ไอเอ็นจีเผย ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนไทย ไตรมาส 2 ปรับตัวสูงขึ้นถึง 113% อานิสงส์รัฐบาล ใช้มาตรการเชิงรุกกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เเนะนักลงทุน จับตาดูผลการดำเนินงาน Q2 ก่อนตัดสินใจลงทุน
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนของไทยในไตรมาสที่ 2/2552 นั้นปรับตัวสูงขึ้นซึ่งเรายังต้องระมัดระวังปัญหาหรืออุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในปี 2552 โดยในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจีดีพีของไทยจะลดลง 4.4% หลังจากที่ได้ลดลง 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 1/2552 ทั้งนี้เนื่องจากการบริโภคในครัวเรือน การส่งออก รายได้จากภาคเกษตร และจำนวนนักท่องเที่ยวได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่การว่างงานมีอัตราเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัท ไอเอ็นจี กรุ๊ป รายงานการสำรวจภาวะการลงทุนรายไตรมาสว่า ความเชื่อมั่นของการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 74% มาอยู่ที่ 113% ในไตรมาส 2/2552 จาก 65% ในไตรมาส 1/2552 ทั้งยังเพิ่มขึ้น 92% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2/2551 ที่ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในไทยขยับตัวจากระดับ ต่ำ เป็นระดับ ดี อย่างไรก็ตามนับเป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ที่นักลงทุนไทยมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อระบบเศรษฐกิจไทยและสถานะการเงินส่วนบุคคล จากเชิงลบมาเป็นเชิงบวก แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศจะยังคงอยู่ในภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็นจีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ภาวะการเติบโตอันสดใสอีกครั้งในปี 2553 เนื่องจากมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม และผลสำเร็จจากการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของรัฐบาล
นายมาริษ กล่าวอีกว่า สำหรับการประเมินค่าหลักทรัพย์กลับมาสู่ระดับที่เหมาะสม หลังจากมีการแข่งขันทางด้านราคาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยควรพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่จะรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทหลายรายที่มีการรับรู้รายได้ลดลง นอกจากนี้ไอเอ็นจียังคาดการณ์ว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศจะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น โดยจะมีหุ้นบางตัวที่สามารถถือเก็บไว้ ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ปลอดจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอก การประท้วง และความไร้เสถียรภาพทางการเมือง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในจีนยังคงนั้นปรับตัวเพิ่มขี้น เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่โดยส่วนใหญ่มองว่ามีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียเป็นอย่างมาก นักลงทุนไทยจึงมีการติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาโอกาสการลงทุนในจีนทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง
ทั้งนี้จากการสำรวจของไอเอ็นจี พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในจีนยังคงเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว อันเป็นผลจากความสำเร็จในการดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่คุกคามครอบคลุมทั่วโลกในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียที่ประเทศส่วนใหญ่ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่มีเพียงประเทศจีนและอินเดียเท่านั้น ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนจีน 90% คาดการณ์ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนของรัฐบาลจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจของจีน
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนของไทยในไตรมาสที่ 2/2552 นั้นปรับตัวสูงขึ้นซึ่งเรายังต้องระมัดระวังปัญหาหรืออุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในปี 2552 โดยในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจีดีพีของไทยจะลดลง 4.4% หลังจากที่ได้ลดลง 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 1/2552 ทั้งนี้เนื่องจากการบริโภคในครัวเรือน การส่งออก รายได้จากภาคเกษตร และจำนวนนักท่องเที่ยวได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่การว่างงานมีอัตราเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัท ไอเอ็นจี กรุ๊ป รายงานการสำรวจภาวะการลงทุนรายไตรมาสว่า ความเชื่อมั่นของการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 74% มาอยู่ที่ 113% ในไตรมาส 2/2552 จาก 65% ในไตรมาส 1/2552 ทั้งยังเพิ่มขึ้น 92% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2/2551 ที่ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในไทยขยับตัวจากระดับ ต่ำ เป็นระดับ ดี อย่างไรก็ตามนับเป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ที่นักลงทุนไทยมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อระบบเศรษฐกิจไทยและสถานะการเงินส่วนบุคคล จากเชิงลบมาเป็นเชิงบวก แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศจะยังคงอยู่ในภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็นจีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ภาวะการเติบโตอันสดใสอีกครั้งในปี 2553 เนื่องจากมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม และผลสำเร็จจากการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของรัฐบาล
นายมาริษ กล่าวอีกว่า สำหรับการประเมินค่าหลักทรัพย์กลับมาสู่ระดับที่เหมาะสม หลังจากมีการแข่งขันทางด้านราคาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยควรพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่จะรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทหลายรายที่มีการรับรู้รายได้ลดลง นอกจากนี้ไอเอ็นจียังคาดการณ์ว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศจะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น โดยจะมีหุ้นบางตัวที่สามารถถือเก็บไว้ ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ปลอดจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอก การประท้วง และความไร้เสถียรภาพทางการเมือง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในจีนยังคงนั้นปรับตัวเพิ่มขี้น เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่โดยส่วนใหญ่มองว่ามีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียเป็นอย่างมาก นักลงทุนไทยจึงมีการติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาโอกาสการลงทุนในจีนทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง
ทั้งนี้จากการสำรวจของไอเอ็นจี พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในจีนยังคงเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว อันเป็นผลจากความสำเร็จในการดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่คุกคามครอบคลุมทั่วโลกในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียที่ประเทศส่วนใหญ่ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่มีเพียงประเทศจีนและอินเดียเท่านั้น ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนจีน 90% คาดการณ์ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนของรัฐบาลจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจของจีน