ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมยิ้มร่ารับนักลงทุนจีน เผย 6 แห่ง มีนักลงทุนจองใช้พื้นที่แล้ว 2,500 ไร่ หลังวิกฤติเศรษฐกิจยอดขายพื้นที่แต่ละแห่งแทบไม่กระเตื้อง กนอ. สุดปลื้มเผยปี 2553 บ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้น
นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากการจัดงานสัมมนาการค้าและการลงทุนไทย-จีน เมื่อวันที่ 27-28 ก.ค. และกนอ.ได้นำนักธุรกิจจีนเยี่ยมชมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมตัวอย่าง ส่งผลให้นักลงทุนจากจีนสนใจเข้ามาลงทุนในหลายนิคมฯ ของไทยหลายแห่ง โดยนักลงทุนจีนได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นที่จะใช้พื้นที่ในนิคมฯ ของไทยแล้วไม่น้อยกว่า 2,500 ไร่ ทั้งนิคมฯ ร่วมลงทุนกับกนอ. นิคมฯ เอกชน มีเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 20,000 ล้านบาท คาดว่าภายในปี 2553 ไทยจะสามารถขายพื้นที่ในนิคมฯ ให้กับนักลงทุนจีนไม่น้อยกว่า 5,000 ไร่
ทั้งนี้ นิคมฯ ที่ได้ข้อสรุปแล้ว ประกอบด้วย 1.กนอ.ร่วมลงนามกับบริษัท ซันไชน์ ไบโอเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในการจัดหาพื้นที่จำนวน 80 ไร่ ผลิตไบโอเคมีภัณฑ์เพื่อการส่งออก 100% มูลค่าการลงทุนรวม 3,500 ล้านบาท 2.นิคมฯ อมตะนคร จังหวัดชลบุรี และนิคมฯ อมตะซิตี้ จังหวัดระยอง มีนักลงทุนจีน 10 ราย ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่รวมประมาณ 200 ไร่
3.การร่วมทุนในธุรกิจบริการระหว่างนิคมฯ ไทยไดมอนด์ซิตี้กับนักลงทุนจีน 2 ราย คือ บริษัท Beijing Qilin Real Estate Development บนพื้นที่ 1,000 ไร่ มูลค่าการลงทุน 3,750 ล้านบาท และ บริษัท Wuxi Modern New Countryside Investment and Development บนพื้นที่ 1,000 ไร่ มูลค่าการลงทุน 3,750 ล้านบาท 4.นิคมฯ เหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง มีนักลงทุน 7 ราย ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ประมาณ 140 ไร่ มูลค่าลงทุนรวม 336 ล้านบาท
5.นิคมฯ อัญธานี กรุงเทพฯ มีนักลงทุน 2 รายให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ มีมูลค่าลงทุนรวม 60 ล้านบาท และ 6.นิคมฯ ปิ่นทอง (แหลมฉบัง) จังหวัดชลบุรี มีนักลงทุน 10 ราย ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ มีมูลค่าลงทุนรวม 250 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์
“การจัดงานในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยและจีน ให้เข้ามาศึกษาศักยภาพและพื้นที่การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม และมองเห็นช่องทางและโอกาสในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น สำหรับประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กำลังซื้อสูง และมีสถานะทางการเงินที่ดี โดยการลงทุนส่วนใหญ่ของจีนจะเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เครื่องจักรกลการเกษตร และอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์” นางมณฑากล่าว
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้า น่าจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการเข้ามาร่วมลงทุนของนักลงทุนจีนในครั้งนี้ และคาดว่าจะมีทุนจีนทยอยเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงพ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ฉบับแก้ไข พ.ศ.2550) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมบริการเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมได้ และนักลงทุนจีนมองว่าน่าจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศอาเซียนได้อีกด้วย
นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากการจัดงานสัมมนาการค้าและการลงทุนไทย-จีน เมื่อวันที่ 27-28 ก.ค. และกนอ.ได้นำนักธุรกิจจีนเยี่ยมชมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมตัวอย่าง ส่งผลให้นักลงทุนจากจีนสนใจเข้ามาลงทุนในหลายนิคมฯ ของไทยหลายแห่ง โดยนักลงทุนจีนได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นที่จะใช้พื้นที่ในนิคมฯ ของไทยแล้วไม่น้อยกว่า 2,500 ไร่ ทั้งนิคมฯ ร่วมลงทุนกับกนอ. นิคมฯ เอกชน มีเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 20,000 ล้านบาท คาดว่าภายในปี 2553 ไทยจะสามารถขายพื้นที่ในนิคมฯ ให้กับนักลงทุนจีนไม่น้อยกว่า 5,000 ไร่
ทั้งนี้ นิคมฯ ที่ได้ข้อสรุปแล้ว ประกอบด้วย 1.กนอ.ร่วมลงนามกับบริษัท ซันไชน์ ไบโอเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในการจัดหาพื้นที่จำนวน 80 ไร่ ผลิตไบโอเคมีภัณฑ์เพื่อการส่งออก 100% มูลค่าการลงทุนรวม 3,500 ล้านบาท 2.นิคมฯ อมตะนคร จังหวัดชลบุรี และนิคมฯ อมตะซิตี้ จังหวัดระยอง มีนักลงทุนจีน 10 ราย ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่รวมประมาณ 200 ไร่
3.การร่วมทุนในธุรกิจบริการระหว่างนิคมฯ ไทยไดมอนด์ซิตี้กับนักลงทุนจีน 2 ราย คือ บริษัท Beijing Qilin Real Estate Development บนพื้นที่ 1,000 ไร่ มูลค่าการลงทุน 3,750 ล้านบาท และ บริษัท Wuxi Modern New Countryside Investment and Development บนพื้นที่ 1,000 ไร่ มูลค่าการลงทุน 3,750 ล้านบาท 4.นิคมฯ เหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง มีนักลงทุน 7 ราย ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ประมาณ 140 ไร่ มูลค่าลงทุนรวม 336 ล้านบาท
5.นิคมฯ อัญธานี กรุงเทพฯ มีนักลงทุน 2 รายให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ มีมูลค่าลงทุนรวม 60 ล้านบาท และ 6.นิคมฯ ปิ่นทอง (แหลมฉบัง) จังหวัดชลบุรี มีนักลงทุน 10 ราย ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ มีมูลค่าลงทุนรวม 250 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์
“การจัดงานในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยและจีน ให้เข้ามาศึกษาศักยภาพและพื้นที่การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม และมองเห็นช่องทางและโอกาสในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น สำหรับประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กำลังซื้อสูง และมีสถานะทางการเงินที่ดี โดยการลงทุนส่วนใหญ่ของจีนจะเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เครื่องจักรกลการเกษตร และอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์” นางมณฑากล่าว
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้า น่าจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการเข้ามาร่วมลงทุนของนักลงทุนจีนในครั้งนี้ และคาดว่าจะมีทุนจีนทยอยเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงพ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ฉบับแก้ไข พ.ศ.2550) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมบริการเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมได้ และนักลงทุนจีนมองว่าน่าจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศอาเซียนได้อีกด้วย
