กสิกรไทยเตรียมหยั่งรากลึกในจีน ตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 2-3 แห่ง ใน 2 ปี และยกระดับเป็นธนาคารท้องถิ่น หวังเป็นที่มั่นในการขยายสู่ภูมิภาค-รับเออีซี ล่าสุด เปิดสาขาเฉิงตู จับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยถึงแนวทางการทำธุรกิจในประเทศจีน ว่า ธนาคารกสิกรไทยมียุทธศาสตร์ที่รุกเข้าไปทำธุรกิจในจีนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ตลาดมีขนาดใหญ่ และมีโอกาสทางธุรกิจอีกมาก โดยล่าสุด ได้เปิดสาขาเฉิงตู เป็นสาขาที่ 2 ในจีนแผ่นดินใหญ่ และเตรียมเปิดสาขาย่อยที่ Langgang มณฑลกวางตุ้ง ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
นอกจากนี้ ภายใน 2 ปี ธนาคารมีแผนที่จะเปิดสาขาในประเทศจีนอีก 2-3 แห่ง เพื่อให้มีสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางธุรกิจสูงของจีน 5 สาขา และเพี่อพัฒนาขีดความสามารถการให้บริการ เตียมพร้อมการขอยกฐานะเป็นธนาคารท้องถิ่นของประเทศจีน
ทั้งนี้ สาขาเฉิงตู ของธนาคารจะเน้นให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง และเล็ก (เอสเอ็มอี) ในประเทศจีน กลุ่มนักธุรกิจที่ทำการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศในภูมิภาคไทย-จีน-เออีซี
“การเข้าเป็นทำธุรกิจทางการเงินในประเทศจีน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ทั้งเรื่องกฎเกณฑ์ และการดำเนินธุรกิจ เราต้องมีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน และมีพันธมิตรที่ดีที่จะคอยแนะช่องเราให้ไม่งั้นก็จะลำบาก เมื่อทำแล้วก็ต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้ ไม่งั้นเขาก็ไม่ให้ทำต่อ เพราะเขาจะเอาเราไว้เป็นปัญหาในประเทศเขาทำไม”
นายบัณฑูร กล่าวอีกว่า ธนาคารมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนที่วางจีนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายธุรกิจสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ รวมถึงการรับกับเออีซีที่เกิดในปี 58 นี้ด้วย ซึ่งเราวางรากฐานไว้ในระดับหนึ่งแล้ว คือ เปิดสาขาเซินเจิ้นไปเมื่อ 2 ปีก่อน สาขาฮ่องกง สาขาเฉิงตู และ 3 สำนักงานผู้แทน
สำหรับในปี 2556 ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในประเทศจีนรวมประมาณ 3,000 ล้านหยวน ผ่านโครงการปล่อยกู้ร่วม (co-lending) กับธนาคารพันธมิตรในจีน และปล่อยกู้ตรงแกลูกค้าที่มีมีการแนะนำกันต่อ และตั้งเป้ายอดเงินฝากรประมาณ 3,000 ล้านหยวน และวางเป้าปริมาณธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trase Finance) ผ่านสาขาเซินเจิ้นจำนวน 4,000 ล้านหยวน
นายพิพิธ เอนกนิธิ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานสายธุรกิจจีน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วงแรกการดำเนินธุรกิจของสาขาเฉิงตูจะไม่เน้นการเติบโตของสินเชื่อ แต่จะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นที่คุณภาพ และทางการจีนกำหนดให้การปล่อยสินเชื่อในปีแรกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หากทำได้ดีในปีต่อไปก็ปล่อยกู้เป็นเงินหยวนได้ ขณะที่เอสเอ็มอีของจีนขนาดต่างจากไทยมาก จะมียอดทรัพย์สินที่ 300 ล้านหยวน ยอดขาย 300 ล้านหยวน และพนักงานประมาณ 1,000 คน กสิกรไทยกับธนาคารพันธมิตรจึงต้องมาร่วมกันทำโมเดลใหม่สำหรับการปล่อยกู้เอสเอ็มอี
“ในปีแรกเรายังไม่เน้นโตมาก แต่จะต้องให้มีกำไรเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามีศักยภาพในการทำธุรกิจ เราอยู่ได้ด้วยตัวเอง โตได้ ขณะที่สาขาเซินเจิ้นไปได้ดีแล้วมีกำไร 25 ล้านหยวน แล้วในปีนี้ก็เริ่มเปิดให้บริการ Trade finance แล้ว ก็มียอดธุรกรรมอยู่พอสมควร ซึ่งหากสาขาเฉิงตูไปได้ดี ก็จะต้องมองหาทำเลของสาขาใหม่ต่อไป”
นายพิพิธ กล่าวว่า ตอนนี้คงยังบอกไม่ได้ว่าสาขาใหม่จะตั้งที่เมืองไหน คงต้องรอให้ทางเฉิงตูนิ่งก่อน ซึ่งการจะตั้งสาขาที่เมืองไหน ตามนโยบายที่ธนาคารให้มาก็คือ ต้องดูที่ปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเดินทางที่สะดวก เช่น มีสายการบินที่บินตรงจากประเทศไทย เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน