ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - มทภ.2 แฉขบวนการลอบตัดไม้ชายแดนมีมาก เหตุราคาดี เป็นแรงจูงใจให้กระทำผิด มี จนท.รัฐของไทย-เขมร เข้าร่วมขบวนการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ชี้ หากต้องปะทะเจ้าหน้าที่พร้อม ยันชายแดนภาคอีสานยังปกติ เผยเกาะติดคดีบึ้ม “โรงเรียนเปรมฯ” คืบหน้า ปล่อยเป็นหน้าที่ของตำรวจสืบสวนคดีให้กระจ่าง
วันนี้ (14 ม.ค.) พล.ท.ธวัชชัย สฟมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ว่า สถานการณ์โดยรวมเป็นปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ซึ่งล่าสุด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อมาติดตามเรื่องทั่วไป ทั้งโครงการพระราชดำริ, โครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด และโครงการสร้างฝาย ปลูกต้นไม้ แต่ไม่ได้กำชับเรื่องชายแดนเป็นพิเศษ เพียงแต่ถามถึงเรื่องทั่วๆ ไปเท่านั้น เพราะทหารเราดูแลและปกป้องดินแดนอยู่แล้ว
ในส่วนที่มีปัญหาข้อขัดข้องเราก็ดำเนินการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าที่จะต้องช่วยกันดูแล ซึ่งเรื่องนี้ได้เรียนกับรองนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าได้ดำเนินการทุกขั้นตอนไปแล้ว แต่บางครั้งจะให้ 100% คงเป็นไปไม่ได้ เพราะชายแดนมีระยะทางยาวไกลผู้กระทำผิดสามารถลักลอบเข้ามาได้อยู่แล้ว
พล.ท.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า สถานการณ์การตัดไม้ทำลายป่าตามแนวชายแดนขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด หากตลาดมีความต้องการมากก็จะเป็นช่วงของการลักลอบตัดไม้มาก ซึ่งการตัดไม้พะยูงในพื้นที่ชายแดนเขตไทยยังมีอยู่สูง เนื่องจากรายได้ดี ไม้พะยูงมีราคาสูง จึงเป็นสิ่งเร่งเร้าใจให้มีคนลักลอบตัดไม้จำนวนมาก ที่สำคัญคือมีขบวนการเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากเป็นเฉพาะชาวบ้านดำเนินการอย่างเดียวคงไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่เมื่อมีขบวนการตั้งแต่คนลักลอบตัดไม้ ขนไม้ และมีแหล่งจำหน่ายจึงทำให้มีเครือข่าย และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเห็นผิดเป็นชอบเข้าร่วมขบวนการดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วหลายราย รวมถึงไล่ออกไปก็มีมากแล้ว
“ขบวนการตัดไม้ทำลายป่าในเขตพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น เชื่อว่า ทั้งเจ้าหน้าที่ไทยและเขมร รู้เห็นเป็นใจกัน เพราะหากไม่มีเจ้าหน้าที่รวมอยู่คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเราได้ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรฯ และกรมอุทยานฯให้มีการตรวจสอบ หากพบใครผิดต้องปลดออก จากที่ติดตามขบวนการเหล่านี้ ส่วนใหญ่ตัดแล้วมักนำมาซุกไว้ในฝั่งไทย เนื่องจากเส้นทางลำเลียงง่ายกว่าที่จะซุกไว้ยังฝั่งเขมร” พล.ท.ธวัชชัย กล่าว
พล.ท.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า ส่วนการปะทะกับกลุ่มลักลอบตัดไม้นั้น เจ้าหน้าที่เรามีกฎกติกาอยู่แล้ว หากเราสั่งให้เขาหยุดกระทำแต่กลับมีการยิงออกมา เจ้าหน้าที่เราก็ต้องมีการยิงป้องกันตัวเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากไม่ทำอะไรเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปสอบถามและจับกุมมาดำเนินคดีหากกระทำผิดกฎหมาย แต่ไม่มีเจตนาอย่างอื่นหรือไม่ได้กระทำผิดกฎหมายก็ปล่อยตัวไป หากนอกเหนือกว่านั้นก็ต้องดำเนินการส่งฟ้องศาลเหมือนกฎหมายทั่วไป โดยในปีนี้มีการยิงปะทะกับกลุ่มลักลอบตัดไม้ของทางฝ่ายกัมพูชาเพียงครั้งเดียวแต่ไม่มีฝ่ายใดสูญเสียชีวิต
ต่อข้อถามถึงกรณีศาลกัมพูชา ให้ประกันตัว 2 คนใน 7 คนไทย ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านภาคอีสานลดความตึงเครียดลงหรือไม่นั้น พล.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า ชายแดนด้านนี้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เพราะระดับพื้นที่มีการพูดคุยประสานงานกันตลอด
แต่เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศที่จะดำเนินการตอบคำถามจะดีกว่า เพราะไม่เกี่ยวกับเรา แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เราชอบคิดกันไปมากกว่า ความจริงแล้วก็เหมือนกระบวนการของบ้านเราถ้าใครกระทำผิดศาลก็ต้องดำเนินการ หากคดีเบาก็ประกันตัวได้ แต่หากคดีหนักหรือพิจารณาแล้วผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปเลย เขาก็ไม่ให้ประกัน
ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้ายวางระเบิดห้องสมุดโรงเรียนเปรม ติณสูลานนท์ ที่ จ.ขอนแก่น นั้น พล.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า ได้มีการประสานงานกับฝ่ายตำรวจตลอดเวลา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนของเจ้าหน้าที่และการพิสูจน์หลักฐานของกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งลายนิ้วมือ เขม่าดินปืน รวมถึงสอบปากคำทหารที่เข้าเวรอยู่ในช่วงนั้นด้วย ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการสอบสวนเพื่อหาความกระจ่างชัดอีกครั้งหนึ่ง
