xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยดีดกลับหลังศก.ฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยตัวเลขจาก ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์องค์กรของ ตลท . ว่าภาพรวมของภาวะตลาดหลักทรัพย์ของไทยในปี 52 ปรับตัวดีขึ้นเทียบกับปี 51 ทั้งด้านดัชนีตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวดีขึ้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 4 ปี 51
ในปี 52 มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันปรับสูงขึ้นจากปี 51 และมีมูลค่าสูงสุดในรอบ 5 ปีโดยนักลงทุนทั่วไปในประเทศมีสัดส่วนการซื้อขายหลักทรัพย์สูงสุด ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิ ในส่วนของบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์มีการขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดและบัญชีซื้อขายทางอินเทอร์เนต โดยปรับเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายและมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อบัญชีต่อเดือน
สำหรับภาวะการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ มีปริมาณเพิ่มขึ้น ทั้งด้านมูลค่าการซื้อขายและจำนวนบัญชีซื้อขายโดยเฉพาะการซื้อขาย SET50 Index Futures ที่เพิ่มขึ้นมากตามภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่มีความผันผวนค่อนข้างมากตลอดทั้งปี และการซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ซึ่งเริ่มซื้อขายในปี 52 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมากตามราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
ด้านการระดมทุน ในปี 52 มีบริษัทจดทะเบียนเข้าระดมทุนในตลาดแรกทั้งหมด 17 บริษัท (เป็นบริษัทจดทะเบียนใน SET 6 บริษัท และใน mai 11 บริษัท) และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 5 กองทุน สูงกว่าปี 51 แต่มูลค่ารวมของการระดมทุนทั้งในตลาดแรกและตลาดรองลดลงเมื่อเทียบกับปี 51 ส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการเงินทุนเพื่อการลงทุนในธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ จากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวและกำลังการผลิตส่วนเกินในระดับสูง
สำหรับในเดือน ธ.ค. 52 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปรับสูงขึ้นโดยได้รับผลบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาหลักทรัพย์ในกลุ่มพลังงานและจากช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดหลายวันทำให้ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ค่อนข้างเบาบางเทียบกับเดือนก่อนหน้า
1. ภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นปี 52 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยปรับตัวสูงขึ้น 63.25 % เทียบกับสิ้นปี 51 โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET index) ปิดที่ 734.54 จุด ณ สิ้นปี 52 ขณะที่มีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 411.27 จุดในเดือนมี.ค. และจุดสูงสุดที่ 751.86 จุดในเดือน ต.ค.การปรับขึ้นของดัชนีหลักทรัพย์สะท้อนปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ปรับดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับดีขึ้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาส4ปี 51 และเดือน ธ.ค. 52 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปรับสูงขึ้น 6.60% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือน พ.ย. 52 ตามราคาหลักทรัพย์ในกลุ่มพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai index) เพิ่มขึ้น 1.55%
2. ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ ในปี 52 มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์มีมูลค่าสูงสุดในรอบ 5 ปีนับจากปี 48 โดยปี 52 การซื้อขายหลักทรัพย์ของ SET และ mai มีมูลค่ารวม 4,428,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.25% จากปี 51 และมีมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวัน 18,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.08 % จากปี 51 โดยบทบาทนักลงทุนทั่วไปในประเทศเพิ่มขึ้นส่วนนักลงทุนต่างประเทศลดลง ส่วนเดือน ธ.ค. 52 บรรยากาศการซื้อขายหลักทรัพย์ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากมีวันหยุดเทศกาลต่อเนื่องโดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 312,692 ล้านบาท ลดลง 21.44 % จากเดือนก่อนหน้า และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันลดลง 17.51 % จากเดือนก่อนหน้า แต่เทียบเดือนธ.ค. 51 เพิ่มขึ้น 24.25%
3. จำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ช่วง 11 เดือนแรกของปี 52 จำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายในแต่ละเดือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความสนใจของนักลงทุนที่มากขึ้นตามการฟื้นตัวของดัชนีหลักทรัพย์ โดยเดือน พ.ย. 52 มีจำนวนบัญชีที่มีการซื้อขาย 127,976 บัญชี เพิ่มขึ้น 41 % รวมทั้ง มูลค่าการซื้อขายทางอินเทอร์เนตปี 52 ยังเติบโตต่อเนื่อง
4. สรุปภาวะตลาดอนุพันธ์ ยังเติบโตต่อเนื่อง มีปริมาณการซื้อขายรวม 3.075 ล้าน สัญญา เพิ่มขึ้น 43% จากปี 51 การซื้อขายส่วนใหญ่เป็นการซื้อขาย SET50 Index Futures ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงขึ้นตามภาวะตลาดที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก อีกทั้งปี 52 ตลาดอนุพันธ์ได้ซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ( Gold Futures) ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก และยังเพิ่มสินค้าใหม่คือ Single Stock Futures ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนมีส่วนช่วยให้ปริมาณการซื้อขายสูงขึ้น โดยเดือนธ.ค. 52 มีการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ 297,026 สัญญา ลดลง 15.1 % จากเดือน พ.ย. 52 ส่วนหนึ่งเพราะมีวันหยุดทำการหลายวัน
5. ภาพรวมด้านการระดมทุนในปี 52 พบว่ามีมูลค่า 35,131 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหรือ 31.3% โดยปรับลดลงทั้งในส่วนของการระดมทุนในตลาดแรกและตลาดรอง ส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการเงินทุนเพื่อการลงทุนในธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวและกำลังการผลิตส่วนเกินในระดับสูง แต่การฟื้นตัวในไตรมาส 2 ทำให้มีบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ซึ่งปี 52 มีบริษัทเข้าจดทะเบียน 17 บริษัท และมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้าระดมทุนในตลาดแรก 5 กองทุน คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 11,608 ล้านบาท และ เดือนธ .ค. 52 บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนทั้งหมด 2,145 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น