แกนนำคนไทยหัวใจรักชาติ แถลงยืนยันส่ง “การุณ” ไปแสดงจุดยืนเขมรไม่มีสิทธิพิพากษา พร้อมส่งหนังสือยื่นยูเอ็นทั้งในไทยและที่สำนักงานใหญ่แล้ว จี้ 2 รัฐบาลปฏิบัติตามสนธิสัญญาเจนีวา แฉกัมพูชาอ้างลมปาก “มาร์ค-เทือก-กษิต-ป้อม” ฟันธงล้ำแดนสู้คดี จี้ลาออกไป แย้มนายกสมาคมทนายความรับเรื่องช่วยคดี “วีระ” แล้ว
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ แถลงข่าวว่า จากกรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าทางกัมพูชาได้มีการตั้งข้อหาเพิ่มเติมต่อนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ โดยแถลงว่า ทางกัมพูชาได้ตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูล ซึ่งทางคณะของนายการุณ ใสงาม ได้เดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาอีกครั้งหนึ่งเพื่อหารือกับนายวีระถึงแนวทางการต่อสู้ที่กรุงพนมเปญ จุดยืนที่สำคัญ คือ กัมพูชาไม่มีอำนาจสิทธิที่มีอำนาจในการพิจารณาคดี เพราะโดยหลักสากลนั้นคดีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่รัฐไทย และรัฐกัมพูชาต่างอ้างเป็นดินแดนของตน เป็นเรื่องของรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่เรื่องคนหลบหนีเข้าเมือง ดังนั้นต้องใช้กลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐตามกฎบัตรสหประชาชาติ ไม่ใช่ศาลของประเทศใดประเทศหนึ่งจะมีอำนาจในการพิจารณาคดี
นายไชยวัฒน์กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ได้มีการยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ผ่านองค์การสหประชาชาติในประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้มีตัวแทนเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือโดยตรงถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อขอให้ทางสหประชาชาติเข้ามาดูแลในเรื่องของสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาปฏิบัติตามสนธิสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองพลเรือนไทยในยามสงคราม และยามสงบ ซึ่งไทยและกัมพูชาได้ลงสัตยาบันไว้ ในส่วนของหลักหมุดที่ 46 โดยให้เป็นศูนย์อพยพถาวรและชั่วคราว
“ที่สำคัญ นายการุณแจ้งว่าเป็นการยากลำบากในเรื่องของคดี เนื่องจากทางกัมพูชาอ้างพยานปากสำคัญ โดยอ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรีไทย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงของไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ยอมรับทันทีว่ามีการรุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง ดังนั้นจึงเป็นการยากที่บุคคลของไทยออกมายอมรับหมดแล้ว และยังมาระบุว่าให้มีการยอมรับเพื่อนำไปสู่การประกันตัว และการขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องพึ่งบารมีของกษัตริย์กัมพูชา ขณะที่เครือข่ายฯ ยึดมั่นในพระบารมีของกษัตริย์ไทย ถือเป็นการไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของประเทศ ตลอดระยะเวลาทั้ง 4 คน และนายชวนนท์ ไม่สนใจที่จะดำเนินการในประเด็นเหล่านี้ แต่กลับยินยอมพร้อมใจให้คนไทยยอมรับผิดว่ารุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง เป็นคำพูดที่ไม่เป็นคุณแก่ประเทศ อาจนำมาสู่การสูญเสียแผ่นดิน ทางเครือข่ายฯ จึงมีมติเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” นายไชยวัฒน์กล่าว
นายไชยวัฒน์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายสัก กอแสงเรือง นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้พิจารณารับเรื่องร้องเรียนขอความช่วยเหลือในเรื่องของคดี จากมารดาของนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ นอกเหนือจากคณะของนายการุณ ใสงาม ได้เดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาอีกครั้งหนึ่งเพื่อหารือกับนายวีระถึงแนวทางการต่อสู้
ต่อมา กลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ได้เดินทางมายังที่ทำการคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เพื่อยื่นเรื่องประท้วงอย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (IRCR) เนื่องจากคนไทยทั้ง 7 คนได้ถูกจองจำเป็นการทรมานในด้านชีวิตและความเป็นอยู่และเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกาชาดสากล
