นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารได้เปิดสาขาร่วมกับธนาคารหมิงชิงประเทศจีนที่ตั้งอยู่ในมณฑลเซิ่นเจิ้นเมื่อปีก่อนนั้น ขณะนี้สาขาดังกล่าวสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการประกอบธุรกิจในประเทศจีนนั้น ถือเป็นความท้าทายและก็มีความคืบหน้าไปแล้วในระดับหนึ่ง หากประสบความสำเร็จก็มีแนวทางจะเปิดสาขาเพิ่มในมณฑลอื่นๆต่อไป
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะปล่อยกู้ให้กับนักธุรกิจจีนที่สนใจจะมาลงทุนในประเทศไทย โดยคาดว่าในขั้นต้นคงจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ก่อน หลังจากนั้นจึงเป็นรายย่อยลงไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
ทั้งนี้ เครือธนาคารกสิกรไทย มีแผนธุรกิจที่ชัดเจนในการสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีนอย่างครบวงจร โดยมียุทธศาสตร์ 3 แนวทางคือ สนับสนุนธุรกิจจีนในไทย สนับสนุนธุรกิจไทยในจีน สนับสนุนธุรกิจจีนในจีน รวมถึงการค้าระหว่างประเทศ อาทิ การร่วมมือกับธนาคารจีนในโครงการสนับสนุนทางการเงินแก่นักลงทุน การยกระดับสาขาในประเทศจนีนให้เป็นธนาคารท้องถิ่น และธนาคารยังมีแผนที่จะเปิดศูนย์ธุรกิจที่จะสนับสนุนนักลงทุนจีนในไทยและนักลงทุนที่จะไปจีนได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
ล่าสุด ธนาคารร่วมกับสถานทูตจีน และพันธมิตรได้จัดทำหนังสือ "คู่มือทำธุรกิจและใช้ชีวิตในเมืองไทยสำหรับนักลงทุนจีน" ฉบับภาษาจีน โดยเนื้อหาครอบคลุมทั้งสภาพภูมิศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านการลงทุนและดำเนินธุรกิจของวิสาหกิจ กฎระเบียบด้านการเงินและนโยบายด้านสิทธิประโยชน์ของประเทศไทย เพื่อเพิ่มความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า ปัจจุบันประเทศจีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงระดับต้นของโลก จนก้าวขั้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และธนาคารโลกคาดการณ์ว่าภายในอีก 15 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากนั้น จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ลงทุนรายสำคัญของโลกอันดับที่ 5 ของโลกในปี 2552 จากอันดับ 12ในปี 2551
ทั้งนี้ จีนจะให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเซียนในลำดับต้นๆ มีเงินลงทุนโดยตรงของจีนที่เข้ามาในกลุ่มอาเซียนในปี 2552 มีทั้งสิ้น 2,482 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก 2553 มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 120% รวมทั้งมีความร่วมมือระหว่างจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนในเรื่องเขตการค้าเสรี(ASEAN - China Free Trade Agreement) และมีการจัดตั้งองค์กรภาคเอกชนเพื่อความร่วมมือในด้านการเงินแก่โครงการขนาดใหญ่ในประเทศกลุ่มอาเซียน เรียกว่า China-ASEAN Inter-bank Association ซึ่งธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวของไทยที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วย
**แบงก์จ่อขึ้นดบ.กนง.**
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)อีก 0.25% เป็น 2.25% นั้น ถือเป็นการปรับขึ้นตามสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เงินบาทก็ไม่แข็งค่ามากขึ้นเกินไป จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย และคาดว่าธนาคารพาณิชย์เองก็จะปรับขึ้นตามใน 2-3 วันนี้
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะปล่อยกู้ให้กับนักธุรกิจจีนที่สนใจจะมาลงทุนในประเทศไทย โดยคาดว่าในขั้นต้นคงจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ก่อน หลังจากนั้นจึงเป็นรายย่อยลงไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
ทั้งนี้ เครือธนาคารกสิกรไทย มีแผนธุรกิจที่ชัดเจนในการสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีนอย่างครบวงจร โดยมียุทธศาสตร์ 3 แนวทางคือ สนับสนุนธุรกิจจีนในไทย สนับสนุนธุรกิจไทยในจีน สนับสนุนธุรกิจจีนในจีน รวมถึงการค้าระหว่างประเทศ อาทิ การร่วมมือกับธนาคารจีนในโครงการสนับสนุนทางการเงินแก่นักลงทุน การยกระดับสาขาในประเทศจนีนให้เป็นธนาคารท้องถิ่น และธนาคารยังมีแผนที่จะเปิดศูนย์ธุรกิจที่จะสนับสนุนนักลงทุนจีนในไทยและนักลงทุนที่จะไปจีนได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
ล่าสุด ธนาคารร่วมกับสถานทูตจีน และพันธมิตรได้จัดทำหนังสือ "คู่มือทำธุรกิจและใช้ชีวิตในเมืองไทยสำหรับนักลงทุนจีน" ฉบับภาษาจีน โดยเนื้อหาครอบคลุมทั้งสภาพภูมิศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านการลงทุนและดำเนินธุรกิจของวิสาหกิจ กฎระเบียบด้านการเงินและนโยบายด้านสิทธิประโยชน์ของประเทศไทย เพื่อเพิ่มความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า ปัจจุบันประเทศจีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงระดับต้นของโลก จนก้าวขั้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และธนาคารโลกคาดการณ์ว่าภายในอีก 15 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากนั้น จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ลงทุนรายสำคัญของโลกอันดับที่ 5 ของโลกในปี 2552 จากอันดับ 12ในปี 2551
ทั้งนี้ จีนจะให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเซียนในลำดับต้นๆ มีเงินลงทุนโดยตรงของจีนที่เข้ามาในกลุ่มอาเซียนในปี 2552 มีทั้งสิ้น 2,482 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก 2553 มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 120% รวมทั้งมีความร่วมมือระหว่างจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนในเรื่องเขตการค้าเสรี(ASEAN - China Free Trade Agreement) และมีการจัดตั้งองค์กรภาคเอกชนเพื่อความร่วมมือในด้านการเงินแก่โครงการขนาดใหญ่ในประเทศกลุ่มอาเซียน เรียกว่า China-ASEAN Inter-bank Association ซึ่งธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวของไทยที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วย
**แบงก์จ่อขึ้นดบ.กนง.**
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)อีก 0.25% เป็น 2.25% นั้น ถือเป็นการปรับขึ้นตามสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เงินบาทก็ไม่แข็งค่ามากขึ้นเกินไป จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย และคาดว่าธนาคารพาณิชย์เองก็จะปรับขึ้นตามใน 2-3 วันนี้