xs
xsm
sm
md
lg

นักกม.ชี้เขมรละเมิดสิทธิมนุษยชน"วีระ"โวยยัดข้อหา กังขา"มาร์ค"นิ่งเฉย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"วีระ"ตะโกนลั่นถูกยัดข้อหาจารกรรม ถูกศาลเขมรนำตัวไปสอบเพิ่ม นักกฎหมายระหว่างประเทศสวนกลับ "ฮุนเซน" ชี้รธน.กัมพูชา ม.31 ระบุ "กัมพูชายอมรับและเคารพหลักสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรสหประชาชาติและปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน" หากยัดข้อหาหรือควบคุมเกินจำเป็นเจอดีแน่ ขณะที่ กสม. ออกแถลงการณ์จี้รัฐปกป้องสิทธิ 7 คนไทยที่ถูกจับ ด้าน"เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ" นัดชุมนุมวันนี้ จี้"มาร์ค-เทพ-ประวิตร-กษิต-ชวนนท์" ลาออก แสดงความรับผิดชอบ ขู่เคลื่อนพลปิดด่านอรัญฯ

เมื่อเช้าวานนี้ (12 ม.ค.) นายธานี ทองภักดี รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกจับกุมในประเทศกัมพูชาว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ไปไต่สวน และแจ้งข้อหาเพิ่ม ซึ่งศาลจะชี้แจงเหตุผลที่ต้องแจ้งข้อหาเพิ่ม

ส่วนการที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศนิ่งเฉย ไม่ช่วยเหลือนั้น ตนขอยืนยันว่า ทางกระทรวงฯ ทำตามหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทั้ง 7 คน ไม่มีเลือกปฏิบัติ และพยายามชี้แจงให้รับทราบตลอด แต่การชุมนุมกดดันก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ และที่ผ่านมากระทรวงฯ ก็ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และให้ช่วยเรื่อง 7 คนไทย รวมทั้งการดูแลทุกข์สุข ขณะที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำด้วย และเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ยืนยันชัดเจนว่า ทั้ง 7 คน รุกล้ำแนวเขตแดนของประเทศกัมพูชาจริง

อย่างไรก็ตาม ทางด้านทีมกฎหมายของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ นำโดย นายการุณ ใสงาม ได้เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อเวลา 07.45 น. เพื่อไปให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทยแล้ว

วีระโอด “เขายัดข้อหาผม”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากประเทศกัมพูชาว่า เมื่อเวลา 07.50 น. เจ้าหน้าที่ ได้นำตัวนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ มาที่ศาลกรุงพนมเปญ เพื่อรอไต่สวนเพิ่มเติม หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มในข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหาร

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามถามนายวีระ ขณะเดินทางไปศาลเกี่ยวกับการไต่สวนในคดีนี้ นายวีระ ตอบผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “เขายัดข้อหาผม”

กัมพูชาต้องเคารพกฎบัตรสหประชาชาติ

นายเจริญ คัมภีรภาพ นักกฎหมายระหว่างประเทศ ให้ความเห็นต่อกรณีที่สมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ประกาศกร้าวว่าไม่มีทางที่ใครจะมาช่วยเหลือ 7 คนไทยได้ แม้แต่สหประชาชาติ ก็ไม่สามารถเข้าแทรกแซงช่วยเหลือได้เช่นกันว่า เป็นอาการของผู้นำที่หลงอำนาจ โดยไม่ได้ดูข้อเท็จจริง
สิ่งที่ผู้นำกัมพูชาควรตระหนักรู้ก็คือ รัฐธรรมนูญของกัมพูชา ที่สหประชาชาติมีส่วนช่วยเหลือตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไป และจัดทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งกัมพูชาใช้เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศอยู่จนถึงขณะนี้ มีบทบัญญัติไว้ในวรรคแรกของ มาตรา 31 ชัดเจนว่า “ราชอาณาจักรกัมพูชาจะยอมรับและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน ตามที่ได้บัญญัติในกฎบัตรสหประชาชาติ ปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และสนธิสัญญา อนุสัญญาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน”

ดังนั้น บรรดาหลักการพื้นฐานในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จึงมีผลบังคับเป็นกฎหมายภายในของเขมร และผูกพันองค์กรศาล องค์กรของรัฐทุกหน่วยงานจะกระทำการขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรของสหประชาชาติ และสนธิสัญญาต่างๆ ที่คุ้มครองสิทธิไม่ได้ กรณี 7 คนไทยที่ถูกทางการเขมรจับกุม โดยอ้างข้อหารุกล้ำเขตแดนในขณะนี้ หากมีการควบคุมตัวเกินจำเป็นถือเป็นการฝ่าฝืนต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล และถือเป็นอาชญากรรม ซึ่งไทยมีสิทธิ์ฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศซึ่งกัมพูชาร่วมเป็นภาคีอยู่ด้วยได้

“สิ่งที่กัมพูชากำลังดำเนินการกับ 7 คนไทย เป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจและกฎหมายรองรับ เพราะคนไทยถูกจับอยู่ในเขตแดนของเรา ซ้ำฝ่ายกัมพูชายังกระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของกัมพูชาเองด้วย” นายเจริญ กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายเจริญ ได้ให้ความเห็นต่อกรณีศาลกัมพูชาดำเนินกระบวนการพิจารณาและตัดสินคดี 7 คนไทย ที่ถูกทางการเขมรควบคุมตัวโดยตั้งข้อหารุกล้ำดินแดนกัมพูชาว่า คดีนี้ศาลกัมพูชาไม่มีอำนาจพิจารณา และตัดสินคดี เพราะคดีนี้ถือเป็นคดีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่รัฐไทยและรัฐกัมพูชาต่างอ้างว่าเป็นดินแดนของตนเอง เป็นเรื่องของรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่เรื่องคนหลบหนีเข้าเมือง ดังนั้นต้องใช้กลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐต่อรัฐตามกฎบัตรสหประชาชาติ ไม่ใช่ศาลของประเทศใดประเทศหนึ่งจะมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีนี้ ถ้าปล่อยให้ศาลกัมพูชาตัดสินคดีนี้ เท่ากับไทยไปยอมรับอำนาจศาลกัมพูชา และยอมรับว่าดินแดนที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่นั้นเป็นของกัมพูชา

กสม.จี้รัฐปกป้องสิทธิคนไทยที่ถูกจับ

วานนี้ (12 ม.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์ กรณี 7 คนไทย ถูกทหารกัมพูชาจับกุมบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า เป็นกรณีที่สาธารณชนให้ความสนใจอย่างมาก และต้องการให้มีการตรวจสอบ หรือแสวงหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้ความจริงปรากฏ ประกอบกับคณะกรรมการสิทธิฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีดังกล่าว โดยขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อพิทักษ์สิทธิของคนไทยทั้ง 7 คน และดำเนินการให้รัฐบาล หรือกระทรวงการต่างประเทศพิทักษ์สิทธิคนไทยทั้ง 7 คน นั้นเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นมีความอ่อนไหวอย่างยิ่ง เพราะส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลและประชาชนทั้งของประเทศไทยและกัมพูชาโดยทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น

1. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างรอบคอบ และปกป้องสิทธิ และเสรีภาพของคนไทยทั้ง 7 คนตามหลักสิทธิมนุษยชน ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมืองอย่างเคร่งครัด เนื่องจากความไม่ชัดเจนของแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา ย่อมมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการเดินทางโดยเสรีของบุคคล ในการประกอบอาชีพ และสิทธิในทรัพย์สินของประชาชนไทย-กัมพูชาที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว

2. คณะกรรมการสิทธิฯขอแสดงความห่วงใยต่อคนไทยทั้ง 7 คน ที่ถูกจับกุมบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และขอให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ในการทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งระหว่างรอการพิสูจน์ และรับรองแนวเขตแดนโดยทั้งสองฝ่าย ขอให้รีบส่งคนไทยทั้ง 7 คนกลับประเทศไทยโดยเร็ว ในระหว่างการดำเนินการ ขอให้รัฐบาลดูแลให้คนไทยทั้ง 7 คนได้รับการประกันสิทธิขั้นพื้นฐาน ในกระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดีตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง อาทิ สิทธิในการได้รับการประกันตัวในระหว่างการพิจารณาคดี สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างเปิดเผย และเป็นธรรม สิทธิที่จะได้รับความสะดวกเพียงพอแก่การเตรียมการในการต่อสู้คดี และติดต่อทนายความที่ตนเลือกได้ สิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีโดยไม่ชักช้าเกินความจำเป็น ตลอดจนการอำนวยความช่วยเหลือ เช่น ล่าม เป็นต้น

เร่งหาข้อยุติเรื่องเขตแดนก่อนลุกลาม

3. ขอให้รัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งการดำเนินการเพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้ปัญหาขยายวงกว้าง อันจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาระหว่างกัน และส่งผลกระทบต่อสิทธิในการดำรงชีวิตอย่างปกติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยและกัมพูชา

4. คณะกรรมการสิทธิฯ ขอย้ำถึงเจตนารมณ์ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ที่มุ่งประสงค์ให้รัฐบาลประเทศต่างๆ พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และร่วมมือกันในการส่งเสริมให้มีการเคารพสิทธิมนุษยชน อันเป็นรากฐานของเสรีภาพ ความเป็นธรรม และสันติภาพ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสิทธิฯให้ความสำคัญในกรณีดังกล่าว และจะดำเนินการ ติดตาม ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและความคืบหน้าในการดำเนินการของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งรายงานให้สาธารณชนทราบเป็นระยะๆ ต่อไป

จวก"ฮุนเซน"จะไม่มีแผ่นดินอยู่

นายประเสริฐ เลิศยโส อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ พูดภาษาภาษาเขมรในรายการ "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ซึ่งเป็นถ่ายทอดจากมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ ฝากข้อความถึง สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ว่า

"กระผมนายประเสริฐ ขอคารวะ ท่านก็รู้ว่าคนไทยกับคนกัมพูชานั้นสายเลือดเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน เพราะฉะนั้น สองราชอาณาจักรนี้ต้องใช้สันติภาพเป็นอันดับหนึ่ง กฎหมายสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา นั้นก็เป็นกฎหมายสากล ให้ท่านเข้าใจด้วยว่า ประชาชนสองราชอาณาจักรนี้ มีจิตใจและเคารพในชาติ ศาสนา เหมือนกัน ฉะนั้นให้ท่านคิดถึงระยะยาวไกล อย่าคิดเฉพาะหน้า ให้ท่านเข้าใจว่าอารมณ์ของอาเซียนเป็นอย่างไร ความสำนึกของอาเซียนเป็นอย่างไร ให้พูดให้เข้าใจ ดูระยะยาว ไม่เช่นนั้นท่านไม่สามารถอยู่ในราชอาณาจักรกัมพูชาได้ เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะราชอาณาจักรไทยนั้น มีความเป็นเอกภาพ ท่านก็รู้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฝ่ายธรรมมะ ใช้สัจจะนำหน้า ไล่นายกรัฐมนตรีปีเดียวถึง 3 คนรวด ฉะนั้น นายอภิสิทธิ์ คนที่ท่านบอกว่าอมขวดนม จะเดินได้อีกกี่ก้าว ท่านจะทำอะไรก็ตาม ให้คิดถึงประชาชนสองประเทศนี้ในอนาคตรวมทั้งอาเซียน 10 ประเทศ และประชาชนทั่วโลก"

นอกจากนี้ นายประเสริฐ ยังได้กล่าวถึงป้ายที่กัมพูชา เขียนบนเขาพระวิหารว่า 2 ปี ที่คนไทยเข้าใจผิดว่า ดินแดนแห่งนี้เป็นของประเทศไทย แต่จริงๆ เป็นของกัมพูชา เขาจึงปักหินอ่อน ว่า เมื่อ 15 ก.ค.2551 เมื่อเขาได้ขึ้นทะเบียนเขาวิหารแล้ว เขาจึงปักว่า นี่คือหลักฐานสำคัญที่แจ้งว่า นี่คือราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อคนไทยเข้าใจผิดมา 2 ปี ขณะนี้ทหารไทย และรัฐบาลไทยเข้าใจแล้ว จึงถอนทหารไปหมด แต่ข่าวจากพนมเปญแจ้งว่า พลโทสี่ดาว พลโทดาราเจีย บังอาจบอกจะปิดเขาวิหาร หลังจากคนไทยเข้าใจผิดมาถึง 2 ปี นอกจากนี้ยังตบหน้ารัฐบาลไทย และนายองอาจ ที่บอกว่าเลื่อนไม่มีกำหนด และตบหน้านายกษิต ที่พนมเปญอีก ที่บอกว่า จาก 1,200 เมตร เหลือ 8 เมตร จากนั้นนายประเสริฐได้บรรยายถึงลักษณะนิสัยของ ฮุนเซน ว่า เป็นคนตลบแตลง ตระบัดสัตย์ ตอนประชุมอาเซียน ทำเนียนโอบกอดนายอภิสิทธิ์ แต่ตอนแจกปริญญาบัตรให้นักเรียน พูดว่า ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย ช่วย 7 คนไทยไม่ได้ แม้แต่สหประชาชาติ ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเขาดูๆไปเขาแพ้แน่นอน ฉะนั้นให้พี่น้องพันธมิตรฯ มั่นใจว่า สุดท้าย ฮุนเซน พ.ต.ท.ทักษิณ และ อภิสิทธิ์ จะไปอยู่ที่ดูไบ เรียงกันคนละห้องเลย

เครือข่ายคนไทยฯ นัดชุมนุมวันนี้

เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (12 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ได้แถลงถึงจุดยืนและกดดันให้รัฐบาลช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกกัมพูชาจับกุมไปว่า ในวันนี้ (12 ม.ค.) นายการุณ ใสงาม และนายณฐพร โตประยูร ได้เป็นตัวแทนเดินทางไปกรุงพนมเปญ เข้าพบนายวีระ สมความคิด และคณะที่ถูกจับกุม เพื่อปรึกษาถึงแนวทางการต่อสู้คดี ซึ่งก่อนการเดินทาง นายการุณ ได้ระบุว่า คดีนี้มีความยากลำบากเพราะฝ่ายโจทย์ คือทางกัมพูชา ได้อ้างพยานโจทย์คือ นายกรัฐมนตรีของไทย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รมว.กลาโหม และ รมว.ต่างประเทศของไทย ที่ต่างยอมรับเหตุที่เกิดขึ้นว่า นายวีระและคณะรุกล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชา และรัฐบาลไทยยังขอใช้สิทธิ์การขอพระราชทานอภัยโทษ จากกษัตริย์กัมพูชา ซึ่งถือว่าไม่มีความคำนึงถึงศักดิ์ศรีของคนไทย

ทั้งนี้ ในเวลา 14.00 น. (12 ม.ค.) ทางกลุ่มเครือข่ายฯ เดินทางไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานกาชาดสากลประจำประเทศไทย ให้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลคุ้มครองสิทธิพลเมืองระหว่างประเทศ ให้กับนายวีระ สมความคิด และคณะที่ถูกคุมขัง และอยากให้รัฐบาลปิดด่านอรัญประเทศ โดยนัดรวมพลังคนไทยบริเวณประตู 4 หน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้ (13 ม.ค.) หากรัฐบาลไม่มีการดำเนินการให้คืบหน้า ทางกลุ่มจะเดินทางไปกดดันให้ปิดด่าน ที่อรัญประเทศ

ตะเพิด"มาร์ค-เทือก-ประวิตร-กษิต"

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ระบุว่า ทางกัมพูชาได้ตั้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ โดยแถลงว่า ทางกัมพูชาได้ตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูล ซึ่งทางคณะของนายการุณ ใสงาม ได้เดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหารือกับนายวีระ ถึงแนวทางการต่อสู้ ที่กรุงพนมเปญ จุดยืนที่สำคัญคือกัมพูชาไม่มีอำนาจ สิทธิที่มีอำนาจในการพิจารณาคดี เพราะโดยหลักสากลคดีข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ที่รัฐไทย และรัฐกัมพูชา ต่างอ้างเป็นดินแดนของตน เป็นเรื่องของรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่เรื่องคนหลบหนีเข้าเมือง ดังนั้นต้องใช้กลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐตามกฎบัตรสหประชาชาติ ไม่ใช่ศาลของประเทศใดประเทศหนึ่งจะมีอำนาจในการพิจารณาคดี

นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ได้มีการยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ผ่านองค์การสหประชาชาติในประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้มีตัวแทนเครือข่ายได้ยื่นหนังสือโดยตรง ถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อขอให้ทางสหประชาชาติ เข้ามาดูแลในเรื่องของสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งให้รัฐบาลไทย และรัฐบาลกัมพูชา ปฏิบัติตามสนธิสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองพลเรือนไทยในยามสงคราม และยามสงบ ซึ่งไทยและกัมพูชาได้ลงสัตยาบันไว้ ในส่วนของหลักหมุดที่ 46 โดยให้เป็นศูนย์อพยพถาวรและชั่วคราว

" ที่สำคัญนายการุญ แจ้งว่า เป็นการยากลำบากในเรื่องของคดี เนื่องจากทางกัมพูชาอ้างพยานปากสำคัญที่ โดยอ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรีไทย รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงของไทย รมว.กลาโหมของไทย รมว.ต่างประเทศของไทย ที่ไปยอมรับทันทีว่ามีการรุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง ดังนั้นจึงเป็นการยาก เพราะบุคคลของไทยออกมายอมรับหมดแล้ว และยังมาระบุว่า ให้มีการยอมรับเพื่อนำไปสู่การประกันตัว และการขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องพึ่งบารมีของกษัตริย์กัมพูชา ขณะที่เครือข่ายฯ ยึดมั่นในพระบารมีของกษัตริย์ไทย ถือเป็นการไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของประเทศ ตลอดระยะเวลา ทั้ง 4 คน และนายชวนนท์ กลับไม่สนใจที่จะดำเนินการในประเด็นเหล่านี้ แต่กลับยินยอมพร้อมใจให้คนไทยยอมรับผิด ว่ารุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง เป็นคำพูดที่ไม่เป็นคุณกับประเทศ อาจนำมาสู่การสูญเสียแผ่นดิน ทางเครือข่ายฯ จึงมีมติเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" นายไชยวัฒน์ กล่าว

อัด"มาร์ค"ใจมดไม่คิดสู้"ฮุนเซน"

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) กล่าวว่า จนป่านนี้รัฐบาลไทยในฐานะที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพลเมืองของตัวเอง ยังไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องพลเมืองไทยที่ถูกกองกำลังต่างชาติควบคุมตัวไปขึ้นศาล ทั้งที่ 7 คนไทย ได้ทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 71 บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมาย ฉะนั้นรัฐบาลจะต้องมีมาตรการ เพื่อเป็นการปกป้องพลเมืองของตัวเองที่ชัดเจน และมีศักดิ์ศรีมากกว่านี้

นายสุริยะใส กล่าวว่า วิกฤตครั้งนี้ รัฐบาลไทยสามารถแปรเป็นโอกาสดีๆ ได้หลายอย่าง เช่น ยกเลิก MOU 43 รื้อกรอบเจรจาข้อตกลง JBC หรือจัดระเบียบพื้นที่ที่มีข้อพิพาทและประชาชนกัมพูชารุกล้ำมาฝั่งไทย ก็น่าจะทำได้ การนิ่งเฉย หรือใช้ท่าทีตั้งรับเท่ากับเรายอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชา และยอมรับว่า 7 คนไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง ซึ่งจะส่งผลเสียเปรียบในระยะยาว หากกัมพูชาใช้คำพิพากษาของศาลเป็นบรรทัดฐานเพื่อปกป้องประชาชนชาวกัมพูชา ที่รุกล้ำดินแดนไทย หรือ รุกคืบเอาพื้นที่พิพาทอีกหลายพื้นที่ ทั้งๆที่เป็นของประเทศไทย

"ที่สำคัญกัมพูชาอาจยกระดับนำเอาคำพิพากษาของศาลร้องต่อยูเอ็น เพื่อให้ยูเอ็นเข้ามาเป็นเจ้าภาพแก้ปัญหาเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นประเทศไทย และคนไทยทั้ง 64 ล้านคน จะตกเป็นจำเลย ไม่ใช่แค่ 7 คนไทยเท่านั้น เพราะท่าทีที่เป็นทางการของรัฐบาลไทย ยังไม่ปรากฏต่อสาธารณะ มีเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ ถ้ามีการยกข้อพิพาทเรื่องนี้ไปให้สหประชาชาติ หรือ UN ระงับข้อพิพาท ประเทศไทยก็จะเสียเปรียบ หรือเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ซ้ำรอยกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเราไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการต่อประชาคมโลก ว่าจุดที่ 7 คนไทยถูกจับนั้น เป็นดินแดนฝั่งประเทศไทย อย่างน้อยทางการไทยควรจะทำหนังสือประท้วงกัมพูชา ต่อสหประชาชาติ หรือ ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ไว้ก่อน การใช้ท่าทีตั้งรับแบบนี้ เป็นท่าทีทีไม่อาจปกป้องดินแดนไทยในพื้นที่พิพาทอีกหลายๆ พื้นที่ได้อย่างแน่นอน " นายสุริยะใส กล่าว

"เทือก-ประยุทธ์"ลงพื้นที่ชายแดน

เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก(ขส.ทบ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ลงตรวจเยี่ยมกำลังพลที่กองกำลังสุรนารี และร่วมโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทางกองทัพบกจัดทำขึ้น พบปะพลังมวลชนในพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

นายสุเทพ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีทหารกัมพูชาจับคนไทย แต่เป็นการเยี่ยมเยียนให้กำลังใจทหาร ประชาชน และร่วมกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเท่านั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่อัยการกัมพูชา แจ้งข้อหาเพิ่มกับนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ โทษฐานพยายามประมวลข่าวสาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการป้องกันประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ชี้แจงฝ่ายเดียว ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีการรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบ ทำให้ตนรับทราบสถานการณ์ไปด้วย แต่ข้อเท็จจริงทั้งหมดจะให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจง

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีสัญญาณอะไรในการช่วยเหลือ 7 คนไทยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงดีที่สุด ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันดูแล เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถือว่าดีที่สุด

เมื่อถามว่าดูแล้ว สมเด็จ ฮุนเซน มีความแข็งกร้าวขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปแปลอะไรเกินเหตุ เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าขณะนี้รัฐบาลไทยกับกัมพูชา ยังไม่มีความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง นายสุเทพ กล่าวว่า ใช่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

เมื่อถามถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจจะมีการลดระดับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามนายปณิธาน ตนไม่ทราบเเรื่อง และไม่ทราบว่า ทำไมนายปณิธานพูดอย่างนั้น

เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

เมื่อถามว่า สัปดาห์นี้จะสามารถช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คน ได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่า น่าจะเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนในรายละเอียดการประกันตัวต้องถามกระทรวงการต่างประเทศ

แจงงบฉุกเฉิน 517 ล้านไม่ใช่งบลับ

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ ครม.อนุมัติงบประมาณ 517 ล้านบาทให้กองทัพไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน ว่า งบประมาณดังกล่าวเป็นงบกลางของรัฐบาล ที่ทางกองทัพได้ขออนุมัติไป ไม่ใช่งบลับ แต่กองทัพเตรียมไว้เพื่อกรณีฉุกเฉิน และจำเป็นในการรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และอาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนด้านตะวันออก

ทั้งนี้ขอยืนยันว่า เป็นงบประมาณที่ใช้เป็นเบี้ยเลี้ยงกำลังพล ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และการปฏิบัติการต่างๆ โดยเบิกใช้ทั้ง 3 เหล่าทัพ

เมื่อถามว่า แสดงว่าสถานการณ์ด้านไทย-กัมพูชาไม่น่าไว้วางใจ จึงต้องของบประมาณเพิ่ม พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นงบประมาณที่ขออนุมัติต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่บังเอิญประจวบเหมาะกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ซึ่งกองทัพได้ขออนุมัติจากครม. แต่ได้เลื่อนวาระมาหลายครั้ง เพิ่งจะได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเตรียมการเอาไว้ก่อน หากไม่มีปัญหาขัดข้อง กองทัพก็จะไม่เบิกมาใช้ ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทางกองทัพได้ประสานงานพูดคุยกัน หารือกันตลอดเวลา

ให้ผู้ว่าฯสระแก้ว ดูแลผู้ชุมนุม

เมื่อถามว่า กลุ่มคนไทยรักชาติ จะเคลื่อนการชุมนุมไปที่บริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกองกำลังบูรพา และผู้ว่าฯ สระแก้ว ที่ต้องหารือกัน โดยเฉพาะการชุมนุมหากไม่ส่งผลกระทบ และไม่มีความวุ่นวาย ก็สามารถชุมนุมได้ ที่ผ่านมาก็ต้องขอบคุณผู้ชุมนุมที่ปฏิบัติตามข้อตกลง ของผู้ว่าฯ

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าผู้ชุมนุมจะรุกล้ำเข้าไปในประเทศกัมพูชา พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่าต้องหารือกัน และทิศทางการแก้ปัญหา ทางกระทรวงการต่างประเทศก็ทำอย่างเต็มที่ โดยได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี คิดว่า น่าจะดำเนินการได้ แต่ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้าไปในพื้นที่ที่ยังเป็นปัญหาเรื่องดินแดน น่าจะไม่ใช่สิ่งที่ดี

อย่างไรก็ตามทางผู้ว่าฯ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมเกี่ยวกับมาตรการและข้อห้ามต่างๆ เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมรุกล้ำเข้าไป

เมื่อถามว่ารมว.กลาโหม ห่วงใยอะไรหรือไม่ต่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ก็อยากให้คนไทย 7 คน กลับมาโดยเร็ว แต่ต้องดูทางกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นผู้ดำเนินการ อย่างไรก็ตามทางกองทัพได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ตลอดเวลา จากการประเมินสถานการณ์ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร

"กมธ.เจบีซี"ลงพื้นที่พิสูจน์เขตแดน 18 ม.ค.

นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ร่วมพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการ เขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) 3 ฉบับ เปิดเผยว่า กมธ.เจบีซี และกรรมาธิการการต่างประเทศ ที่มี นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน จะร่วมลงสำรวจ และหาข้อมูลในพื้นที่ หมู่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รวมถึงจุดที่ 7 คนไทย ถูกจับตัว ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และหลักหมุดที่ 46-47 ด้วย

เบื้องต้นได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของประเทศไทย และกัมพูชาเพื่อขอเข้าพื้นที่แล้ว โดยได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่ในวันที่ 18 ม.ค.นี้และวันดังกล่าวนั้นทางคณะที่ลงพื้นที่ จะได้ร่วมพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ด้วย

นายเจริญ กล่าวอีกว่า สำหรับการลงไปดูพื้นที่ดังกล่าวนั้นเพื่อประกอบการพิจารณาบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับว่าจะให้การรับรองบันทึกหรือตั้งข้อสังเกตใดๆ ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น