“ไข่แม้ว” ขวางสมาชิกโหวต หักหน้า ปชป.แก้ รธน.สัดส่วน ส.ส.ชี้เสียงไม่เกิน 310 ก็กลับใช้ 400 เขต อ้างไม่มีเจตจำนงร่วมสังฆกรรมตั้งแต่แรก แนะเลื่อนประชุม ส.ส.ถกแก้ รธน.เย้ย “มาร์ค” ทำตามระบอบ “ทักษิณ” ขวางก้าวข้าม “แม้ว” เพราะกลายเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ตามระบบประชาธิปไตย เชื่อไพร่แดงเพิ่มอื้อ
วันนี้ (10 ม.ค.) นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนมาตรา 93 และมาตรา 98 เกี่ยวกับเรื่องรูปแบบเขตเลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ทางการเมือง ระหว่างรัฐบาลกับการเลือกตั้ง เพราะตั้งแต่แรกพรรคเพื่อไทย ไม่มีเจตจำนงเข้าร่วมในการแก้ไข และร่วมพิจารณาเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าไม่ได้แก้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งที่ควรแก้เป็นหลัก กลับไม่แก้แต่ไปก็เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับพรรคร่วมรัฐบาล
“ถ้าพรรคเพื่อไทยไปร่วมพิจารณาเรื่องนี้ เท่ากับไปจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหักหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องคิดให้รอบคอบ จะผิดหลักการและขัดต่อมติของพรรค เพราะหากจะร่วมพิจารณาด้วย ทำไมไม่เข้าร่วมตั้งกรรมาธิการร่วมฯเสียตั้งแต่แรก ใครที่คิดจะไปร่วมโหวตนั้น คิดได้อย่างไร ดังนั้น จึงจะต้องได้แสดงความเห็นในการประชุมพรรคว่าจะทำอะไรต้องสะท้อนเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน” นายไพจิต ย้ำ
นาบไพจิต กล่าวยืนยันว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเรื่องเขตเลือกตั้ง จะเป็นเล็กหรือใหญ่ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะก่อนโหวตมีการวิ่งเต้นทุกอย่างเพื่อให้รับร่าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้ร่วมโหวตรับร่างดังกล่าว เมื่อถึงวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ รอดไม่ถูกยุบพรรค และยังมีความสุขอยู่ดี พอจะรู้กันว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีทางออก และเชื่อว่า มีธงหรือคำตอบอยู่แล้ว ไม่ว่าผลการแก้ไขออกมาเป็นอย่างไร พรรคร่วมก็มีการจับมือ เป็นรัฐบาลอีกครั้งตามที่ คมช.วางไว้ให้เป็นไปตามบันไดขั้นที่4 ก็ขอร่วมหัวจมท้ายมาก็ไปให้ตลอดรอดฝั่ง อย่ามาคิดหักหน้า หักหลัง หวังยืมมือพรรคเพื่อไทย เพราะไม่อยากถูกหลอก เพราะในที่สุดก็ขึ้นอยู่เสียงในสภา หากได้เสียงโหวตในรัฐสภาไม่เกิน 310 เสียง ร่างก็ไม่ผ่าน จะกลับไปใช้ตามร่างเดิมอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงพรรคเพื่อไทยได้นัดเรียกประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชุมวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.เพื่อให้มีความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องเขตเลือกตั้ง นายไพจิต ตอบว่า ไม่เห็นด้วยนัดประชุมวันศุกร์ซึ่งไม่รู้หรือว่า ส.ส.เขต ต่างก็มีภารกิจ มีงานลงพื้นที่พบประชาชน ควรจะนัดประชุมบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 13 ม.ค.ซึ่งถ้าไม่พร้อมก็นัดประชุมอังคาร ถัดไปก็ได้ ไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากยังมีเวลาก่อนเปิดสมัยประชุมรัฐสภา
นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแถลง 9 แผนประชาวิวัฒน์ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน คลอบคลุมหลายๆ ด้าน ว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ได้ยอมรับสภาพความจริง เพราะที่ผ่านมาได้เคยเข้าใจผิดในนโยบายของรัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือกล่าวหาโจมตีว่าเป็นระบอบทักษิณ แต่วันนี้เห็นได้ชัดเจนไม่ได้ลอก แต่ได้นำมาใช้เสียเองทั้งหมด
นายสงวน กล่าวว่า การที่ นายสุพล ฟองงาม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เคยถึงการปรับโครงสร้างในพรรค จะต้องก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ต้องยอมรับว่า วันนี้ ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ กลายเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยไปแล้ว ดังนั้น ถ้าก้าวข้ามพ้นไปแล้วเท่ากับก้าวข้ามการต่อสู้ประชาธิปไตย แล้วจะชูสัญลักษณ์อะไร หรือจะก้าวข้ามไปอยู่กับเผด็จการ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองได้พัฒนาความคิดของประชาชนทุกวันนี้ไปมากแล้วในการเคลื่อนไหว และเชื่อว่า ในการนัดชุมนุมของคนเสื้อแดงในที่ 23 ม.ค.นี้ จะมีจำนวนคนเพิ่มมากขึ้นในการเข้าร่วมการแสดงพลังของประชาชนในต่อสู้ในวิถีทางประชาธิปไตย
วันนี้ (10 ม.ค.) นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนมาตรา 93 และมาตรา 98 เกี่ยวกับเรื่องรูปแบบเขตเลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ทางการเมือง ระหว่างรัฐบาลกับการเลือกตั้ง เพราะตั้งแต่แรกพรรคเพื่อไทย ไม่มีเจตจำนงเข้าร่วมในการแก้ไข และร่วมพิจารณาเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าไม่ได้แก้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งที่ควรแก้เป็นหลัก กลับไม่แก้แต่ไปก็เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับพรรคร่วมรัฐบาล
“ถ้าพรรคเพื่อไทยไปร่วมพิจารณาเรื่องนี้ เท่ากับไปจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหักหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องคิดให้รอบคอบ จะผิดหลักการและขัดต่อมติของพรรค เพราะหากจะร่วมพิจารณาด้วย ทำไมไม่เข้าร่วมตั้งกรรมาธิการร่วมฯเสียตั้งแต่แรก ใครที่คิดจะไปร่วมโหวตนั้น คิดได้อย่างไร ดังนั้น จึงจะต้องได้แสดงความเห็นในการประชุมพรรคว่าจะทำอะไรต้องสะท้อนเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน” นายไพจิต ย้ำ
นาบไพจิต กล่าวยืนยันว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเรื่องเขตเลือกตั้ง จะเป็นเล็กหรือใหญ่ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะก่อนโหวตมีการวิ่งเต้นทุกอย่างเพื่อให้รับร่าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้ร่วมโหวตรับร่างดังกล่าว เมื่อถึงวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ รอดไม่ถูกยุบพรรค และยังมีความสุขอยู่ดี พอจะรู้กันว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีทางออก และเชื่อว่า มีธงหรือคำตอบอยู่แล้ว ไม่ว่าผลการแก้ไขออกมาเป็นอย่างไร พรรคร่วมก็มีการจับมือ เป็นรัฐบาลอีกครั้งตามที่ คมช.วางไว้ให้เป็นไปตามบันไดขั้นที่4 ก็ขอร่วมหัวจมท้ายมาก็ไปให้ตลอดรอดฝั่ง อย่ามาคิดหักหน้า หักหลัง หวังยืมมือพรรคเพื่อไทย เพราะไม่อยากถูกหลอก เพราะในที่สุดก็ขึ้นอยู่เสียงในสภา หากได้เสียงโหวตในรัฐสภาไม่เกิน 310 เสียง ร่างก็ไม่ผ่าน จะกลับไปใช้ตามร่างเดิมอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงพรรคเพื่อไทยได้นัดเรียกประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชุมวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.เพื่อให้มีความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องเขตเลือกตั้ง นายไพจิต ตอบว่า ไม่เห็นด้วยนัดประชุมวันศุกร์ซึ่งไม่รู้หรือว่า ส.ส.เขต ต่างก็มีภารกิจ มีงานลงพื้นที่พบประชาชน ควรจะนัดประชุมบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 13 ม.ค.ซึ่งถ้าไม่พร้อมก็นัดประชุมอังคาร ถัดไปก็ได้ ไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากยังมีเวลาก่อนเปิดสมัยประชุมรัฐสภา
นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแถลง 9 แผนประชาวิวัฒน์ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน คลอบคลุมหลายๆ ด้าน ว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ได้ยอมรับสภาพความจริง เพราะที่ผ่านมาได้เคยเข้าใจผิดในนโยบายของรัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือกล่าวหาโจมตีว่าเป็นระบอบทักษิณ แต่วันนี้เห็นได้ชัดเจนไม่ได้ลอก แต่ได้นำมาใช้เสียเองทั้งหมด
นายสงวน กล่าวว่า การที่ นายสุพล ฟองงาม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เคยถึงการปรับโครงสร้างในพรรค จะต้องก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ต้องยอมรับว่า วันนี้ ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ กลายเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยไปแล้ว ดังนั้น ถ้าก้าวข้ามพ้นไปแล้วเท่ากับก้าวข้ามการต่อสู้ประชาธิปไตย แล้วจะชูสัญลักษณ์อะไร หรือจะก้าวข้ามไปอยู่กับเผด็จการ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองได้พัฒนาความคิดของประชาชนทุกวันนี้ไปมากแล้วในการเคลื่อนไหว และเชื่อว่า ในการนัดชุมนุมของคนเสื้อแดงในที่ 23 ม.ค.นี้ จะมีจำนวนคนเพิ่มมากขึ้นในการเข้าร่วมการแสดงพลังของประชาชนในต่อสู้ในวิถีทางประชาธิปไตย