xs
xsm
sm
md
lg

ศาลค้านประกันตัว5คนไทย-เขมร2มาตรฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ประกันตัว 5 คนไทย “มาร์ค”สั่งอุทธรณ์ประกันทันที เชื่อสัปดาห์หน้ามีความชัดเจน “แม่พนิช” เปิดใจลูกมีเจตนาบริสุทธิ์ ทำไปตามหน้าที่ เผยลูกโกนหัว เหตุถูก “แมลงสาบ”คุกเขมรกัด แฉ! “พนิช-นฤมล”ได้ประกันเพราะป่วย! ผบ.ทบ.อุ้ม“นายป้อม”ทำงานมาก ขู่ฟ้องเรียงตัว กล่าวหาทหารเอี่ยวผลประโยชน์ชายแดน "สมปอง" ยัน 7 คนไทยไม่ได้บุกรุก ชี้หลักเขตไทย-เขมร ปักปันชัดเจนกว่าร้อยปี

วานนี้ (14 ม.ค) นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ว่าศาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ประกันตัวคนไทยทั้ง 5 โดยไม่แจ้งเหตุผล ขณะที่ทนายความกัมพูชาได้ยื่นขออุทธรณ์แล้วในช่วงเช้าวันที่ 14 ม.ค.คาดว่า จะทราบผลภายใน 5 วัน

อย่างไรก็ตามกระทรวงมหาดไทยกัมพูชายังเห็นชอบในหลักการให้คณะทนายความของการุณ ใสงาม กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติเข้าเยี่ยม 5 คนไทยที่เรือนจำเพซอร์ โดยขณะนี้รอการประสานวันและเวลาที่ชัดเจน

ทนายความกัมพูชายังไม่ได้แจ้งเหตุผลที่ศาลกัมพูชาอนุญาตให้ประกันตัวนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ และนางนฤมล จิตรวะรัตนา แต่จากการประเมินแล้ว เชื่อว่า น่าจะเป็นเหตุผลด้านสุขภาพและมนุษยธรรม เนื่องจากนายพนิช เป็นโรคความดันสูง และโดนแมลงกัดในเรือนจำจึงต้องเร่งรักษา ขณะที่นางนฤมลเป็นโรคไทรอยด์ โดยเท่าที่ทราบขณะนี้ คณะทนายความของนายการุณยังไม่ได้พบทนายความกัมพูชาของ 7 คนไทย เพื่อหารือแนวทางการสู้คดี อาจด้วยทนายความกัมพูชายังไม่พร้อม และไม่สะดวก อย่างไรก็ตาม หากทางคณะทนายความของนายการุณจะขอร่วมไต่สวนด้วย ก็สามารถยื่นกับสภาทนายความของกัมพูชาได้

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า 5 คนไทยที่เหลือ ประกอบด้วย นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ นายตายแน่ มุ่งมาจน นายกิจพลธรณ์ ชุสนะเสวี และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ โดยทนายความได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่างแล้ว

ล่าสุดโฆษกเขมร แถลงว่า ที่ศาลกัมพูชาตัดสินใจให้ผู้ต้องหา 2 คนได้รับการประกันตัว ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ซึ่งศาลกัมพูชายังคงพิจารณาเกี่ยวกับการประกันตัวผู้ต้องหาไทยที่เหลือ อีก 5 คน

**“แม่พนิช”บอกลูกเจตนาดี

ม.ล.สมพงษ์วดี วิกิตเศรษฐ์ มารดา นายพนิช ให้สัมภาษณ์หลังบุตรชายได้รับการประกันตัวจากศาลกัมพูชา ว่า เมื่อนายพนิช ได้รับการประกันตัวออกมา ก็โทรศัพท์มาหาตนทันทีด้วยน้ำเสียงดีใจ บอกว่าตอนนี้ได้ออกมาแล้ว ออกมาหาหมอ เพราะตัวเป็นผื่น เท้าบวม ไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งตนก็ดีใจ เพราะสำคัญที่สุดคืออยากให้เขาออกมาหาหมอ อย่างไรก็ตามตนจะเดินทางไปเยี่ยมนายพนิช ที่กัมพูชาหรือไม่ คงต้องรอดูวันจันทร์ที่ 17 ม.ค.นี้ก่อนว่าศาลจะเรียกตัวนายพนิชอีกหรือไม่ และนายพนิช ต้องอยู่ในกัมพูชานานหรือไม่ ส่วนภรรยาและบุตรชายนายพนิช ยังไม่ได้คุยกันว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อใด

ทั้งนี้ตนได้ไปเยี่ยมนายพนิชมา 2 ครั้งแล้ว ช่วงที่ไปเยี่ยม ตนก็เป็นห่วงในเรื่องความเป็นอยู่ แต่พบว่าทางสถานทูตดูแลอย่างดี ทางสถานทูตทำงานหนักมาก ช่วยส่งยา ส่งข้าวของไปให้ต้องขอบคุณ ซึ่งนายพนิช มีจิตใจเข้มแข็งแต่ตนเป็นห่วงเรื่องอาหาร เพราะนายพนิชทานไม่ค่อยได้ ทางสถานทูตก็จัดอาหารไปให้เป็นอาหารรสอ่อน ๆ เช่น “ข้าวผัด”

เมื่อถามว่าช่วงที่ไปเยี่ยมนายพนิช ได้เล่าให้ฟังหรือไม่ว่าโดนจับได้อย่างไร ม.ล.สมพงษ์วดี กล่าวว่า เขาบอกว่าเขามีเจตนาบริสุทธิ์ ทำไปตามหน้าที่ และเขายืนยันว่าไปอยู่ในที่ของเรา แต่มีคนชี้ให้ไปทางโน้นทางนี้ ก็ตามเขาไปเรื่อย ไม่รู้ว่าไปผิดไปถูกอย่างไรจนมีคนมาจับ ต่อข้อคำถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดต่อให้ความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ม.ล.สมพงษ์วดี กล่าวว่า หลังจากที่นายพนิชถูกจับ ทั้งนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ ให้คนติดต่อมาให้กำลังใจ ส่วนตนโทรศัพท์ถามความคืบหน้ากับนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีก็รับโทรศัพท์ทุกครั้ง บอกว่ากำลังช่วยอยู่ ส่วนทางกระทรวงการต่างประเทศก็ให้ความช่วยเหลือตนมาก

**ปฏิเสธเป็นเหาแค่ถูกแมลงสาบแทะ

ต่อข้อถามว่า นายพนิช ถึงกับต้องโกนผม เพราะถูกเหากัด ม.ล.สมพงษ์วดี กล่าวว่า ตนเห็นข่าวแล้วก็รู้สึกตกใจ แต่นายพนิชบอกว่า ต้องโกนผมจริง เพราะถูกแมลงสาบขึ้นตามตัวในห้องเวลานอนและกัดจนเป็นแผล จึงต้องโกนผมเพื่อจะได้รักษาง่าย ส่วนเรื่องเหานั้นไม่จริง เพราะนายพนิช ไม่ได้บอกว่าเป็น

“ในช่วงที่ลูกอยู่ในเรือนจำ เขาเคยบอกว่าสุขภาพไม่ค่อยดี ซึ่งสุขภาพของลูกที่น่าห่วง ตอนนี้ยังมีแผลผดผื่น แต่ก็สบายใจว่าถึงมือแพทย์แล้ว ที่ผ่านมาได้คุยกัน ลูกชายบอกว่าไปทำตามหน้าที่ไปดูเขตไทย ลูกก็บอกว่า “เราไปดูในเขตไทยนะคุณแม่ ตอนนั้นก็ไม่มีคนทักท้วงเรา มีแต่คนโบกไม้โบกมือให้เราเข้าไป เราก็ตามไป” มารดานายพนิชกล่าวและว่า ถ้านายพนิชยังอยู่ที่ประเทศกัมพูชาอีกนาน ก็จะพาลูกสาวของนรายพนิชไปหา เพราะเขาบอกว่าคิดถึงลูกสาวมาก

**ยื่นประกัน 5 คนไทยรู้สัปดาห์หน้า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบข่าวศาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ประกันตัว 5 คนไทยที่เหลือแล้ว โดยได้สั่งหน่วยงาน(ทนาย)ที่เกี่ยวข้องเร่งยื่นอุทธรณ์ คาดว่าจะรู้ผลภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามเรายังไม่ทราบรายละเอียดในการใช้ดุลพินิจของศาลกัมพูชาในการปล่อนตัวคนไทย 2 รายแรก

เมื่อถามว่า แต่จังหวะเวลาที่ปล่อยตัว 2 ผู้ต้องหากัมพูชา ที่จับกุม 7 คนไทยในวันเดียวกันและมาปล่อยตัวในวันเดียวกัน เป็นการส่งนัยยะอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ารายละเอียดเป็นอย่างนั้น คือเป็นกระบวนการปกติและอย่างที่เรียนคือเมื่อเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายไป คงต้องมาพูดคุถยถึงแนวปฏิบัติต่อจากนี้ไปไม่ให้เกิดปัญหาความคลางแคลงใจกระทบกระเทือนกันจนบานปลายไปเป็นเรื่องอื่น เมื่อถามว่า ระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ มีแนวทางชัดเจนที่จะดำเนินการร่วมกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยปฏิบัติเขาก็มีแนวทางที่เขาดำเนินการอยู่ แต่บางครั้งแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นจะไม่เหมือนกัน ฉะนั้นบางครั้งอาจจะมีความไม่ชัดเจนมีความสับสนอยู่บ้าง แต่ตนคดว่ารจำเป็นที่จะต้องมาสะสางกันค่อนข้างมาก

ทั้งนี้เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา จะไม่สะดุดลง เพราะแนวทางการแก้ปัญหาชายแดนต้องเดินหน้าต่อไป เราต้องมีการดำเนินการต่อในระดับปัญหาภาพใหญ่ด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเจบีซีหรือมรดกโลก

ส่วนที่กลุ่ใคนไทยหัวใจรักชาติยกระดับเป็นขับไล่ตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีกหลายคน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นและเราก็พยายามไม่ให้มันเกิดปัญหาในแง่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือชุมนุม ตนได้กำชับทางตำรวจดูแลให้ทุกอย่างอยู่บนความพอเหมาะพอดี สามารถใช้สิทธิ์ได้ แต่อย่าให้ไปกระทบกระเทือนกับประชาชนทั่วไปมาก

**เทือกชี้ปล่อยเขมรแค่จังหวะเวลา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การส่งตัวนักโทษชาวกัมพูชากลับไปดำเนินคดีในกัมพูชาที่หลายคนมองว่าเป็นการ แลกเปลี่ยนนักโทษกันนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนนักโทษอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่เป็นการดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่จังหวะเวลามันพอดีกัน

**ผบ.ทบ.อุ้ม“นายป้อม”ทำงานมาก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึง กรณีที่กลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ จะเคลื่อนขบวนไปหน้ากระทรวง กลาโหม เพื่อไปขับไล่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ออกมายอมรับว่า 7 คนไทยรุกล้ำเขตแดนกัมพูชาว่า ไม่เป็นไรขอให้ทำได้ตามกฎหมาย แต่อย่าไปบุกรุกสถานที่ราชการ ถ้าจะไปแสดงกิจกรรมเคลื่อนไหว แสดงความคิดเห็นอะไรก็ไม่มีปัญหา เพราะทุกอย่างมีระเบียบอยู่แล้ว

ส่วนที่เครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ระบุว่า กองทัพไม่ค่อยให้ความช่วยหลือกรณี 7 คนไทยนั้น ตนต้องขอร้องเรียนกับสื่อมวชชนด้วยว่า พล.อ.ประวิตร เป็นคนที่ช่วยมากที่สุด และช่วยมาตั้งแต่ต้น เราก็ไม่อยากจะพูด เพราะมันมากเรื่อง ยิ่งพูดก็ยิ่งมากเรื่องไปเรื่อย ๆ

"ผมต้องขอชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยรวมว่า การแก้ไขปัญหาของเราในบางเรื่อง พูดออกสังคมไม่ได้มากนัก เพราะจะทำให้การแก้ไขปัญหาและสถานการณ์เป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น รวมทั้งจะมีผลกระทบกับคนไทยทั้งหมด หากทุกอย่างค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากัน อย่างน้อย มิตรภาพที่เรามีร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านน่าจะแก้ไขปัญหาได้พอสมควร" ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเราพูดจากันด้วยดี ปักกันเขตแดนเรียบร้อย ปัญหาประเทศเพื่อนบ้านก็จบไป แต่ ถ้าเคลื่อนไหวกันอยู่อย่างนี้ กดดันกันไปมา ซึ่งตนก็ไม่อยากจะบอกว่าใครผิดใครถูก แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของกลไกการแก้ปัญหา เอาหลักฐานเอกสารมาพูดจากัน ถ้าเราไปยึดจุดใดจุดหนึ่ง มันจะยากลำบาก ไม่ใช่เรื่องของการเสียไม่เสียดินแดน เพราะสภาพพื้นที่มันเปลี่ยนแปลงไป แนวเขตแดนเปลี่ยนแปลงไป แต่เราต้องมาพูดจากันด้วยข้อตกลง ข้อสัญญาต่างๆ

อย่างไรก็ตามการปักปันเขตแดนในอดีตที่ผ่านมาก็มีความคาดเคลื่อน เพราะไม่มีระบบดาวเทียมจีพีเอส การปักหลักเขตไปแล้วแต่เมื่อหลักเขตถูกทำลายไปก็ต้องเอาสัญญามาพูดกัน สรุปแล้วขณะนี้ยังไม่มีใครได้ ใครเสียอะไร ก็ตกลงกันแล้วว่า เมื่อปักปันเขตแดนชัดเจนแล้วเขาก็ต้องถอยออกไปหรือไม่ เราก็ต้องถอยเข้ามา แล้วมันจะได้เสียกันอย่างไร

**ขู่ฟ้องกล่าวหาทหารเอี่ยวผลประโยชน์

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวจะยิ่งเป็นการกดดันการปักปันเขตแดน หรือไม่ ผบ.ทบง กล่าวว่า เขาก็เคลื่อนไหวด้วยความรักแผ่นดินรัชาติ แต่ต้องมาพูดจากันแล้วเอาข้อยุติที่ได้ไปเจรจากับประเทศอื่นเขา เมื่อเรามีหลายกลุ่มหลายฝ่ายเราก็ต้องมาคุยกันเองเพื่อหาข้อยุติ จากนั้นก็เสนอให้รับบาล เพื่อให้รัฐบาลทั้งสองประเทศได้พูดจากัน ถ้าทุกกลุ่มเอาปัญหาตัวเองขึ้นมาพูดแล้วไปดกดดันกัน อีกหน่อยเราก็อยู่กันไม่ได้

"ยืนยันว่า ไม่มีใครอยากเสียดินแดนและไม่มีทหารคนไหนจะไปได้ผลประโยชน์จากการป้องกันชายแดน ผมอยู่ชายแดนมาก็นาน ผู้บังคับบัญชการทุกระดับชั้นก็เคยอยู่ชายแดน ผบ.ทบ. ทุกคน ก็เคยอยู่ชายแดน แล้วมันเสียดินแดนตรงไหน ได้ผลประโยชน์ตรงไหนกัน ที่บอกว่าได้ประโยชน์ตามแนวชายแดน ระวังจะมีการดำเนินการตามกฎหมาย ถ้ามันพูดอะไรไม่มีเหตุผล ไม่มีเรื่องราวอะไรขึ้นมา จะมากล่าวอ้างอย่างนี้ไม่ได้ มันถือว่าทำลายกองทัพ ที่อยู่มาได้ทุกวันนี้ก็กองทัพนี่แหละที่ดูแลท่านอยู่ เสียเลือดเหนื้อชีวิตไปเท่าไรแล้ว ทำไมไม่เห็นใจเขาบ้าง มาบอกว่าผู้บังคับบัญชามีผลประโยชน์ มีตรงไหน ผมไม่เห็นจะมีผลประโยชน์ตรงไหน มีแต่ปวดหัวทุกวัน คนนั้นจะเอาอย่างนี้ คนนี้จะเอาอย่างนั้น เราต้องทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันให้ได้ ทำให้ประชาชนปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ถ้าบอกว่ามีเรื่องผลประโยชน์ หรือบ่อนคาสิโน ก็ขอให้ไปเอาหลักฐานมา ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาผมไปเกี่ยวข้องผมก็จะลงโทษ ไม่ใมช่พูดกันลอย ๆ กล่าวอ้างไปเรื่อย " ผบ.ทบ. กล่าว

**กมม. จี้เร่งช่วยคนไทย-เลิกเอ็มโอยู 43

เวลา 10.20 น. นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ยื่นหนังสือที่ประตูฝั่งลานน้ำพุ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ทำเนียบรัฐบาล ผ่านนายเกียรติฟ้า เลาหะพรสรรค์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เเละรัฐบาลดำเนินการกดดันกัมพูชาเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยศักดิ์ศรีและความเป็นพลเมืองไทย กรณีคนไทย 7 คนถูกกัมพูชาจับกุมให้พื้นที่พิพาท ทั้งนี้ยังขอให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และรื้อข้อตกลงเจบีซี รวมทั้งให้ออกแถลงการณ์รัฐบาลอย่างเป็นทางการเพื่อแสดงจุดยืนในนามประเทศไทย ว่าทหารกัมพูชาบุกรุกเข้ามาจับคนไทยในเขตแดนไทยและให้ถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยไทย 3
ให้รัฐบาลใช้มาตรการผลักดันชาวกัมพูชาและทหารที่รุกล้ำในดินแดนประเทศไทยออกจากพื้นที่ทันที ให้รัฐบาลปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 อย่างเคร่งครัด และให้ดำเนินการให้รัฐบาลกัมพูชาปล่อยตัว 7 คนไทย โดยไม่มีเงื่อนไขทันที และให้รัฐบาลทำหนังสือประท้วงไปยังสหประชาชาติ ว่ากระทบวนการจับกุมและดำเนินคดีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ

**เครือข่ายฯกร่อยเลิกบุกด่านอรัญฯ

เมื่อเวลา11.00น.นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ แถลงว่าได้ยกเลิกเดินทางไปปิดล้อมด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่ยังยืนยันคงภารกิจนี้ไว้แต่ขึ้นอยู่กับชาวบ้านอ.อรัญประเทศมีความพร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับเครือข่ายฯในการให้ข้อมูลพร้อมพยาน โดยขั้นตอนนี้พร้อมเมื่อใดเครือข่ายฯจะเคลื่อนไหวปฏิบัติการทันที

นอกจกาจะไปกระทรวงกลาโหมแล้ว เครือข่ายฯจะไปพบบรรณาธิการสื่อต่างๆ องค์กรธุรกิจ อุตสาหกรรม เพื่อชี้แจงและขอความร่วมมือในเรื่องการเคลื่อนไหว และยกระดับการต่อสู้เป็นพลังแผ่นดิน รวมทั้งอภิวัฒน์ประเทศไทยเร่งด่วนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมในวันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล บริเวณถนนพิษณุโลกนั้น ผู้ชุมนุมบางตากว่าที่ผ่านมา

โดยมีสมณะโพธิรักษ์ แห่งสันติอโศกให้สติแก่แกนนำและผู้ชุมนุม โดยขอให้ชุมนุมในมิติใหม่ ให้ข่าวสารข้อมูลแก่ประชาชน และต่อสู้โดยสันติและอหิงสา

เวลา 14.30 กลุ่มเครือข่ายหัวใจรักชาติ ได้เคลื่อนขบวนไปที่ของกระทรวงกลาโหม เพื่อกดดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยใช้รถ 6 ล้อของสำนักสันติอโศก และกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิงประมาณ100คน โดยมีการปราศรัยโจมตีรัฐบาล และวอนให้ทหารนำ7คนไทยกลับบ้านอย่างไม่มีความผิด

** มทภ.2 รับเหลือบตัดไม้ชายแดนเพียบ

พล.ท.ธวัชชัย สฟมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กล่าวว่า ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ได้เรียนกับรองนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าได้ดำเนินการทุกขั้นตอนไปแล้ว แต่บางครั้งจะให้ 100% คงเป็นไปไม่ได้ เพราะชายแดนมีระยะทางยาวไกลผู้กระทำผิดสามารถลักลอบเข้ามาได้อยู่แล้ว สถานการณ์การตัดไม้ทำลายป่าตามแนวชายแดนขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด หากตลาดมีความต้องการมากก็จะเป็นช่วงของการลักลอบตัดไม้มาก ซึ่งการตัดไม้พะยูงในพื้นที่ชายแดนเขตไทยยังมีอยู่สูง เนื่องจากรายได้ดี ไม้พะยูงมีราคาสูง จึงเป็นสิ่งเร่งเร้าใจให้มีคนลักลอบตัดไม้จำนวนมาก ที่สำคัญคือมีขบวนการเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากเป็นเฉพาะชาวบ้านดำเนินการอย่างเดียวคงไม่ใช่เรื่องใหญ่

แต่เมื่อมีขบวนการตั้งแต่คนลักลอบตัดไม้ ขนไม้ และมีแหล่งจำหน่ายจึงทำให้มีเครือข่าย และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเห็นผิดเป็นชอบเข้าร่วมขบวนการดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วหลายราย รวมถึงไล่ออกไปก็มีมากแล้ว

“ขบวนการตัดไม้ทำลายป่าในเขตพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น เชื่อว่าทั้งเจ้าหน้าที่ไทยและเขมรรู้เห็นเป็นใจกัน เพราะหากไม่มีเจ้าหน้าที่รวมอยู่คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเราได้ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรฯ และกรมอุทยานฯให้มีการตรวจสอบ หากพบใครผิดต้องปลดออก จากที่ติดตามขบวนการเหล่านี้ ส่วนใหญ่ตัดแล้วมักนำมาซุกไว้ในฝั่งไทย เนื่องจากเส้นทางลำเลียงง่ายกว่าที่จะซุกไว้ยังฝั่งเขมร” พล.ท.ธวัชชัย กล่าว

**จี้ไทยมีหน้าที่แจงเขมรว่าผิด

เว็บไซต์อาร์เอสยูนิวส์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้สัมภาษณ์ ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ว่า ไม่มีประเทศใดที่เป็นอารยะในโลกนี้ที่จะทำอย่างกัมพูชาที่มาลักพาตัวคนในเขตไทยข้ามฝั่งไปยังเขตของตนเอง เพราะกัมพูชาเข้าใจผิดว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นของเขา เพราะยึดตามแผนที่ที่เขียนขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1907 ทั้งที่แผนที่นั้นเป็นแผนที่ที่ผิด เพราะเจ้าหน้าที่กรมแผนที่ และทหารของฝรั่งเศสและกัมพูชา ร่วมมือกันทำโดยที่ประเทศไทยยังไม่ได้สำรวจ ทั้งนี้ เป็นเพราะตอนนั้นฝรั่งเศสต้องการดินแดนเพิ่มเติมจากไทย คือ เสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณ เมื่อไทยตกลงจะยกให้ฝรั่งเศสและกัมพูชากลับทำแผนที่ไปเรียบร้อยแล้ว ประเทศไทยไม่เคยยอมรับแผนที่ฉบับนี้ เพราะว่าผิดจากข้อเท็จจริง ในโลกนี้ไม่เคยมีประเทศใดเสียดินแดนเพราะแผนที่ แม้แต่ปราสาทพระวิหารก็อยู่ในเขตไทย เราไม่เคยยอมรับแผนที่ ที่หลายคนพูดว่า เราจะไปทวงคืนนั้นมันไม่จริง เพราะเรายังไม่ได้เสียจะไปทวงคืนได้อย่างไร

นายพนิช และคณะ ยังเดินไปไม่ถึงหลักเขตที่ 46 ซึ่งเป็นหลักเขตที่อยู่ในดินแดนไทยอย่างชัดเจน เพราะพื้นที่นี้มีการปักปันเขตแดนนานกว่าร้อยปีแล้ว

“การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นความโชคดีของคนไทยที่ได้ลืมตาเสียที และจะได้จี้ให้รัฐบาลไทยเข้าใจว่ากัมพูชาเป็นอย่างไร รัฐบาลอย่ามัวเพ้อฝัน ว่า กัมพูชาจะเหมือนกับประเทศพม่า หรือมาเลเซีย ที่พูดคุยกันรู้เรื่อง ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมีหน้าที่บอกกัมพูชา ว่าแผนที่มันผิด การที่เราอนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ามาอยู่ในเขตไทยโดยไม่ไล่ออกไปถือเป็นการอนุญาตโดยอนุโลม ดังนั้นต้องรู้ว่าพระราชอาณาเขตของไทยมีอยู่แค่ไหน และจะต้องอธิบายให้คนไทยเข้าใจอย่างชัดเจน” ดร.สมปอง กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น