แม้กระทั่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะเดินทางไปเยี่ยมนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ที่กัมพูชา เพราะถึงแม้จะได้รับการประกันตัวก็ต้องอยู่ที่สถานทูตไทยในกัมพูชา ศาลกัมพูชาจะเรียกเมื่อไรก็ต้องไปเมื่อนั้น
และก็อย่าได้ทำให้กัมพูชาไม่พอใจเด็ดขาด หาไม่แล้ว 5 คนที่เหลืออาจจะไม่ได้รับความเมตตา กรุณา ให้ประกันตัว
ชาวบ้านหนองจาน และอื่นๆ ที่สงสัยว่า หนังสือสำคัญ น.ส. 3 ที่ทางการประเทศไทยออกให้พวกเขาออกมาได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยบอกให้เงียบๆ เอาไว้ก่อน เสร็จธุระ 7 คนไทยที่ถูกจับอยู่ที่ศาลกัมพูชาเรียบร้อยแล้วจะตรวจสอบให้ว่า มันคืออะไรกันแน่ อย่าได้เอะอะมะเทิ่งในขณะนี้ เดี๋ยวฮุนเซน เดี๋ยวกัมพูชาจะไม่พอใจ
พร้อมกันนี้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เปิดเผยหลังการพบปะกับนายฮอนัมฮง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ระหว่างการเข้าร่วมประชุมอาเซียนที่เมืองลอมบอก อินโดนีเซียว่า ได้ยืนยันในสิ่งที่พูดไปแล้วคือความมุ่งมั่นของรัฐบาล อยากให้เรื่องที่ค้างคาอยู่ยุติโดยเร็วตามกระบวนการศาลกัมพูชา พร้อมกับยืนยันจะทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ประชาชนสองประเทศตลอดแนวชายแดน
“รัฐบาลนี้ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากจะทำทุกอย่างให้ดี ถูกต้อง และราบรื่น”
และว่า “จึงไม่อยากให้เอาพฤติกรรมของคนบางกลุ่มในสังคมมาเป็นอารมณ์ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะรัฐบาลนี้แน่วแน่ในการสร้างความสัมพันธ์ และแก้ปัญหาต่างๆ”
นักข่าวถามว่า กัมพูชามีท่าทีอย่างไร นายกษิตกล่าวว่าได้พูดกับกัมพูชาเยอะ และพูดในทุกระดับตลอดเวลาเพื่อให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร
นายกษิตกล่าวว่า ได้ขอโทษว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยได้สร้างความสับสนหวาดหวั่นให้ประเทศสมาชิกอาเซียน แต่ก็เป็นวิวัฒนาการทางการเมืองของไทย ไม่ได้มีเจตนามุ่งหวังสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศเพื่อนบ้าน
ผมว่า เพื่อให้ได้อยู่ได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต บ้าไปแล้วละครับ เช่นเดียวกับที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อให้ได้อยู่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ทำไมไม่เอาผ้าขาวปูแล้วก้มลงกราบฮุนเซน ฮอนัมฮง มันเสียเลยเล่าครับ
การที่คนไทยลงพื้นที่ไปบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้รู้ว่าผืนดินตรงนั้นเป็นของใครกันแน่ ของกัมพูชาหรือของประเทศไทย มิใช่การก่ออาชญากรรม จารกรรมหรือมีความผิดมากมายมหาศาล ยังเป็นข้อถกเถียงอยู่ด้วยซ้ำว่าเป็นแผ่นดินของใครกันแน่ ดังที่ได้บอกแล้วว่า ถ้ารักจะเป็นมิตรกันก็ผลักดันให้กลับออกมา พวกเขาทั้ง 7 คนอยู่ไม่ได้เกินวันสองวันแน่ๆ เสื้อผ้าก็ไม่ได้เตรียม เสบียงอาหารก็ไม่มี ข้อถกเถียงว่า ศาลกัมพูชามีอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ก็ยังมีอยู่
ที่ไม่สงสัยเลยก็แต่ฝ่ายทางการไทย ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทั้ง 7 คนเข้าไปในแผ่นดินกัมพูชา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ยอมรับการพิจารณาของศาลกัมพูชา ทุกคนบอกให้คนไทยสงบเสงี่ยมอย่าทำให้กัมพูชาไม่พอใจ อย่ากดดันกัมพูชา อย่ากดดันฮุนเซน
การแย่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในกัมพูชา การแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในฟิลิปปินส์ ในอินโดนีเซีย การชิงอำนาจในมาเลเซีย รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศเหล่านี้ต้องออกปากขอโทษประเทศอาเซียนเช่นเดียวกับที่นายกษิตออกมาขอโทษเขาหรือเปล่า หรือว่าเขาถือว่าเป็นเรื่องภายในประเทศของเขา ประเทศอื่นไม่เกี่ยว
ผู้นำของประเทศอาเซียนอื่นๆ ต้องเป็นคนพินอบพิเทากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างนายกรัฐมนตรีของเราหรือเปล่า
หรือยังไง???
