ไม่ว่า “ฮุนเซน” จะรับสายจากเมืองไทยหรือไม่...นั่นไม่สำคัญเท่ากับสายสัมพันธ์ระหว่าง “พนิช วิกิตเศรษฐ์” กับ “สันติอโศก” ที่เริ่มต้นด้วยการนัดหมายผ่านสายโทรศัพท์นั้นแนบแน่นมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาเป็น 1 ใน 7 คนไทยผู้ต้องชะตากรรมเดียวกันในคุกเปรย์ซอว์ พนมเปญ กัมพูชา
ด้วยบ้านพักอาศัยของอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ชิดติดกับสันติอโศก เมื่อการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น จำเป็นอยู่นั่นเองที่พนิชจะต้องมุดถ้ำอโศกเพื่อขอคะแนนเสียง และด้วยบุคลิกเรียบร้อย ประกอบความชาญฉลาดหาตัวจับยาก ทำให้นักการเงินที่ผันตัวมาเป็นนักการเมืองคนนี้เข้าไปนั่งในใจคนอโศกอย่างรวดเร็วโดยมิพักต้องสงสัย สุดท้ายคะแนนมากมายจากสายสันติอโศกก็เทหมดใจให้นายพนิชคนเดียว
ดังนั้น เมื่อข้อมูลบริเวณชายแดนไทย-เขมรที่สับสนระหว่างทหาร-กระทรวงการต่างประเทศและพันธมิตรฯ ทำให้พนิชมุ่งหน้าสู่สันติอโศกและเปิดฉาก “คุย” กับพ่อท่านโพธิรักษ์ จนเป็นที่มาของการลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริง โดยสันติอโศกจัดการประสานทุกอย่าง ตั้งแต่เลือกพื้นที่ตรวจสอบ รวมถึงชวนคนโน้นคนนี้ที่เชี่ยวชาญพื้นที่เพื่อนำทาง และ สุดท้ายมาลงตัวที่ “วีระ สมความคิด”
วันก่อนได้กราบนมัสการถามไถ่ใจความกับพ่อท่านโพธิรักษ์ที่ตึก FM TV ในบริเวณ สันติอโศก ถ.นวมินทร์ 46 ระหว่างรอการทำรายการสด “งง...ประเทศไทย” รายการสนทนาการบ้านการเมือง ที่เพิ่งออกอากาศได้ไม่นานก็ติดลมบน ดูเหมือนว่า พ่อท่านฯ ของชาวอโศกมีความกังวลใจเกี่ยวกับชะตากรรมของ 7 คนไทยในคุกเปรย์ซอว์ไม่น้อย และทำท่าว่า ชาวอโศกกำลังคิดเปิดฉากตอบโต้ฮุนเซนที่หน้าสถานทูตเขมรในกรุงเทพฯ ก่อนถึงวันดีเดย์ 25 ม.ค.ด้วยซ้ำ หาก 7 คนไทยยังไม่ได้รับการปล่อยตัวภายในสัปดาห์นี้
ข้อมูลจากอดีต ส.ว.กาฬสินธุ์ วิญญู อุฬางกูร ที่เคยไปเยี่ยมคนไทยในคุกเปรย์ซอว์มาแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เขาบอกว่า คุกแห่งนี้อยู่ชานกรุงพนมเปญ เป็นอาคารเก่าแก่ สีซีด เฉอะแฉะ อับชื้น แออัด และแสนสกปรก
เหมือนๆ กับข้อมูลของญาติพี่น้องของ 7 คนไทยที่ไปเยี่ยมถึงภายใน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สกปรกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดีที่สถานทูตจัดหาอาหารส่งเข้าไปวันละ 2 มื้อ
แต่เมื่อการจองจำนานวันเข้า ทุกคนเริ่มอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไม่สบายและร่ำร้องขอเสรีภาพขนาด “ อาแซมดินและน้องตายแน่” ซึ่งเป็นชาวอโศกที่ผ่านการฝึกมาแล้วอย่างดียังร้องขอ “กลับบ้าน” เพราะทนสภาพที่ต้องขดตัวนอนกับสัตว์เลื่อยคลานเต็มคุกไม่ไหว...ไม่ต้องพูดถึง 2 สาวไทยในคุกเปรย์ซอว์ที่อิดโรยอย่างรวดเร็ว
มีข้อมูลจากชายแดนระบุถึงวันจับกุม 7 คนไทยว่า คนไทยทั้ง 7 คนถูกกองกำลังของ “ลูกชายอธิบดีกรมตำรวจ” ที่ได้ชื่อว่า โหดเหี้ยมอันดับ 2 รองจากกองกำลังของ “ลูกชายฮุนเซน” ควบคุมไปไว้ที่สถานีตำรวจในพนมเปญ ก่อนนำส่งคุกเปรย์ซอว์
เรื่องน่าแปลกใจตรงที่เจ้าหน้าที่เขมรที่จับกุม 7 คนไทยเพิ่งเสร็จสรรพจากการพักผ่อนหย่อนใจในบ่อนปอยเปตมาหมาดๆ และกำลังถอนทัพกลับพนมเปญ แต่ได้รับคำสั่งด่วนพิเศษให้จับ 7 คนไทย และคำสั่งนั้นออกมาล่วงหน้า 1 วันก่อน 7 คนไทยจะไปสระแก้วเสียด้วยซ้ำ???
เมื่อไปถึงพนมเปญแล้ว กระบวนการจับกุมคุมขังก็รวบรัดตัดตอน และหลังจากเข้าไปอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอว์ได้ไม่กี่ชั่วโมง คณะของนายกษิต ภิรมย์ก็เดินทางถึงกรุงพนมเปญ พวกเขาล้อมวงเจรจากันหน้าดำคร่ำเครียดระหว่าง “แซมดิน-พนิช-วีระ-กษิต-ชวนันทน์และ ซก อัน”
“แซมดิน” ได้รับอนุญาตให้โทรศัพท์กลับสันติอโศก และเล่าว่า โต๊ะเจรจาได้ฝากเขาให้ขอร้องวิงวอนให้พรรคพวกทางฝ่ายไทย หยุดการวิพากษ์วิจารณ์ฮุนเซนเสีย มิเช่นนั้นอาจทำให้เขาโกรธและไม่ยอมให้ปล่อยตัว
ต่อเมื่อ 7 คนไทยถูกนำขึ้นสู่การพิพากษาของศาลเขมร มีเสียงร่ำลือกันหนาหูว่า 5 คนอาจได้กลับบ้านเพราะคนในกระทรวงการต่างประเทศแนะนำให้สารภาพผิดว่า เดินผิดหลงทางเข้าเขมรโดยไม่เจตนา
ยกเว้น “วีระ” และ “ราตรี” อาจต้องติดยาวข้อหา “จารกรรมข้อมูล” เพราะเขมรอ้างว่า พบ “กล้องจิ๋ว”ในตัวคนทั้งสอง
การเดินทางไปพนมเปญของ “การุณ ใสงาม” ทนายฝ่ายคนไทยหัวใจรักชาติ อาจไม่เป็นผลทางคดี แต่มีผลทางจิตวิทยา อย่างน้อย “ผู้ชุมนุม” ที่หร็อมแหร็มหน้า “ทำเนียบรัฐบาลไทย” ก็ได้มีอะไรพูดคุยให้กระชุ่มกระชวย หลังจากห่อเหี่ยวมาแล้วหลายวัน
ด้านสันติอโศกเองกลับนิ่งสงบบนความร้อนใจ ด้วยมือขวาของกองทัพธรรมอย่าง ร.ต.แซมดินถูกจับย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดานักสำหรับ “จำลอง ศรีเมือง” และ “พ่อท่านโพธิรักษ์” ยังไม่นับเด็กๆ ของสันติอโศก “ตายแน่ มุ่งมาจน” ด้วย
ขณะที่ฮุนเซนทำทีท่าฟาดหัวฟาดหาง โกรธเกรี้ยวด่าว่า เยาะเย้ยฝ่ายไทยไม่เว้นแต่ละวัน ทางด้านเมืองไทยซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า มีกำลังทหารมากกว่า และอาวุธยุทโธปกรณ์สูงส่งกว่า กลับมีทีท่ากลัวหงอ-ห่อหัวไหล่เหมือนลูกไก่ในกำมือฮุนเซน
ปรากฏว่า โน่น...ที่ถนนสายหลักจากเมืองพระวิหารก็เร่งมือสร้างกันโครมๆ จนใกล้จ่อมาถึงทางขึ้น “ปราสาทพระวิหาร” อยู่รอมร่อ...เสร็จเขาเสียแล้ว...ไม่รัก ไม่หวง... อีกหน่อยคนไทยจะทำได้แต่ยืนชะเง้อมองเขมรเขาหากินกับการท่องเที่ยว ส่วนลูกไทยหลานไทยตรงชายแดนด้านนั้น ก็ขอทาน หรือไม่ก็ขายตัว-ขายแรงงานกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่กำลังเตรียมแห่มาชมความงามของปราสาทพระวิหารก็แล้วกัน...
มีอย่างที่ไหน!!! ปราสาทสวยล้ำค่ามีไม่เก็บเอามาขาย อย่างนี้ก็เอาที่นาผืนน้อยขายฝรั่งมังค่าให้รู้แล้วรู้แรดไปก็แล้วกัน พับผ่าสิ!!!
ทำไมต้องพูดถึงขนาดนี้ ก็เพราะสันติอโศกมีรายงานในมือว่า ถ้าการเจรจาบน MOU 43 ดำเนินต่อไปโดยใช้แผนที่ฝรั่งเศสในมือเขมร ไทยจะสูญเสียดินแดน 1.8 ล้านไร่ใน 7 จว.ภาคอีสาน ประกอบด้วย บุรีรัมย์ สุรินทร์ สระแก้ว ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และ ตราด ...จะเกิดการขยับหลักหมุดปักปันเขตแดนบนเทือกเขาพนมดงรัก-เทือกเขาบรรทัด และเขาพระวิหาร นั่นคือ ปราสาทหินสำคัญๆ อย่างน้อย 4-5 จุดจะตกเป็นของเขมรสิ้นเชิง
รู้หรือยัง...ทำไม ...สันติอโศกร้อนใจ...ทั้งๆ ที่เพิ่งเสร็จศึก 193 วันพันธมิตรฯ ไปหมาดๆ เปิดกูเกิลดูแผนที่ แล้วจะพบสถานแห่งอโศกตลอดแนว 7 จังหวัด บ้างถูกกลืนบางส่วน และบ้างถูกเขมือบไปหมดไม่เหลือหรอ แถมยังมีคนไทยถูกไล่ที่จากการนี้อีกนับสิบนับร้อยครอบครัว แล้วจะให้พวกเขานั่งงอมืองอเท้าหรือไร?
ไม่ได้โกงชาติจนร่ำรวยเหมือนนักการเมืองเฮงซวยที่กลัวฮวยเซ็ง-ฮุนเซนนี่หว่า จะได้นั่งเฉยรอเขมรมายึดที่...ถ้าวันนี้ไม่เข้มแข็ง ไม่สู้ อีกหน่อยลงสะพานพระปิ่นเกล้า คงเป็นเขตชายแดนเขมรแหงๆ.
ด้วยบ้านพักอาศัยของอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ชิดติดกับสันติอโศก เมื่อการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น จำเป็นอยู่นั่นเองที่พนิชจะต้องมุดถ้ำอโศกเพื่อขอคะแนนเสียง และด้วยบุคลิกเรียบร้อย ประกอบความชาญฉลาดหาตัวจับยาก ทำให้นักการเงินที่ผันตัวมาเป็นนักการเมืองคนนี้เข้าไปนั่งในใจคนอโศกอย่างรวดเร็วโดยมิพักต้องสงสัย สุดท้ายคะแนนมากมายจากสายสันติอโศกก็เทหมดใจให้นายพนิชคนเดียว
ดังนั้น เมื่อข้อมูลบริเวณชายแดนไทย-เขมรที่สับสนระหว่างทหาร-กระทรวงการต่างประเทศและพันธมิตรฯ ทำให้พนิชมุ่งหน้าสู่สันติอโศกและเปิดฉาก “คุย” กับพ่อท่านโพธิรักษ์ จนเป็นที่มาของการลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริง โดยสันติอโศกจัดการประสานทุกอย่าง ตั้งแต่เลือกพื้นที่ตรวจสอบ รวมถึงชวนคนโน้นคนนี้ที่เชี่ยวชาญพื้นที่เพื่อนำทาง และ สุดท้ายมาลงตัวที่ “วีระ สมความคิด”
วันก่อนได้กราบนมัสการถามไถ่ใจความกับพ่อท่านโพธิรักษ์ที่ตึก FM TV ในบริเวณ สันติอโศก ถ.นวมินทร์ 46 ระหว่างรอการทำรายการสด “งง...ประเทศไทย” รายการสนทนาการบ้านการเมือง ที่เพิ่งออกอากาศได้ไม่นานก็ติดลมบน ดูเหมือนว่า พ่อท่านฯ ของชาวอโศกมีความกังวลใจเกี่ยวกับชะตากรรมของ 7 คนไทยในคุกเปรย์ซอว์ไม่น้อย และทำท่าว่า ชาวอโศกกำลังคิดเปิดฉากตอบโต้ฮุนเซนที่หน้าสถานทูตเขมรในกรุงเทพฯ ก่อนถึงวันดีเดย์ 25 ม.ค.ด้วยซ้ำ หาก 7 คนไทยยังไม่ได้รับการปล่อยตัวภายในสัปดาห์นี้
ข้อมูลจากอดีต ส.ว.กาฬสินธุ์ วิญญู อุฬางกูร ที่เคยไปเยี่ยมคนไทยในคุกเปรย์ซอว์มาแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เขาบอกว่า คุกแห่งนี้อยู่ชานกรุงพนมเปญ เป็นอาคารเก่าแก่ สีซีด เฉอะแฉะ อับชื้น แออัด และแสนสกปรก
เหมือนๆ กับข้อมูลของญาติพี่น้องของ 7 คนไทยที่ไปเยี่ยมถึงภายใน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สกปรกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดีที่สถานทูตจัดหาอาหารส่งเข้าไปวันละ 2 มื้อ
แต่เมื่อการจองจำนานวันเข้า ทุกคนเริ่มอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไม่สบายและร่ำร้องขอเสรีภาพขนาด “ อาแซมดินและน้องตายแน่” ซึ่งเป็นชาวอโศกที่ผ่านการฝึกมาแล้วอย่างดียังร้องขอ “กลับบ้าน” เพราะทนสภาพที่ต้องขดตัวนอนกับสัตว์เลื่อยคลานเต็มคุกไม่ไหว...ไม่ต้องพูดถึง 2 สาวไทยในคุกเปรย์ซอว์ที่อิดโรยอย่างรวดเร็ว
มีข้อมูลจากชายแดนระบุถึงวันจับกุม 7 คนไทยว่า คนไทยทั้ง 7 คนถูกกองกำลังของ “ลูกชายอธิบดีกรมตำรวจ” ที่ได้ชื่อว่า โหดเหี้ยมอันดับ 2 รองจากกองกำลังของ “ลูกชายฮุนเซน” ควบคุมไปไว้ที่สถานีตำรวจในพนมเปญ ก่อนนำส่งคุกเปรย์ซอว์
เรื่องน่าแปลกใจตรงที่เจ้าหน้าที่เขมรที่จับกุม 7 คนไทยเพิ่งเสร็จสรรพจากการพักผ่อนหย่อนใจในบ่อนปอยเปตมาหมาดๆ และกำลังถอนทัพกลับพนมเปญ แต่ได้รับคำสั่งด่วนพิเศษให้จับ 7 คนไทย และคำสั่งนั้นออกมาล่วงหน้า 1 วันก่อน 7 คนไทยจะไปสระแก้วเสียด้วยซ้ำ???
เมื่อไปถึงพนมเปญแล้ว กระบวนการจับกุมคุมขังก็รวบรัดตัดตอน และหลังจากเข้าไปอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอว์ได้ไม่กี่ชั่วโมง คณะของนายกษิต ภิรมย์ก็เดินทางถึงกรุงพนมเปญ พวกเขาล้อมวงเจรจากันหน้าดำคร่ำเครียดระหว่าง “แซมดิน-พนิช-วีระ-กษิต-ชวนันทน์และ ซก อัน”
“แซมดิน” ได้รับอนุญาตให้โทรศัพท์กลับสันติอโศก และเล่าว่า โต๊ะเจรจาได้ฝากเขาให้ขอร้องวิงวอนให้พรรคพวกทางฝ่ายไทย หยุดการวิพากษ์วิจารณ์ฮุนเซนเสีย มิเช่นนั้นอาจทำให้เขาโกรธและไม่ยอมให้ปล่อยตัว
ต่อเมื่อ 7 คนไทยถูกนำขึ้นสู่การพิพากษาของศาลเขมร มีเสียงร่ำลือกันหนาหูว่า 5 คนอาจได้กลับบ้านเพราะคนในกระทรวงการต่างประเทศแนะนำให้สารภาพผิดว่า เดินผิดหลงทางเข้าเขมรโดยไม่เจตนา
ยกเว้น “วีระ” และ “ราตรี” อาจต้องติดยาวข้อหา “จารกรรมข้อมูล” เพราะเขมรอ้างว่า พบ “กล้องจิ๋ว”ในตัวคนทั้งสอง
การเดินทางไปพนมเปญของ “การุณ ใสงาม” ทนายฝ่ายคนไทยหัวใจรักชาติ อาจไม่เป็นผลทางคดี แต่มีผลทางจิตวิทยา อย่างน้อย “ผู้ชุมนุม” ที่หร็อมแหร็มหน้า “ทำเนียบรัฐบาลไทย” ก็ได้มีอะไรพูดคุยให้กระชุ่มกระชวย หลังจากห่อเหี่ยวมาแล้วหลายวัน
ด้านสันติอโศกเองกลับนิ่งสงบบนความร้อนใจ ด้วยมือขวาของกองทัพธรรมอย่าง ร.ต.แซมดินถูกจับย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดานักสำหรับ “จำลอง ศรีเมือง” และ “พ่อท่านโพธิรักษ์” ยังไม่นับเด็กๆ ของสันติอโศก “ตายแน่ มุ่งมาจน” ด้วย
ขณะที่ฮุนเซนทำทีท่าฟาดหัวฟาดหาง โกรธเกรี้ยวด่าว่า เยาะเย้ยฝ่ายไทยไม่เว้นแต่ละวัน ทางด้านเมืองไทยซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า มีกำลังทหารมากกว่า และอาวุธยุทโธปกรณ์สูงส่งกว่า กลับมีทีท่ากลัวหงอ-ห่อหัวไหล่เหมือนลูกไก่ในกำมือฮุนเซน
ปรากฏว่า โน่น...ที่ถนนสายหลักจากเมืองพระวิหารก็เร่งมือสร้างกันโครมๆ จนใกล้จ่อมาถึงทางขึ้น “ปราสาทพระวิหาร” อยู่รอมร่อ...เสร็จเขาเสียแล้ว...ไม่รัก ไม่หวง... อีกหน่อยคนไทยจะทำได้แต่ยืนชะเง้อมองเขมรเขาหากินกับการท่องเที่ยว ส่วนลูกไทยหลานไทยตรงชายแดนด้านนั้น ก็ขอทาน หรือไม่ก็ขายตัว-ขายแรงงานกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่กำลังเตรียมแห่มาชมความงามของปราสาทพระวิหารก็แล้วกัน...
มีอย่างที่ไหน!!! ปราสาทสวยล้ำค่ามีไม่เก็บเอามาขาย อย่างนี้ก็เอาที่นาผืนน้อยขายฝรั่งมังค่าให้รู้แล้วรู้แรดไปก็แล้วกัน พับผ่าสิ!!!
ทำไมต้องพูดถึงขนาดนี้ ก็เพราะสันติอโศกมีรายงานในมือว่า ถ้าการเจรจาบน MOU 43 ดำเนินต่อไปโดยใช้แผนที่ฝรั่งเศสในมือเขมร ไทยจะสูญเสียดินแดน 1.8 ล้านไร่ใน 7 จว.ภาคอีสาน ประกอบด้วย บุรีรัมย์ สุรินทร์ สระแก้ว ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และ ตราด ...จะเกิดการขยับหลักหมุดปักปันเขตแดนบนเทือกเขาพนมดงรัก-เทือกเขาบรรทัด และเขาพระวิหาร นั่นคือ ปราสาทหินสำคัญๆ อย่างน้อย 4-5 จุดจะตกเป็นของเขมรสิ้นเชิง
รู้หรือยัง...ทำไม ...สันติอโศกร้อนใจ...ทั้งๆ ที่เพิ่งเสร็จศึก 193 วันพันธมิตรฯ ไปหมาดๆ เปิดกูเกิลดูแผนที่ แล้วจะพบสถานแห่งอโศกตลอดแนว 7 จังหวัด บ้างถูกกลืนบางส่วน และบ้างถูกเขมือบไปหมดไม่เหลือหรอ แถมยังมีคนไทยถูกไล่ที่จากการนี้อีกนับสิบนับร้อยครอบครัว แล้วจะให้พวกเขานั่งงอมืองอเท้าหรือไร?
ไม่ได้โกงชาติจนร่ำรวยเหมือนนักการเมืองเฮงซวยที่กลัวฮวยเซ็ง-ฮุนเซนนี่หว่า จะได้นั่งเฉยรอเขมรมายึดที่...ถ้าวันนี้ไม่เข้มแข็ง ไม่สู้ อีกหน่อยลงสะพานพระปิ่นเกล้า คงเป็นเขตชายแดนเขมรแหงๆ.