เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา บรรดาพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจรายย่อย สมาชิกของสมาคมนักธุรกิจและพนักงานห้างร้านโรงแรมต่างๆ ในย่านราชประสงค์ ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง รวมทั้งประชาชนที่เกลียดการใช้ความรุนแรงและการเผาเมืองในการชุมนุม นับพันออกมารวมตัวกันบริเวณแยกราชประสงค์ เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศห้ามใช้พื้นที่สาธารณะบริเวณสี่แยกราชประสงค์เป็นพื้นที่ชุมนุมอีก เพราะต้องการเห็นความสงบสุขกลับคืนมา
โดยกลุ่มประชาชนหลากหลายอาชีพที่ต้องพึ่งพาพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ทำมาหาเลี้ยงชีพ ได้แถลงความจำนงนี้ และยื่นหนังสือเรียกร้องห้ามใช้พื้นที่แยกราชประสงค์เป็นสมรภูมิการเมืองของคนเสื้อแดงอีกต่อไปเสนอนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มคนเหล่านี้ยังได้ประกาศพร้อมที่จะเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงหรือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ อีกด้วย
วันรุ่งขึ้น นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ หรือสหายปูนชื่อจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รักษาการประธานกลุ่ม นปช. แถลงการณ์ตอบโต้ผู้ประกอบการร้านค้าและพนักงานโรงแรมย่านราชประสงค์ ที่ได้รับความเดือดร้อน ทำการค้าขาดทุน และอาคารสถานที่เสียหายจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2553 ว่าจะต่อต้านรัฐบาลต่อไป โดยอ้างว่าประชาชนไทยไม่มีประชาธิปไตย อำนาจไม่ได้อยู่ในมือประชาชน และความเป็นธรรมไม่เกิด
ดังนั้น ประชาชนทุกคนจะต้องเลือกเอาว่าความเดือดร้อนของประชาชนกับการขาดทุนของผู้ประกอบการค้าทุกระดับในย่านราชประสงค์ อะไรจะเดือดร้อนกว่ากัน เป็นคำถามของนางธิดา หรือสหายปูนแต่วาระซ่อนเร้นคือการปฏิวัติแบบรุนแรงโค่นรัฐบาล
ประเด็นสำคัญที่พวกเขาจัดชุมนุม เผาบ้านเผาเมือง ใช้อาวุธยิงคนผู้คน ตำรวจและทหาร ทำลายสาธารณะสมบัติ ไม่ใช่เพราะอ้างประชาธิปไตยหรือ พวกเขาต้องการประชาธิปไตยที่รุนแรงมากว่านี้หรือ
นางธิดา หรือสหายปูน แต่งงานกับนายเหวง โตจิราการ หรือสหายเข็มในป่า มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นเจ้าภาพ และทั้งสองต่างมีแนวคิดต่อต้านสถาบันชาติ และยึดอัตตานิยมเป็นสำคัญ เข้าไปร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
ด้วยความคิดแนวเลนินนิยม แต่มีหลักทางการเมืองเป็นจุดร่วมประโยชน์กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จึงได้รับการแต่งตั้งจากเขตงาน 444 ให้ได้ฐานะผู้นำกลุ่ม สหายเข็มหรือหมอเหวง บรรยายว่าเป็นเขตงานของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตอีสานเหนือ เข้มแข็งที่สุดในภาคอีสานทั้งหมด ผู้นำของ พคท.ระดับภาคต้องผ่านการทำงานในเขต 444 ก่อน เพราะเป็นเขตที่มีมวลชนดีเด่น ฝ่ายการเมืองก็ดี ฝ่ายทหารก็มีชื่อเสียงมาก สามารถสร้างยุทธวิธีใหม่ในการสู้รบกับทหารรัฐบาล สามารถทำลายการล้อมปราบของเจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่เป็นสัจธรรมที่เขต 444 ในพื้นที่อีสานเหนือเดิม ก็ยังเป็นพื้นที่ที่คนเสื้อแดงมีอิทธิพลมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะแนวคิดการปฏิวัติแบบเลนินนิยมยังฝังใจในความคิดของผู้คนบางคนในพื้นที่นี้
เมื่อหมอเหวงและนางธิดา พยายามที่จะใช้ลัทธิเลนินเป็นหลักในการปฏิวัติชนิดรุนแรงในประเทศไทย โดยมีกำลังรบจากนอกประเทศเข้ามาช่วยสนับสนุนให้สัมฤทธิผล จึงแตกแยกกับ พคท.
ประกอบกับนโยบายการเมืองนำหน้าทหาร ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้กับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีกองบัญชาการกองทัพภาคส่วนหน้า ตั้งอยู่ที่จังหวัดสกลนคร จึงเข้าใจสถานการณ์ และภาวะแวดล้อมพื้นที่ภาคอีสานเป็นอย่างดี
ประกอบกับแนวคิดทางการเมือง การทหาร ของพลเอกเปรม ถือว่าเป็นทหารประชาธิปไตยคนหนึ่ง โดยยึดความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นเกราะ ทำให้ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ มีมติสนับสนุนพลเอกเปรม ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แทนพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ที่ต้องลาออกไป ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2523
ด้วยแนวพระราชดำริ ผนวกกับอุดมการณ์ประชาธิปไตยของพลเอกเปรม เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงประกาศคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 66/23 และ 65/25 ใช้บังคับข้าราชการให้ประพฤติปฏิบัติเป็นข้าราชการที่ดี ไม่ข่มเหงรังแกประชาชน และซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งยุทธศาสตร์ในการทำนุบำรุงราษฎรให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และคำสั่งนี้เป็นกลไกสำคัญยิ่งที่ทำให้สมาชิก พคท.ทิ้งอาวุธออกจากป่า เพื่อกลับออกมาใช้ชีวิตอย่างคนโดยปกติ
นางธิดา หรือสหายปูน ยอมรับว่านโยบาย 66/23 และ 65/25 เป็นนโยบายที่ดี เปิดโอกาสให้คนจำนวนมากซึ่งไม่เห็นด้วยกับ พคท. เช่นเธอและสามีออกมาใช้ชีวิตอย่างประชาชนทั่วไป แต่หากไม่มีการนิรโทษกรรมและนโยบาย 65/25 แล้ว อาจจะเกิดขบวนการใต้ดินขึ้นใหม่
ความพ่ายแพ้ของสหายเข็มหรือหมอเหวงในที่ประชุมสมัชชา พคท.ครั้งที่ 4 ผนวกกับนโยบาย 66/23 และ 65/25 แล้ว เกิดปรากฎการณ์ป่าแตก เพราะสมาชิกพรรคไม่อาจที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงโดยการนำเข้าจากภายนอก ซึ่งลุงเติม หรือสหายมะลิแห่งกรุงชิง เพื่อนของ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ลุงเดิมเป็นแม่ทัพ พคท.ภาคใต้ มีถิ่นฐานบริเวณกรุงชิง อุทยานแห่งชาติเขาหลวง นครศรีธรรมราช มียุทธภูมิที่คน 2 คนนี้บัญชาการรบกันที่สมรภูมิเขาช่องช้าง
ลุงเติมเล่าว่า “อนาคตของชาติถ้าจะมีการนำเข้า (ลุงเติมหมายถึงการนำกำลังพลจากนอกประเทศเข้ามาทำการร่วมปฏิวัติกับ พคท.) เห็นควรวางอาวุธ แล้วออกมาใช้ชีวิตที่เป็นปกติจะดีกว่า”
หมอเหวงกับนางธิดา เลื่อมใสลัทธิเลนินนิยม ต่อต้านความคิดของเหมา เจ๋อ ตุง ที่ พคท.นิยมมาตั้งแต่ก่อตั้ง จนในหนังสือเรื่องป่าแตกเรียกว่า 4 พิทักษ์ คือ พิทักษ์พรรคนิยมจีน พิทักษ์ความคิดเหมา เจ๋อ ตุง และพิทักษ์องค์กรนำเดิม 2 คัดค้าน คือ คัดค้านลัทธิแก้อย่างเด็ดเดี่ยว (อาจจะหมายถึงการทำลายล้างทุกระบบที่มีอยู่แล้ว) และคัดค้านปัญญาชนอย่างเด็ดเดี่ยว
ตามนัยนี้คนทั้งสองหมายให้ พคท.เปลี่ยนยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมือง เป็นการปฏิวัติจากเมืองออกไปชนบท ลักษณะบัวตูมบัวบาน คือ เปลี่ยนแปลงรุนแรงขยายจากเมืองแล้วจึงขยายผลสู่ชนบท การปฏิวัติจึงสำเร็จ
ความแตกต่างของลัทธิเหมา เจ๋อ ตุง กับเลนินนิยมแตกต่างกัน คือสถาบันฮ่องเต้ล่มสลายตั้งแต่ครั้งปฏิวัติซุนยัดเซนแล้ว และเหมา เจ๋อ ตุง ไม่มีนโยบายทำลายล้าง ยกเว้นเมื่อเกิดปฏิวัติวัฒนธรรม เพราะมีการประเมินสถานการณ์การต่อสู้ทางชนชั้นภายในประเทศจีนผิดพลาด แต่กลุ่มเจียงจิง ขยายผลไปในทางที่ผิดและรุนแรง ทำให้การปฏิวัติวัฒนธรรมล้มเหลวเป็นจุดด่างของเหมา เจ๋อ ตุง
ลัทธิเลนินนั้นใช้กลยุทธ์ปฏิวัติแบบรุนแรงขยายผลออกจากเมือง ทำให้กลุ่มอนาธิปไตยได้ใจ จึงใช้ความรุนแรง การข่มขู่ การเผาบ้านเมือง การทำลายแหล่งธุรกิจ เพื่อให้คนชั้นกลางกลัวจนต้องร่วมมือ และเลนินรู้เห็นเป็นใจในการปลงพระชนม์พระเจ้านิโคลัสที่ 2 และราชวงศ์
ขณะนี้ยุทธศาสตร์ปฏิวัติตามลัทธิเลนิน กำลังถูกประยุกต์ใช้ที่ราชประสงค์ เพราะว่าเมื่อ พ.ศ. 2523 หมอเหวงและนางธิดา ทำไม่สำเร็จที่จะใช้ พคท. และการนำเข้าพรรคคอมมิวนิสต์นอกเพื่อยึดและทำลายอำนาจรัฐ จึงหวังมาใช้ในพ.ศ.นี้
โดยกลุ่มประชาชนหลากหลายอาชีพที่ต้องพึ่งพาพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ทำมาหาเลี้ยงชีพ ได้แถลงความจำนงนี้ และยื่นหนังสือเรียกร้องห้ามใช้พื้นที่แยกราชประสงค์เป็นสมรภูมิการเมืองของคนเสื้อแดงอีกต่อไปเสนอนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มคนเหล่านี้ยังได้ประกาศพร้อมที่จะเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงหรือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ อีกด้วย
วันรุ่งขึ้น นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ หรือสหายปูนชื่อจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รักษาการประธานกลุ่ม นปช. แถลงการณ์ตอบโต้ผู้ประกอบการร้านค้าและพนักงานโรงแรมย่านราชประสงค์ ที่ได้รับความเดือดร้อน ทำการค้าขาดทุน และอาคารสถานที่เสียหายจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2553 ว่าจะต่อต้านรัฐบาลต่อไป โดยอ้างว่าประชาชนไทยไม่มีประชาธิปไตย อำนาจไม่ได้อยู่ในมือประชาชน และความเป็นธรรมไม่เกิด
ดังนั้น ประชาชนทุกคนจะต้องเลือกเอาว่าความเดือดร้อนของประชาชนกับการขาดทุนของผู้ประกอบการค้าทุกระดับในย่านราชประสงค์ อะไรจะเดือดร้อนกว่ากัน เป็นคำถามของนางธิดา หรือสหายปูนแต่วาระซ่อนเร้นคือการปฏิวัติแบบรุนแรงโค่นรัฐบาล
ประเด็นสำคัญที่พวกเขาจัดชุมนุม เผาบ้านเผาเมือง ใช้อาวุธยิงคนผู้คน ตำรวจและทหาร ทำลายสาธารณะสมบัติ ไม่ใช่เพราะอ้างประชาธิปไตยหรือ พวกเขาต้องการประชาธิปไตยที่รุนแรงมากว่านี้หรือ
นางธิดา หรือสหายปูน แต่งงานกับนายเหวง โตจิราการ หรือสหายเข็มในป่า มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นเจ้าภาพ และทั้งสองต่างมีแนวคิดต่อต้านสถาบันชาติ และยึดอัตตานิยมเป็นสำคัญ เข้าไปร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
ด้วยความคิดแนวเลนินนิยม แต่มีหลักทางการเมืองเป็นจุดร่วมประโยชน์กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จึงได้รับการแต่งตั้งจากเขตงาน 444 ให้ได้ฐานะผู้นำกลุ่ม สหายเข็มหรือหมอเหวง บรรยายว่าเป็นเขตงานของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตอีสานเหนือ เข้มแข็งที่สุดในภาคอีสานทั้งหมด ผู้นำของ พคท.ระดับภาคต้องผ่านการทำงานในเขต 444 ก่อน เพราะเป็นเขตที่มีมวลชนดีเด่น ฝ่ายการเมืองก็ดี ฝ่ายทหารก็มีชื่อเสียงมาก สามารถสร้างยุทธวิธีใหม่ในการสู้รบกับทหารรัฐบาล สามารถทำลายการล้อมปราบของเจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่เป็นสัจธรรมที่เขต 444 ในพื้นที่อีสานเหนือเดิม ก็ยังเป็นพื้นที่ที่คนเสื้อแดงมีอิทธิพลมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะแนวคิดการปฏิวัติแบบเลนินนิยมยังฝังใจในความคิดของผู้คนบางคนในพื้นที่นี้
เมื่อหมอเหวงและนางธิดา พยายามที่จะใช้ลัทธิเลนินเป็นหลักในการปฏิวัติชนิดรุนแรงในประเทศไทย โดยมีกำลังรบจากนอกประเทศเข้ามาช่วยสนับสนุนให้สัมฤทธิผล จึงแตกแยกกับ พคท.
ประกอบกับนโยบายการเมืองนำหน้าทหาร ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้กับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีกองบัญชาการกองทัพภาคส่วนหน้า ตั้งอยู่ที่จังหวัดสกลนคร จึงเข้าใจสถานการณ์ และภาวะแวดล้อมพื้นที่ภาคอีสานเป็นอย่างดี
ประกอบกับแนวคิดทางการเมือง การทหาร ของพลเอกเปรม ถือว่าเป็นทหารประชาธิปไตยคนหนึ่ง โดยยึดความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นเกราะ ทำให้ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ มีมติสนับสนุนพลเอกเปรม ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แทนพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ที่ต้องลาออกไป ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2523
ด้วยแนวพระราชดำริ ผนวกกับอุดมการณ์ประชาธิปไตยของพลเอกเปรม เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงประกาศคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 66/23 และ 65/25 ใช้บังคับข้าราชการให้ประพฤติปฏิบัติเป็นข้าราชการที่ดี ไม่ข่มเหงรังแกประชาชน และซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งยุทธศาสตร์ในการทำนุบำรุงราษฎรให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และคำสั่งนี้เป็นกลไกสำคัญยิ่งที่ทำให้สมาชิก พคท.ทิ้งอาวุธออกจากป่า เพื่อกลับออกมาใช้ชีวิตอย่างคนโดยปกติ
นางธิดา หรือสหายปูน ยอมรับว่านโยบาย 66/23 และ 65/25 เป็นนโยบายที่ดี เปิดโอกาสให้คนจำนวนมากซึ่งไม่เห็นด้วยกับ พคท. เช่นเธอและสามีออกมาใช้ชีวิตอย่างประชาชนทั่วไป แต่หากไม่มีการนิรโทษกรรมและนโยบาย 65/25 แล้ว อาจจะเกิดขบวนการใต้ดินขึ้นใหม่
ความพ่ายแพ้ของสหายเข็มหรือหมอเหวงในที่ประชุมสมัชชา พคท.ครั้งที่ 4 ผนวกกับนโยบาย 66/23 และ 65/25 แล้ว เกิดปรากฎการณ์ป่าแตก เพราะสมาชิกพรรคไม่อาจที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงโดยการนำเข้าจากภายนอก ซึ่งลุงเติม หรือสหายมะลิแห่งกรุงชิง เพื่อนของ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ลุงเดิมเป็นแม่ทัพ พคท.ภาคใต้ มีถิ่นฐานบริเวณกรุงชิง อุทยานแห่งชาติเขาหลวง นครศรีธรรมราช มียุทธภูมิที่คน 2 คนนี้บัญชาการรบกันที่สมรภูมิเขาช่องช้าง
ลุงเติมเล่าว่า “อนาคตของชาติถ้าจะมีการนำเข้า (ลุงเติมหมายถึงการนำกำลังพลจากนอกประเทศเข้ามาทำการร่วมปฏิวัติกับ พคท.) เห็นควรวางอาวุธ แล้วออกมาใช้ชีวิตที่เป็นปกติจะดีกว่า”
หมอเหวงกับนางธิดา เลื่อมใสลัทธิเลนินนิยม ต่อต้านความคิดของเหมา เจ๋อ ตุง ที่ พคท.นิยมมาตั้งแต่ก่อตั้ง จนในหนังสือเรื่องป่าแตกเรียกว่า 4 พิทักษ์ คือ พิทักษ์พรรคนิยมจีน พิทักษ์ความคิดเหมา เจ๋อ ตุง และพิทักษ์องค์กรนำเดิม 2 คัดค้าน คือ คัดค้านลัทธิแก้อย่างเด็ดเดี่ยว (อาจจะหมายถึงการทำลายล้างทุกระบบที่มีอยู่แล้ว) และคัดค้านปัญญาชนอย่างเด็ดเดี่ยว
ตามนัยนี้คนทั้งสองหมายให้ พคท.เปลี่ยนยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมือง เป็นการปฏิวัติจากเมืองออกไปชนบท ลักษณะบัวตูมบัวบาน คือ เปลี่ยนแปลงรุนแรงขยายจากเมืองแล้วจึงขยายผลสู่ชนบท การปฏิวัติจึงสำเร็จ
ความแตกต่างของลัทธิเหมา เจ๋อ ตุง กับเลนินนิยมแตกต่างกัน คือสถาบันฮ่องเต้ล่มสลายตั้งแต่ครั้งปฏิวัติซุนยัดเซนแล้ว และเหมา เจ๋อ ตุง ไม่มีนโยบายทำลายล้าง ยกเว้นเมื่อเกิดปฏิวัติวัฒนธรรม เพราะมีการประเมินสถานการณ์การต่อสู้ทางชนชั้นภายในประเทศจีนผิดพลาด แต่กลุ่มเจียงจิง ขยายผลไปในทางที่ผิดและรุนแรง ทำให้การปฏิวัติวัฒนธรรมล้มเหลวเป็นจุดด่างของเหมา เจ๋อ ตุง
ลัทธิเลนินนั้นใช้กลยุทธ์ปฏิวัติแบบรุนแรงขยายผลออกจากเมือง ทำให้กลุ่มอนาธิปไตยได้ใจ จึงใช้ความรุนแรง การข่มขู่ การเผาบ้านเมือง การทำลายแหล่งธุรกิจ เพื่อให้คนชั้นกลางกลัวจนต้องร่วมมือ และเลนินรู้เห็นเป็นใจในการปลงพระชนม์พระเจ้านิโคลัสที่ 2 และราชวงศ์
ขณะนี้ยุทธศาสตร์ปฏิวัติตามลัทธิเลนิน กำลังถูกประยุกต์ใช้ที่ราชประสงค์ เพราะว่าเมื่อ พ.ศ. 2523 หมอเหวงและนางธิดา ทำไม่สำเร็จที่จะใช้ พคท. และการนำเข้าพรรคคอมมิวนิสต์นอกเพื่อยึดและทำลายอำนาจรัฐ จึงหวังมาใช้ในพ.ศ.นี้