ASTVผู้จัดการรายวัน - โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯ เชื่อราคาทองต้นสัปดาห์ยังเด้ง คาดไปได้ไม่ไกลเหตุมียังแรงกดดันจากต่างประเทศรอบด้าน ซ้ำนักลงทุนแห่เก็งกำไรในตลาดหุ้นที่ช่วงนี้ให้ผลตอบแทนดีกว่า มองกรอบราคาทองในประเทศ 16,750-17,250 บาทต่อบาททอง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มและทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ช่วงต้นสัปดาห์ โดยปัจจัยสนับสนุนหลายด้านไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมันที่ออกมาในเชิงบวก ซึ่งช่วยหนุนให้เงินยูโรและราคาทองปรับตัวขึ้น ขณะกองทุน SPDR Gold Trust ยังคงมีการซื้อทองคำเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดโลกยังมองว่าราคาจะขึ้นต่อได้
" ความกังวลในประเด็นต่าง ๆ ที่คอยกดดันราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลายลง หลังจากกรีซดูมีทางออกในการแก้ไขปัญหามากขึ้น เมื่อยูโรและ IMF พร้อมใจกันยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเมื่อมีการร้องขอ ขณะทางการจีนออกมาให้ความเห็นว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ เราจึงคาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงต้นสัปดาห์ " นายณัฐพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้ราคาปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก สังเกตได้จากปริมาณการซื้อขายที่ยังไม่หนาแน่นเท่าที่ควร ขณะที่การประกาศตัวเลขอัตราการว่างงานสหรัฐฯในปลายสัปดาห์อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลง เพราะโพลล์ส่วนใหญ่คาดว่าแนวโน้มจะออกมาในทางบวก
ดังนั้น ประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ Sideway ในลักษณะขึ้นต้นสัปดาห์และอ่อนตัวปลายสัปดาห์ กลยุทธ์การลงทุนจึงควรอยู่ในรูปแบบ เก็งกำไรระยะสั้นในลักษณะ " ขึ้นขายลงซื้อ " โดยคาดว่าราคาทองโลกน่าจะอยู่ในระดับ 1,090-1,125 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองในประเทศจะอยู่ในระดับ 16,750-17,250 บาทต่อบาททอง
สำหรับภาพรวมของราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองโลกปิดที่ 1,107 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน โดยระหว่างสัปดาห์ราคาถูกทุบลงต่อเนื่องจนไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,085 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนด้วยหลายปัจจัย โดยเฉพาะการประชุมสุดยอดผู้นำอียู ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของเงินสกุลสำคัญต่างๆ อย่างมาก ตลอดจนกระแสเงินส่วนใหญ่หลั่งไหลเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้น ที่ช่วงหลังให้ผลตอบแทนดีกว่าการถือครองทองคำอยู่พอสมควรจึงกดดันให้ราคา ทองคำปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ การเพิ่มสถานะถือครองทองคำของกองทุน SPDR Gold Trust จำนวน 14.31 ตันภายใน 5 วันทำการ และการเกิดปรากฏการณ์อุปสงค์ส่วนเกินหรือของขาดตลาดเมื่อราคาปรับตัวลง ประกอบกับเริ่มมี Story ใหม่ๆ เข้ามาในประเด็นความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีจนส่อแววว่าจะเกิดสงคราม จึงทำให้ราคามีการดีดกลับอย่างรวดเร็วในช่วงปลายสัปดาห์ โดยไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,110 ดอลล่าร์ต่อออนซ์
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มและทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ช่วงต้นสัปดาห์ โดยปัจจัยสนับสนุนหลายด้านไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมันที่ออกมาในเชิงบวก ซึ่งช่วยหนุนให้เงินยูโรและราคาทองปรับตัวขึ้น ขณะกองทุน SPDR Gold Trust ยังคงมีการซื้อทองคำเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดโลกยังมองว่าราคาจะขึ้นต่อได้
" ความกังวลในประเด็นต่าง ๆ ที่คอยกดดันราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลายลง หลังจากกรีซดูมีทางออกในการแก้ไขปัญหามากขึ้น เมื่อยูโรและ IMF พร้อมใจกันยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเมื่อมีการร้องขอ ขณะทางการจีนออกมาให้ความเห็นว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ เราจึงคาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงต้นสัปดาห์ " นายณัฐพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้ราคาปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก สังเกตได้จากปริมาณการซื้อขายที่ยังไม่หนาแน่นเท่าที่ควร ขณะที่การประกาศตัวเลขอัตราการว่างงานสหรัฐฯในปลายสัปดาห์อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลง เพราะโพลล์ส่วนใหญ่คาดว่าแนวโน้มจะออกมาในทางบวก
ดังนั้น ประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ Sideway ในลักษณะขึ้นต้นสัปดาห์และอ่อนตัวปลายสัปดาห์ กลยุทธ์การลงทุนจึงควรอยู่ในรูปแบบ เก็งกำไรระยะสั้นในลักษณะ " ขึ้นขายลงซื้อ " โดยคาดว่าราคาทองโลกน่าจะอยู่ในระดับ 1,090-1,125 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองในประเทศจะอยู่ในระดับ 16,750-17,250 บาทต่อบาททอง
สำหรับภาพรวมของราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองโลกปิดที่ 1,107 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน โดยระหว่างสัปดาห์ราคาถูกทุบลงต่อเนื่องจนไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,085 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนด้วยหลายปัจจัย โดยเฉพาะการประชุมสุดยอดผู้นำอียู ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของเงินสกุลสำคัญต่างๆ อย่างมาก ตลอดจนกระแสเงินส่วนใหญ่หลั่งไหลเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้น ที่ช่วงหลังให้ผลตอบแทนดีกว่าการถือครองทองคำอยู่พอสมควรจึงกดดันให้ราคา ทองคำปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ การเพิ่มสถานะถือครองทองคำของกองทุน SPDR Gold Trust จำนวน 14.31 ตันภายใน 5 วันทำการ และการเกิดปรากฏการณ์อุปสงค์ส่วนเกินหรือของขาดตลาดเมื่อราคาปรับตัวลง ประกอบกับเริ่มมี Story ใหม่ๆ เข้ามาในประเด็นความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีจนส่อแววว่าจะเกิดสงคราม จึงทำให้ราคามีการดีดกลับอย่างรวดเร็วในช่วงปลายสัปดาห์ โดยไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,110 ดอลล่าร์ต่อออนซ์