xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ฤา “คุก” ประเทศไทย ไม่ได้มีไว้ขัง “จตุพร พรหมพันธุ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กลายเป็นคู่เวร-คู่กรรม ข้ามปีไปแล้ว ระหว่าง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เพราะหากนับครั้งล่าสุดที่นายธาริต ได้ยื่นถอนประกันนายจตุพร ก็นับว่าเป็นครั้งที่ 4 แล้ว! ซึ่งนายธาริตในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้ายก็ยังคงเดินหน้าไม่ลดราวาศอกเดินหน้ายื่นถอนประกันอีกครั้ง

นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553 ที่นายจตุพรยังอาศัยใบบุญ ของเอกสิทธิ์คุ้มครองส.ส. ทำให้ไม่ต้องไปนอนในตารางเหมือนกับเดอะแก๊งแกนนำเสื้อแดง จะว่าน่าดีใจหรือเห็นใจหรือไม่ สำหรับนายจตุพรก็สุดแล้วแต่ เนื่องจากต้องเดินหน้าชนฝ่ายตรงข้ามเพียงคนเดียว ทั้งรัฐบาล กองทัพ ดีเอสไอ กกต. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ อันนำมาสู่ความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้ไปนอนรวมในเรือนจำกับเพื่อนรักเสื้อแดงที่ป่านนี้ก็ยังต้องนอนฝันค้าง รอพิจารณาคดีในชั้นศาล คดีก่อการร้ายอยู่

แต่ที่ผ่านมาพฤติกรรมของนายจตุพร ตลอดมาก็หาไม่ที่จะสงบเสงี่ยมเจียมตัว ยังคงสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย และที่เป็นเนื้อหลักในพฤติกรรมที่ดีเอสไอได้ยื่นเรื่องขอถอนประกันตัวนายจตุพร ก็มีหลากหลาย ไล่มาตั้งแต่ ปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงไปกดดันที่ศาลอาญา เรือนจำพิเศษกรุงเทพ รวมไปถึงการข่มขู่นายเมธี อมรวุฒิกุล พยานในคดีก่อการร้าย ผ่านทางโทรศัพท์ ให้ร้ายพนักงานสอบสวนดีเอสไอว่ารับสินบนในคดี 89 ศพ ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานโดยนำสำนวนคดีผู้เสียชีวิตช่วงการชุมนุมที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอมาเปิดเผย

หลายต่อหลายครั้งจนแล้วจนรอด นายจตุพรก็ยังรอดวิบากกรรมไม่ถูกศาลออกคำสั่งถอนประกันตัว อย่างไรก็ดีมีสิ่งที่ต้องจับตามองและพิจารณาเป็นพิเศษคือครั้งล่าสุด ศาลได้ออกคำสั่งโดยมีเงื่อนไขพิเศษ 2 ข้อ ที่เงื่อนไขศาลระบุชัดว่า “ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุม หรือกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมเกินกว่า 5 คน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน หรือการดำเนินคดีในศาล” และ “หรือทำการเผยแพร่ข่าวสารต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือต่อสาธารณะในเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายในทำนองเดียวกัน เว้นแต่เป็นการพูดหรืออภิปรายในรัฐสภาในฐานะเป็น ส.ส.” ทั้งหมดก็เพียงพอและชัดเจนอย่างยิ่ง ซึ่งคงไม่ต้องมีการตีความสิ่งใดเพิ่มเติม

แต่กลับมีคำถามใหญ่เกิดขึ้นว่า เหตุใดจึงยังปรากฏภาพ จตุพร พรหมพันธุ์ ทำตัวฮึกเหิม เป็นหัวหอกนำทีมคนเสื้อแดงยกขบวนกว่าหมื่นคนไปร่วมชุมนุมที่เวทีราชประสงค์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ! ทั้งที่โดนคำสั่งศาลบล็อกไว้ชัดเจนแล้วว่า ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุม หรือกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมเกินกว่า 5 คน

ทั้งนี้ นายจตุพร และทีมทนายความเสื้อแดง อ้างว่าได้ไปคุยกับผู้พิพากษามาแล้ว และก็อนุญาตให้สามารถขึ้นเวทีปราศรัยต่อหน้าคนเสื้อแดงที่เวทีราชประสงค์ได้ ซึ่งวันถัดมา “นายมานิตย์ สุขอนันต์” รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ก็ได้ออกมาแถลงรับรองคำพูดของนายจตุพรกรณีให้สัมภาษณ์อ้างมีรองอธิบดีผู้พิพากษาระบุว่าสามารถเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงได้ว่าเป็นความจริง

กระนั้นก็ดี การที่นายจตุพรชูธงการต่อสู้ว่ากลุ่มเสื้อแดงเป็นนักต่อสู้ประชาธิปไตย หากจะมีความเกรงใจและเคารพสิทธิของผู้อื่นก่อนบ้าง ทำไมถึงไม่รอให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีที่มีคำสั่งห้ามไม่ให้ตัวเขาขึ้นปราศรัยกลับมาจากต่างประเทศเสียก่อน เพราะวิธีการที่นายจตุพรและทีมทนายเสื้อแดงเดินทางไปคุยกับผู้พิพากษาเพื่อปลดล็อกให้ตนเองปราศรัยได้นั้น เป็นวิธีการลับที่ไม่ได้เปิดเผยหรือแจ้งให้คนทั่วไปทราบแต่อย่างใด

ที่เห็นได้ชัดเจนโดยพบหายนะกับการกระทำของนายจตุพร ก่อนใครเพื่อนหนีไม่พ้นผู้ประกอบการย่านราชประสงค์

ภาพของนายจตุพรควงคู่นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช. ขึ้นเวทีปราศรัย ที่ราชประสงค์ ต่อหน้าคนเสื้อแดงนับหมื่นคน จึงเป็นเหมือนฝันร้ายลางๆ ของประเทศไทย ที่อาจเกิดความสุ่มเสี่ยงกรณีคนเสื้อแดงรวมตัวใหญ่กลับมาเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้งหนึ่งและจากนี้ที่จะต้องมีการชุมนุมขึ้นอีกแน่นอน ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคต !?

แต่ในอีกมุมหนึ่ง สำหรับนายจตุพร กรณีที่เกี่ยวเนื่องกับศาล ขณะสวมหมวกเป็นแกนนำเสื้อแดง กลับโจมตีสถาบันศาลสารพัดที่จะหยิบยกมาทำลายได้ ซึ่งหากย้อนกลับไปดูแต่ละคดีความที่นายจตุพรเองในฐานะจำเลยมักหาเรื่องเลี่ยงบาลีหยิบยกเหตุผลต่างๆ อ้างว่าตัวเขาไม่ได้รับความยุติธรรม แต่จบลงด้วยประโยชน์ต่อตัวเขาเองทั้งสิ้น อาทิ ขึ้นเวทีปราศรัย นปช. บริเวณวัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง

โดยกล่าวหาหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ฆาตกรมือเปื้อนเลือด สั่งทหารฆ่าประชาชน คดีนี้ “จตุพร” ต่อสู้ด้วยการกล่าวหา “นายสมศักดิ์ วงศ์ยืน” องค์คณะผู้พิพากษาว่าไม่ให้ความเป็นธรรม และยื่นคำร้องคัดค้านการทำหน้าที่ของ “นายสมศักดิ์” จนทำให้ “นายสมศักดิ์” ขอถอนตัวจากการเป็นผู้พิพากษาองค์คณะ และศาลอาญาได้เปลี่ยนองค์คณะใหม่

คดีต่อมา กล่าวหานายอภิสิทธิ์ กระทำการมิบังควรตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน โดยผลการคัดค้านของ “จตุพร” ทำให้การนัดพิพากษา เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต้องยกเลิกไป รวมทั้งได้ให้สิทธิในการต่อสู้คดีแก่ นายจตุพร ด้วยการเปิดโอกาสให้สืบพยานเพิ่มเติมอีก 6-7 ปาก ใช้เวลา 3 นัด

ล่าสุด คำสั่งศาลที่ตีความชัดเจนยิ่งแล้วว่าไม่ให้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ก็ไม่มีความหมายอันใดเพราะเขาก็ยังทำตัวเหิมเกริมนำทัพคนเสื้อแดงออกชุมนุมปราศรัยที่ ราชประสงค์ เหมือนกับว่าคำสั่งศาลเป็นแค่ลมเบาหวิวไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัวเลยด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกันผลกรรมของนายจตุพร ที่ก่อขึ้นยังไม่หมดสิ้นเสียทีเดียว เนื่องจาก ดีเอสไอ ตามหน้าที่ก็ยังต้องตามดูพฤติกรรมอย่างไม่ลดละเช่นกัน ล่าสุดนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้กลับลำยื่นถอนประกันตัวอีกครั้ง โดยสรุปว่า วิเคราะห์เทปการเข้าร่วมชุมนุม นปช.ของนายจตุพร เมื่อวันที่ 9 ม.ค.54 อย่างละเอียดอีกครั้ง พบอาจเข้าข่ายกระทำผิดข้อกำหนดเงื่อนไขประกันตัว โดยเฉพาะการที่นายจตุพร เป็นแกนนำให้เกิดการชุมนุมของแนวร่วม นปช.จำนวนหลายหมื่นคน นอกจากนี้ยังได้ต่อสายโทรศัพท์ของตัวเองให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินกับผู้เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งหลายถ้อยคำที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดนั้นมีเนื้อหาที่ส่งผลกระทบต่อการสืบสวนดำเนินคดี จึงถือว่าเป็นผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการดำเนินการด้วย

ทั้งนี้ ยังพบว่ามี 2 ประโยคสำคัญอาจเข้าข่ายกระทบเทือนต่อการสอบสวนหรือการพิจารณาคดีของศาล ประโยคแรก คือ นายจตุพร บอกว่า "นายจตุพร ไม่ใช่ลูกไล่นายธาริต นายธาริตเป็นเพียงข้าราชการซี 10 ที่ ส.ส.ไม่จำเป็นต้องไปกลัว แต่นายธาริต จะต้องกลัวผม เพราะจะไล่ฟ้องนายธาริต ในหลายเรื่อง" ส่วนประโยคที่สอง คือ ช่วงที่นายจตุพร บอกว่า "นายจตุพร อาจจะดำเนินการฟ้องศาลในฐานะที่ศาลได้ออกข้อกำหนดไม่ถูกต้อง เพราะว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ยังห้ามชุมนุมอีก"

อย่างไรก็ตาม ศาลได้มีคำสั่งนัดพร้อมคู่ความ เพื่อฟังคำร้องหรือไม่ ในวันที่ 20 มกราคม นี้
หากพิจารณา ดูวันที่ศาลได้มีคำสั่งนัดพร้อมคู่ความ กล่าวคือโจทย์ คือ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีเอสไอ และ จำเลย คือ จตุพร พรหมพันธุ์ ได้นัดให้มาฟังคำร้อง แม้ว่าสุดท้ายแล้ว ศาลจะมีคำสั่งถอนประกันตามคำร้องของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีของนายจตุพร ขึ้นไปอีก เนื่องจากหากพลิกปฏิทินคือในวันที่ 21 มกราคม ที่จะถึงนี้จะเป็นวันเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ จึงฟันธงได้เลยว่าเขาจะใช้ช่องทางของเอกสิทธิ์ส.ส. เป็นใบบุญหลบเลี่ยงกระบวนการยุติธรรมไม่ให้ตัวเองถูกคุมตัวไปในเรือนจำอีกครั้ง

แถมล่าสุดที่นายจตุพร ได้เผชิญหน้ากับนายธาริตที่ศาลอาญา ยังพูดติดตลกแบบไม่ยี่หระกับ อธิบดีเอสไออีกว่า " ระหว่างสภาผู้แทนราษฎรปิดสมัยประชุม จะยื่นถอนประกันตนอีกกี่ครั้ง"

หรือว่า คุกในประเทศไทย ไม่ได้สร้างไว้เพื่อคุมขัง คนที่ชื่อ จตุพร พรหมพันธุ์ !?
กำลังโหลดความคิดเห็น