xs
xsm
sm
md
lg

ฟังเสียงชาวบ้านชายแดนเขมร โวยถูกยึดที่ทำกิน ยันตรง “พนิช” ถูกจับแผ่นดินไทยแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวทีสภาท่าพระอาทิตย์
“สภาท่าพระอาทิตย์ สัญจร” รับฟังความเห็นถกแก้ปัญหาไทย-เขมร ชาวบ้านถือโฉนดแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณที่ 7 คนไทยโดนจับ ยันเป็นแผ่นดินของคนไทย ด้าน “วีรพล” จวกรัฐลำเอียง จี้ให้พูดความจริงเหตุทำชาวบ้านเสียเปรียบ ขณะที่ “ส.ว.คำนูณ” ขู่พาชาวบ้านบุกกรุงเทพฯ หากนายกฯ ยังนิ่ง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสียงชาวบ้านชายแดนเขมร  

วันนี้ (5 ม.ค.) รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ถ่ายทอดสดเวทีสาธารณะจาก อบต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กรณีผลกระทบจากปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา โดยมีกลุ่ม ส.ว.และนักวิชาการที่ลงพื้นที่ไปดูปัญหา เช่น นายอโณทัย ฤทธิ์ปัญญาวงศ์ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายคำนูณ สิทธิสมาน และ อ.วีระพันธ์ มาลัยพันธ์ อ.เทพมนตรี ลิมปพยอม นายปราโมทย์ หอยมุก นายวีรพล โสภา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย โดยมีนายเติมศักดิ์ จารุปราน เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่มีที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวให้การยืนยันว่า อาศัยอยู่ในพื้นที่มาตั้งแต่เกิด ที่ดินส่วนใหญ่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย มีเอกสารสิทธิยืนยันทุกคน แต่เมื่อเกิดสงครามภายในของกัมพูชา ทางการไทยได้ให้ชาวบ้านถอยออกจากพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่าจะเกิดอันตราย หลังจากนั้นก็ได้มีชาวเขมรเข้ามาในพื้นที่ ทางการไทยกลับไม่ได้มีการผลักดันให้ชาวเขมรออกไป จนล่วงเลยมาหลายปี ชาวบ้านหลายคนได้ร่วมตัวกันเรียกร้องทางการตั้งแต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยยื่นหนังสือให้กับมือ รวมทั้งเคยยื่นเรื่องให้พรรคประชาธิปัตย์ให้นายอลงกรณ์ พลบุตร ยื่นกระทู้ถามรัฐบาล โดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ยังมาตอบกระทู้แทนในสมัยนั้น แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ชาวบ้านทุกคนมีเอกสารสิทธิได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถทำมาหากินในพื้นที่ตัวเองได้ แต่ก็ต้องเสียภาษีให้รัฐทุกปี เนื่องจากเราเห็นว่าหากไม่เสียภาษีจะถูกมองว่าไม่มีสิทธิเรียกร้อง

ยายเกิด ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวพร้อมถือใบเอกสารสิทธิที่ดินอยู่ในมือว่า ที่ดินสืบทอดต่อมาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ ทำมาหากินมาหลายรุ่น อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือให้เอาที่ดินทำกินคืนมาให้เราด้วย

ขณะที่ นางนารี พูนสุข ลูกสาวนายเบ พูนสุข กล่าวว่า ที่ทำกินติดกับหลักหมุดที่ 46 แต่ขณะนี้ไม่มีที่ทำกินต้องไปเช่าที่นาคนอื่นทำกินตั้งแต่เขมร เข้ามาในพื้นที่

นายบุญเหลือ พรมานุรักษ์ ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า อยากให้รัฐช่วยเหลือค่าที่ดินที่เสียหายไป และผลักดันเขมรออกไป หากผลักดันไม่ได้ก็ขอให้ช่วยหาที่ดินมาทดแทนให้ด้วย ซึ่งที่ดินของตนอยู่ติดกับที่ดินของนายเบ แต่ก็ไม่สามารถออกรังวัดได้ เพราะมีเขมรมาอาศัยอยู่ตั้งแต่สมัยสงคราม เมื่อสงครามหยุดพวกนี้ก็ไม่ถอยร่นออกไป ทำให้ตนและครอบครัวต้องย้ายออกมาเช่าที่ของชาวบ้านที่ อ.อรัญประเทศ

ด้าน นายก อบต.บ้านใหม่หนองไทร กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ก็มีฝ่ายปกครองไม่พอใจ เพราะเสียผลประโยชน์จากกิจการตลาดมืดที่เขาค้าขายในบริเวณชายแดน จนมีการข่มขู่ว่าจะทำร้ายชาวบ้านที่ออกมาให้ข้อมูลกับทางพันธมิตรฯ พื้นที่ที่มีปัญหาไม่ได้เสียหาย หลักหมุดที่ 45-46 ยังอยู่ดี ไม่ได้เสียหาย ไม่ต้องมาอ้างว่ายังไม่ได้มีการปักปันเขตแดน หลักเขตมีชัดเจน ทั้งนี้ มีชาวบ้านยืนยันว่า พื้นที่ตรงที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.ปชป. พร้อมคนไทยอีก 6 คนที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมนั้น เป็นที่ดินของตนเองที่มีเอกสารสิทธิยืนยัน แต่ก็ถูกยึดไป

นายวีรพลกล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน สมัยที่นายกเล็กได้เคลื่อนไหวเรียกร้อง เพราะตนอยู่ในฐานะที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ชาวบ้านได้ดิ้นรนเรื่องนี้มากว่า 10 ปี เรียกร้องกับทางการ ข้าราชการในจังหวัดสระแก้ว ที่ปัญหาบานปลายมาถึงปัจจุบัน ถ้าข้าราชการนำพาต่อปัญหานี้ ก่อนปี 2540 ปัญหาวันนี้ไม่เกิด และเอ็มโอยู 43 ก็จะไม่เกิด

“การที่เขมรยืนยันทุกวันนี้ ทางเขาพูดว่าเพราะต่างคนต่างยึดแผนที่กันคนละฉบับ เขมรยึดตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ตามเอ็มโอยูที่พื้นที่จะกินที่เข้ามาในถนนศรีเพ็ญ แล้วใครที่ไปรับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนให้เขา เรื่องนี้ชาวบ้านยังไม่รู้ แต่ข้อมูลมันชัดว่าที่ที่ 7 คนไทยถูกจับ เป็นที่ดินเอกสารสิทธิ ชนิด น.ส.3 ของชาวบ้านคนไทย ถ้าถือตรงนี้เขมรจะมาอ้างจับคนไทยไม่ได้ ผมขอเรียกร้องความรับผิดชอบของผู้นำประเทศ ว่าท่านกำลังพูดเข้าทางให้กับกัมพูชาในการเฉือนพื้นที่ของตัวเองให้กับเขมร เรื่องทั้งหมดนี้อย่าบอกว่าท่านไม่รู้เรื่อง ท่านรู้ดีที่สุด แต่ไม่พูดความจริง ความจริงที่จะรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ได้” นายวีรพลกล่าว

นายวีรพลกล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลตั้งกองกำลังไว้ที่โคกสูงขณะนี้ เหตุการณ์เหมือนหมู่บ้านภูมิซรอล กำลังจะเกิดขึ้นอีก หากรัฐยังปกปิด สกัดกั้นประชาชนที่จะเข้าไปแสวงหาความจริง ก็จะทำให้คนไทยตีกัน ขอร้องให้หยุดพฤติกรรมที่เหตุแก่ตัวและ มูลเหตุของปัญหาสงครามในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2517 เป็นต้นมาทำให้พี่น้องคนไทยในแนวชายแดนไทย-กัมพูชาต้องผลัดพรากจากที่อยู่ที่กินตลอดแนวชายแดนประเทศ เพราะสงครามรัฐบาลให้ประชาชนออกมาจากพื้นที่ เมื่อหมดยุคสงครามก็กลับเข้าไปในที่ดินตัวเองไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็ประกาศเขตป่าเข้าไปทับพื้นที่อีก และวันนี้ก็มีแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนออกมา

“ผมเข้าใจดีในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่เราพึงมีพึงสร้าง และเราก็สนับสนุน แต่ก็ต้องเคารพในดินแดนของกันและกันด้วย ทางผู้มีอำนาจไทยกำลังสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมระหว่างเรากับกัมพูชาขณะนี้ ทำให้เราเสียเปรียบ พลาดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ทำไมถึงจะดันทุรังทำพลาดอีก ทำให้เราต้องถูกเฉือนแผ่นดิน อย่าคิดว่าประชาชนโง่ อย่าพยายามปิดบังและทำลายความชอบธรรมของประชาชนคนไทยด้วยกัน” นายวีรพลระบุ

ด้าน นายคำนูณ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมาตนได้มีการศึกษาข้อมูลเรื่องนี้จากเอกสารต่างๆ และพอได้มาเห็นพื้นที่ดังกล่าวด้วยตัวเองแล้วรู้สึกสะเทือนใจ เพราะว่าเมื่อคืน ตนได้ฟังสิ่งที่ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พูดในรายการคุยนอกทำเนียบ ตนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากตั้งแต่วันเกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นทางกระทรวงการต่างประเทศ หรือทางจังหวัดสระแก้ว รวมทั้งทางทหารบางส่วน พูดเป็นนัยเหมือนกับว่าคนไทยที่ถูกจับล้ำแดนกัมพูชา หรือเป็นพวกก่อกวนความไม่สงบ

“วันแรกที่ออกมาบอกว่าล้ำแดนกัมพูชา บอกว่าพิกัดกัมพูชาล้ำแดน 600 เมตร วันที่สองบอกว่าเราล้ำแดนไป 1.2 กิโลเมตร อีกวันหนึ่งบอกว่าตรวจสอบแล้วล้ำแดนไป 55 เมตร เมื่อคืนนี้ที่ผมทนไม่ได้จริงๆ ที่ รมว.ต่างประเทศ ท่านบอกว่าถ้าดูตามหลักเขตที่กัมพูชายึดถือ ถือว่าเราล้ำแดนไป 55 เมตร แต่ถ้าดูตามหลักสันปันน้ำที่ไทยยึดถือ เราล้ำแดนไป 8 เมตร ผมเข้าใจว่าที่นี่มันไม่มีสันปันน้ำ มันเป็นคนละเรื่องกับชายแดนกรณีประสาทเขาพระวิหาร แต่บริเวณนี้มันเป็นเขตที่ในอดีตเขาปักปันเขตแดนไว้เรียบร้อยแล้ว”

อย่างไรก็ตาม นายคำนูณกล่าวอีกว่า บริเวณที่เกิดเหตุนี้เราควรค้นหาหลักเขตแดนที่ 46-47 ว่าของจริงมันอยู่ตรงไหน สิ่งที่นายวีระ สมความคิด รวมทั้งนายพนิช วิกฤติเศรษฐ์ ทำไปนั้น เพื่อที่จะเดินไปหาหลักเขตแดนที่ 46 ซึ่งมีการพูดจากับคนในพื้นที่ เมื่อเดินไปแล้วถูกจับกุม วันนี้เป็นที่ปรากฏว่าเป็นที่ดินของนายบุญตา และลูกสาว มีเอกสาร มีการเสียภาษีทุกปี ร้องเรียนไปตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนมาถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ชีวิตก็ยังไม่ดีขึ้น

“คำพูดเมื่อคืนนี้ของนายกษิต เป็นเหมือนการสารภาพบาป หรือว่าคำ หรือคาถาที่ท่องเวลาใส่พานยกดินแดนให้กัมพูชา และคำพูดของข้าราชการไทยก็พูดแบบนี้ จะมาบอกว่าต้องรอให้เขมรเอาคนไทยขึ้นศาล แล้วเราจะส่งทนายไปช่วย จะขอให้เขาปล่อยตัวให้โดยเร็วที่สุด มีความพยายามเต็มที่ในการช่วยเหลือ หากเรื่องนี้ต้องการให้คนไทยคนใดคนหนึ่งใน 7 คนสารภาพออกมา และนำไปขึ้นศาล ตามมาด้วยการขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งหมดมันก็คือการรับสารภาพเพื่อเป็นคำประกอบการยกแผ่นดินให้กับเขา”

เขายังระบุอีกว่า ปัญหาที่ตนไม่เข้าใจคือ คำพูดของนายกษิต ที่ระบุว่าบริเวณที่เกิดเหตุมีสันปันน้ำ ตนรู้สึกไม่เข้าใจว่าพูดออกมาได้อย่างไร คิดว่านายกษิตไม่คู่ควรต่อการเป็น รมว.ต่างประเทศ อีกต่อไป และตนอยากให้นายกฯ ลงมาทำความจริงเรื่องนี้ให้กระจ่าง ไม่ต้องถึงขั้นไปยังหลักปักปันเขตแดนหรอก แค่เดินทางมาพบชาวบ้านที่เขาเดือดร้อน เข้าไปทำกินไม่ได้ นอกจากนี้ อยากเรียกร้องให้นายกฯ ทำหนังสือเชิญสมเด็จฯ ฮุนเซน ให้ไปยังบริเวณที่เกิดปัญหา ไปหาหลักเขตที่ 46-48 ว่ามันอยู่ตรงไหน ตนคิดว่านั่นคือทางแก้

“ผมยังเคารพในตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ แม้ท่านจะบอกว่าคนไทยทั้ง 7 ถูกจับเพราะรุกล้ำแดนกัมพูชา แล้วท่านยังบอกว่า ต้องยอมไปตามกระบวนการศาล ผมก็ยังถือว่าเป็นคำพูดที่ใช้ได้ ผมอยากจะรอคำตอบจากท่านนายกฯ ว่าจะเอาอย่างไร ผมอาจจะเรี่ยไรเงินของ ส.ว. เพื่อเป็นค่าเดินทางนำชาวบ้านที่เดือดร้อนไปพบนายกฯ ที่กรุงเทพฯ” นายคำนูณกล่าว และว่าทุกอย่างมันมีความจริงกำกับหมด ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อปี 2518 ยุคของเขมรแดงที่มีผู้อพยพจำนวนมาก แต่ทุกวันนี้กลายเป็นหมู่บ้านกัมพูชา








วีรพล โสภา
คำนูณ สิทธิสมาน
ยายเกิด
กำลังโหลดความคิดเห็น