xs
xsm
sm
md
lg

จับตาแก้รธน.หักดิบที่มาส.ส. “เผาไทย”แขวะไม่หลงกลถูกหลอกเล่นเกม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(10 ม.ค.) นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา รองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 50 กล่าวว่า วันนี้(11 ม.ค.)จะเป็นการตัดสินว่า กมธ.จะยืนตามร่างที่ผ่านวาระ1 คือ เขตเดียวเบอร์เดียว 375 คน รวมกับบัญชีรายชื่อทั้งประเทศ 125 คน หรือ ตามที่มีการแปรญัตติ 400+100 คน ซึ่งสูตร 375+125 พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน ส่วนสูตร 400+100 คน พรรคร่วมสนับสนุน แต่ตนคิดว่า สูตร 375+125 จะมีโอกาสมาก เพราะกมธ.ทั้งหมด 45 คน มีกมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ 19 คน และดูจากจำนวนที่มาประชุม กมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียงทุกครั้ง และทราบข่าวว่า เช้าวันที่ 11 มกราคม กมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์นัดประชุมร่วมกับส.ส.ของพรรคก่อนด้วย ส่วนส.ว.ที่อาจเป็นตัวแปร ตนคิดว่าไม่ใช่เพราะ กมธ.จากส.ว.มี 11 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็สนับสนุนตามร่าง อีกกลุ่มก็สนับสนุนตามพรรคร่วมฯ ขณะที่อีกกลุ่มก็กลางๆแล้วแต่ส.ส.จะตกผลึกว่าอย่างไร เพราะไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขตั้งแต่แรก
“คิดว่าสูตร 375+125 จะมีโอกาสมากที่สุด ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็คงสงวนความเห็นไปอภิปรายในสภา แต่ก็น่าจะมีปัญหาในวาระ 2 และ 3 ซึ่งโอกาสผ่านก็จะน้อยมาก แต่ถ้าไม่ผ่าน ก็ใช้ตามสูตรรัฐธรรมนูญ 50 คือ เขตใหญ่เรียงเบอร์ 400 คน รวมกับ แบบสัดส่วน 8 กลุ่มจังหวัดรวม 80 คน ซึ่งตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์เขายังคิดว่า พอใจได้ เพราะไม่เสียหายกับเขาเท่าไหร่” นายอนุรักษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่ส.ว.หรือในกมธ.จะเสนอสูตรประนีประนอมที่ 400+125 หรือไม่ นายอนุรักษ์ กล่าวว่า สูตรนี้มีส.ส.รวม 525 คน ซึ่งเยอะไป และยังไม่มีใครพูดถึง แต่ตนคิดว่าไม่มีโอกาส เพราะสูตร 375+125 มีจุดเกาะเกี่ยวกับกรรมการอิสระชุดนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)ศึกษาและเสนอ ส่าวนสูตร 400+100 มีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ 40 แต่สูตรประนีประนอม ไม่มีจุดเกาะเกี่ยว และยังไม่ได้รับการยอมรับจากฝ่ายใด จึงไม่น่าจะออกสูตรนี้ และพรรคประชาธิปัตย์เอง ถ้าไม่ได้ตามร่าง กลับไปใช้ตามปี 50 ก็ไม่เสียอะไร

**“ปธ.วุฒิยันแปรญัตติตัวเลขที่มาส.ส.ได้
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาและรองประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่มีส.ส.หลายคนยื่นแปรญัตติขอเปลี่ยนสัดส่วนส.ส.ระบบเขต 400 คนต่อระบบสัดส่วนเป็น 100 คน ว่า สามารถทำได้ เพราะหากแก้ไขไม่ได้แบบนี้จะตั้งคณะกรรมาธิการฯขึ้นมาทำไม แต่อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว สัดส่วนส.ส.ระบบเขตและระบบสัดส่วนจะเป็น 375 +125 หรือ 400+100 ก็เป็นเรื่องที่ประชุมรัฐสภาจะตัดสิน
เมื่อถามว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาขัดข้องใช่หรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า ต้องไปตัดสินกันในที่ประชุมรัฐสภา ในการพิจารณาวาระที่ 2 ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ย่อมมีทั้งคนที่พอใจและคนที่ไม่พอใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านรัฐสภานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ นายประสพสุขกล่าวว่า ไม่ผ่าน ก็ไม่ผ่าน นายกฯไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบอะไร นายกฯ ก็ได้พยายามแล้วแต่รัฐสภาไม่ผ่านให้ แล้วจะไปทำอะไรได้ เพราะเรื่องนี้ท้ายที่สุดก็อยู่ที่รัฐสภา ว่าจะรับหรือไม่รับ

**“เทือก” ย้ำพรรคร่วมไม่ต้องทำตามปชป.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีพรรคร่วมรัฐบาลเสนอให้คงระบบสัดส่วน 400 บวก100 ว่า ในหลักเมื่อร่างกฎหมายอยู่ในสภาก็แล้วแต่เสียงส่วนใหญ่ แต่สมาชิกรัฐสภาก็ฟังเสียงพี่น้องประชาชนในการตัดสินใจ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้น ยังไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลง แต่วันข้างหน้าจะคิดอ่านกันอย่างไร ก็ว่ากันไป
“ไม่น่าแปลกใจอะไร เขามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่จำเป็นว่าต้องทำตามพรรคประชาธิปัตย์ทุกอย่าง ต่างคนก็ต่างมีความคิดความเห็นกัน ส่วนการปรึกษาหารือก็ดูว่าเมื่อไหร่ควรจะปรึกษาหารือกัน”นายสุเทพกล่าวและว่า ขณะนี้ไม่ได้คิดที่จะนัดคุยหรือรับประทานอาหารร่วมกัน หลังปีใหม่ก็ยังไม่ได้คุยกัน ถึงเวลาก็ทราบเอง

**ปชป.กางปฏิทินเวลายุบสภา
นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงความชัดเจนของรัฐบาลที่จะประกาศยุบสภาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ว่า ขณะนี้มีข้อพิจารณา 2 ปัจจัย คือ 1.การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังการอภิปรายแล้วเสร็จ 3 - 4 เดือน และ 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากสมาชิกรัฐสภามีมติให้ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับคณะรัฐมนตรี หรือ เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. คือ 375 + 125 ก็จะใช้เวลาแก้กฎหมายลูกอีก 2 - 3 เดือน จากนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือหากสมาชิกรัฐสภาไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของรัฐบาล ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทันที
ส่วนตัวเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่ใช้จำนวน ส.ส. 400+100 แน่นอน เพราะขณะนี้คณะกรรมาธิการแก้ไขส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนร่างแก้ไขของรัฐบาล แต่อาจมีตัวเลือกระหว่างใช้จำนวน ส.ส.แบบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับคณะรัฐมนตรี หรือแบบรัฐธรรมนูญ 2550 ตามเดิม
ขณะนี้เป็นที่แน่นอนแล้วใช่หรือไม่เกี่ยวกับกติการัฐบาลที่ต้องแก้ไขกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จก่อนจะประกาศยุบสภา นายเทพไท กล่าวว่า จำเป็นต้องแก้ไขเนื่องจากป้องกันการครหา เพราะหากไม่มีการแก้ไขกฎหมายลูก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องประกาศให้ใช้ระเบียบ กกต. เพื่อให้มีการเลือกตั้ง ดังนั้นจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จก่อน

**“ปชป.” เชื่อส.ส.หนุน375+100
นายอรรถวิชย์ สุวรรณภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ฐานะกรรมาธิการวิสามัญร่วมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงกรณีที่กรรมาธิการฯ ฝั่งพรรคประชาธิปัตย์จะหารือประเด็นดังกล่าวนอกรอบในวันนี้ (11 ม.ค.) ว่า คาดว่าเสียงจะไปในทิศทางเดียวกัน คือ หนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะรัฐมนตรี และเห็นด้วยกับจำนวน ส.ส. ที่ 375+125 อย่างไรก็ตามปัญหาที่ส.ว.สรรหา ทะยอย ลาออกเพื่อต้องการให้มีคุณสมบัติเพียงพอต่อการสรรหาเข้ามาใหม่ เบื้องต้นในที่ประชุมกรรมาธิการฯ จะหารือถึงทางออกอีกครั้ง

**พผ.ยันพรรคร่วมรัฐบาลไม่กระเทือน
นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ โฆษกวอร์รูมพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์เลือกสูตร 375+125 จริง ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่ได้เปรียบเสียเปรียบอะไร เพราะเป็นพรรคเล็ก จะมีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ได้เปรียบ และพรรคที่เสียเปรียบคือ พรรคเพื่อไทย เพราะสัดส่วนของส.ส.ในภาคอีสาน และภาคเหนือจะหายไปประมาณ 15-16 เขต ภาคใต้จะหายไป 4 เขต ส่วนกทม.หายไป 2 เขต ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นพรรคไหนที่ส.ส.จะหายไป และสูตรนี้จะทำให้เกิดพรรคใหม่ๆ ขึ้นมา เนื่องจากมีส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมากขึ้น
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาตลอดว่า ไม่สนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 แต่เมื่อต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเลือกที่จะใช้สูตร 375+125 จะถูกมองหรือไม่ว่า เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ต้องเอื้อผลประโยชน์กับพรรคตัวเอง นพ.ภูมินทร์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าเอาสูตรนี้จริงพรรคเพื่อไทยเสียเปรียบแน่
อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อแผ่นดินเองไม่ได้มองเรื่องของตัวเลข แต่เห็นด้วยกับแนวทางเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว และเมื่อถึงเวลาโหวตในสภาพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็จะให้เป็นเอกสิทธิของส.ส.

**“เติ้ง”หนุนส.ส.สูตร 400+100
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึว่า การมีผู้แทนเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ซึ่งจำนวนผู้แทนที่กำหนดในรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่กำหนดสัดส่วนให้มีส.ส.เขตจำนวน 400 คน และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน เป็นเรื่องที่ได้ไตร่ตรองมาอย่างดีและละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มีการทำประชาพิจารณ์จากประชาชน และมีการเลือกตั้งมาหลายครั้งแล้ว คนก็ชิน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรู้ว่าใครอยู่เขตไหน พื้นที่ไหน รู้จักกันหมด ถ้าลดพื้นที่ลง โดยมีเหตุผลบางอย่าง หรือเพราะผู้แทนระบบเขตไม่มาประชุมแล้วแก้ไขให้มีส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อมากขึ้น ก็อยากให้ไปดูว่าในการประชุมสภาฯ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหายไปตั้งครึ่ง เรื่องนี้จึงไม่ใช่เหตุผล อะไรที่ทำมาแล้วไม่เสียหาย เกิดประโยชน์กว่าก็ไม่ควรเปลี่ยน การลดส.ส.ระบบเขตแล้วไปเพิ่มส.ส.ระบบสัดส่วนคงไม่ถูกต้อง
“ผมเห็นว่าใช้สัดส่วนเดิมน่าจะเหมาะสมกว่า เขตไม่ต้องไปขยับคนไม่ต้องหาย คนหายไปทะเลาะกันอีก ไม่งั้นพรรคก็ต้องไปดูเอาคนลงเขตไหน ยิ่ง 5 คนเหลือ 4 คนยิ่งแย่ใหญ่ ปัญหามันอยู่ตรงนี้ แต่อย่างไรสุดท้ายจะอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐสภาไปว่ากันอีกที”นายบรรหารกล่าว
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าเห็นด้วยกับสัดส่วนส.ส.ระบบเขต 400 คนต่อส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 100 คนใช่หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า เหมาะที่สุด ส่วนท่านอื่นจะเห็นอย่างไรเป็นความเห็นของท่าน ซึ่งท้ายที่สุดก็อยู่ที่รัฐสภา เมื่อถามต่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยกับสัดส่วน 400+100 นายบรรหารกล่าวว่า พรรคร่วมฯคุยกันแล้วและมีความเห็นตรงกัน

**ภท.หนุนสูตร 400+100
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ความเห็นแตกต่างถือเป็นเรื่องปกติของการเสนอกฎหมายของฝ่ายที่เห็นด้วยและคัดค้าน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฯเสียงข้างมากในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะออกมาสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยในสูตร 400 + 100 นายบุญจง กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ เพราะในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละพรรคก็ให้ส.ส.เข้าร่วมพิจารณาอยู่แล้ว ตรงนี้ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องน่าวิตก และสร้างความขัดแย้งถือเป็นเรื่องธรรมดามาก อย่างไรก็ตามพรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนในการสนับสนุนสูตร 400 + 100 แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเสียงขางมากว่าจะใช้สูตรไหนพรรคก็พร้อมน้อมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความขัดแย้งตรงนี้จะส่งผลกระทบการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า ไม่ใช่ ตรงนี้เป็นความเห็นต่างในประบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องปกติ ทุกฝ่ายต้องเอาเหตุผลมาคุยกัน วันนี้มีความเห็นตรงกันว่าควรแก้ไขเขตเลือกตั้งให้เป็นเขตเล็ก ซึ่งยังแตกต่างในเรื่องของตัวเลข อย่างไรก็ตาม สูตรตัวเลข 400 + 100 ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ต้องไปหารือว่าสูตร 375 + 125 ที่เสนอเข้ามามีข้อดีข้อเสียอะไร เชื่อว่าทุกอย่างสามารถคุยกันได้ สุดท้ายเชื่อว่าแต่ละพรรคไปหารือกันว่ารับในสูตรไหนก่อนที่จะมีการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป

** เด็จพี่ ย้ำไม่เสียจุดยืนเสียงแตกในสภาฯ
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังคงมีความเห็นจะสนับสนุน ส.ส.เขต 400 คน และส.ส.สัดส่วน100 คน มากกว่า เพราะเห็นว่าประชาชนได้ประโยชน์ และยังคงเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 อีกด้วย อย่างไรก็ตามทางในวันที่ 14มกราคมนี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมเพื่อหามติของพรรคที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีการปล่อยฟรีโหวตให้กับสมาชิกของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ตนยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีทางเสียจุดยืนอย่างแน่นอน แต่การที่พรรคเพื่อไทยมีมติเช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะไปเข้าร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล
“รัฐบาลชุดนี้จะพยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง และเป็นการต่ออายุให้กับตำแหน่งของตัวเอง ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแต่อย่างไร ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นธาตุแท้ของแกนนำรัฐบาล รัฐบาลน่าจะแก้ปัญหาด้านปากท้องให้กับประชาชนจะดีกว่า”นายพร้อมพงศ์ กล่าว

**ไพจิต”แขวะรบ.ยืมมือเพื่อไทยเล่นเกม
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่าการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเรื่องเขตเลือกตั้ง จะเป็นเล็กหรือใหญ่ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะก่อนโหวตมีการวิ่งเต้นทุกอย่างเพื่อให้รับร่าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้ร่วมโหวตรับร่างดังกล่าว เมื่อถึงวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ รอดไม่ถูกยุบพรรค และยังมีความสุขอยู่ดี พอจะรู้กันว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีทางออก และเชื่อว่ามีธงหรือคำตอบอยู่แล้ว ไม่ว่าผลการแก้ไขออกมาเป็นอย่างไร พรรคร่วมฯก็มีการจับมือ เป็นรัฐบาลอีกครั้งตามที่ คมช.วางไว้ให้เป็นไปตามบันไดขั้นที่4 ก็ขอร่วมหัวจมท้ายมาก็ไปให้ตลอดรอดฝั่ง อย่ามาคิดหักหน้า หักหลัง หวังยืมมือพรรคเพื่อไทยเพราะไม่อยากถูกหลอก เพราะในที่สุดก็ขึ้นอยู่เสียงในสภา หากได้เสียงโหวตในรัฐสภาไม่เกิน310 เสียง ร่างก็ไม่ผ่าน จะกลับไปใช้ตามร่างเดิมอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงพรรคเพื่อไทยได้นัดเรียกประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชุมวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.เพื่อให้มีความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องเขตเลือกตั้ง นายไพจิต ตอบว่า ไม่เห็นด้วยนัดประชุมวันศุกร์ซึ่งไม่รู้หรือว่า ส.ส.เขต ต่างก็มีภารกิจ มีงานลงพื้นที่พบประชาชน ควรจะนัดประชุมบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 13 ม.ค.ซึ่งถ้าไม่พร้อมก็นัดประชุมอังคาร ถัดไปก็ได้ ไม่น่ามีปัญหาเนื่องจากยังมีเวลาก่อนเปิดสมัยประชุมรัฐสภา
กำลังโหลดความคิดเห็น