xs
xsm
sm
md
lg

เผย “สี จิ้นผิง” ทายาทผู้นำจีนที่ทะเยอทะยานสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ – รองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเขามีแนวโน้มสืบทอดตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนรุ่นต่อไป อย่างไรก็ตามข้อมูลสนทนาทางการทูตแฉ สี เป็นคนที่ทะเยอทะยานสูง (ภาพเอเยนซี)
เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - วิกิลีกส์เจาะข้อมูลทางการทูตของสหรัฐฯ ระบุรองประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้กำลังก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี และเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในปีหน้า ว่า “มีความทะเยอทะยานอย่างเหลือล้น”

สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง ได้บันทึกการสนทนาระหว่างเพื่อนวัยเด็กของสี จิ้นผิง (ซึ่งขณะนี้เป็นศาสตราจารย์) กับทูตสหรัฐฯ ชี้ว่า “สี จิ้นผิงเป็นคนมีเป้าหมายในชีวิตแรงกล้า และเลือกยึดมั่นอุดมการณ์มาร์กซิสม์มากกว่าคนทั่วไป” นอกจากนั้นยังระบุว่า “สี จิ้นผิง มีสติปัญญาปานกลางและเป็นคนซื่อตรง แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว เขาอาจเป็นคนน่าเบื่อ”

หลังจากที่การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคฯ ในเดือนต.ค. (2553) รับรองตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการทหารของพรรคคอมมิวนิสต์แก่รองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วัย 57 ปี ก็เป็นสัญญาณชี้ชัดแล้วว่า สีจะขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้นำสูงสุดแทนประธานาธบดีหู จิ่นเทา ได้แก่ ตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 2555 และตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2556

สี จิ้นผิงเป็นคนมณฑลส่านซี เป็นบุตรชายของอดีตรองนายกฯ สี จ้งซวินเพื่อนสนิทของอดีตผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิง สี จิ้นผิงเป็นม้ามืดที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งรวดเร็ว จากเจ้าหน้าที่ในมณฑลยักษ์ใหญ่เขตชายฝั่งฝูเจี้ยน และเจ้อเจียง และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในเซี่ยงไฮ้เมื่อต้นปี 2550

หลังจากการปฏิวัติวัฒนธรรม สี ไม่เหมือนกับคนหนุ่มทั่วไปที่ใช้เวลาไปกับความสนุกสนาน เขายึดถือแนวทางปฏิบัติได้จริง และอุทิศให้กับอุดมการณ์มาร์กซิสม์ เพื่อความรุ่งเรืองในระบอบคอมมิวนิสต์

ในบทสนทนาฯ ระบุ “สี ไม่คอรัปชั่นและไม่ชอบแนวคิดประชาธิปไตย เมื่อเขาไม่คอรัปชั่น เขามีทรัพย์สินเพียงพอ ดังนั้น เงินจึงไม่สำคัญสำหรับเขา”

สี ต่อต้านการเปิดกว้างปฏิรูประบบการเมืองในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเชื่อว่ากฎระเบียบที่ผู้นำคอมมิวนิสต์ตัดสินใจไปแล้วจะทำให้สังคมมั่นคงชาติเข้มแข็งได้

เมื่อปี 2509 เหมา เจ๋อตงปฏิวัติวัฒนธรรมเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมืองภายในพรรคฯ บิดาของสีถูกจำคุก และสีก็ถูกส่งตัวไปชนบทเพื่อทำงานในไร่นา จนช่วงปี 2513 เป็นต้นมา สีและบรรดาลูกท่านหลานเธอหลายคน ก็ได้รับอนุญาตให้กลับปักกิ่ง แต่ขณะที่หลายคนกำลังเริงร่ากับอิสรภาพ สีก็กลับไปชนบทด้วยความเชื่อที่ว่า “เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นนักการเมืองอาชีพได้ก็ต่อเมื่อปลีกตัวจากกลุ่มอำนาจในปักกิ่งและสั่งสมประสบการณ์ในชนบท”

นอกจากนั้น วิกิลีกส์แฉข้อมูลรายละเอียดการพบปะในช่วงปี 2550 ระหว่างรองนายกฯ หลี่ เค่อเฉียง เลขาธิการพรรคในมณฑลเหลียวหนิง (ตำแหน่งขณะนั้น) และคลาค แรนด์ท ทูตสหรัฐฯ ประจำปักกิ่ง โดยระบุว่า “เป็นที่เชื่อกันว่า หลี่ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากเวิน จยาเป่า นั้น จะเป็นคู่แข่งตัวเอ้ของสี”

เฉิง ลี่ ผู้เชี่ยวชาญจีนที่สถาบันบรู๊คกิง ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ชี้ว่าคู่แข่งบนเวทีการนำของจีนในอนาคต ได้แก่ กลุ่มชนชั้นนำ”ฝ่ายน้ำเงิน” นำโดยสี จิ้นผิง และกลุ่มประชานิยม “ฝ่ายแดง” นำโดยหลี่ เค่อเฉียง สีและหลี่มุ่งเน้นไปในแนวทางที่แตกต่างกัน โดยสีเน้นการเปิดเสรีตลาดและการพัฒนาภาคเอกชนอันเป็นที่รู้กันดีในชุมชนธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะที่หลี่เป็นห่วงปัญหาภายในประเทศ เช่น เรื่องการว่างงาน ฯ มากกว่า หลี่ผลักดันโครงการบ้านราคาต่ำ และเข้าใจถึงความสำคัญในการพัฒนาเครือข่ายประกันสังคมโดยเริ่มต้นจากการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน
กำลังโหลดความคิดเห็น