xs
xsm
sm
md
lg

ใครไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ยกมือขึ้น !?

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

สำหรับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ชม ASTV ย่อมเข้าใจดีกว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ไม่ว่าจะมีข้ออ้างอย่างไร ก็ย่อมต้องมองออกว่าแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงและผู้ปราศรัยทั้งหลายต่างสู้เพื่อนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งหนีอาญาแผ่นดินโกงชาติโกงแผ่นดิน

เพราะฉะนั้นแล้วก็อาจจะมีคนที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้ปรารถนาดีบางส่วนเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไม่ควรจะลดตัวลงมาเจรจากับเพียงแค่หุ่นเชิด 3 ตัวของนักโทษหนีอาญาแผ่นดินด้วยการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เพราะเท่ากับเป็นการยกระดับของ 3 แกนนำเสื้อแดง มาอยู่ระดับเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

เพราะอย่างไรเสียแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงก็ไม่ใช่ตัวแทนพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช่ตัวแทนของอดีตนักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งในมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช่ตัวแทนของกลุ่มเสธ.แดง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช่ตัวแทนผู้ที่ก่อวินาศกรรมรายวัน และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงก็ไม่ใช่ตัวแทนของแดงสยาม ในขณะที่ทุกกลุ่มต่างมีผู้บังคับบัญชาการสูงสุดเป็นที่ประจักษ์ก็คือนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร

นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ผู้หนีอาญาแผ่นดินเพราะโกงชาติถวิลหาที่จะทวงคืนอำนาจและทรัพย์สินของตัวเอง ปรารถนาที่จะฟอกความผิดในข้อหาโกงชาติให้กับตัวเอง และต้องการขัดขวางคดีต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปกับตัวเองและครอบครัวในอนาคต

เพราะฉะนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่มีทางที่จะเป็นสงครามชนชั้นระหว่าง อำมาตย์ กับ ไพร่ และไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตามวาทกรรมบังหน้าเหล่านั้น แต่แท้ที่จริงเป็นการต่อสู้ระหว่าง “กลุ่มคนโกงชาติที่ไม่แพ้” ซึ่งอยู่ฝ่ายระบอบทักษิณฝ่ายหนึ่ง กับ “กลุ่มคนที่ไม่ยอมแพ้คนโกงชาติ” ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับระบอบทักษิณเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนั้นการเจรจากับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง 3 คน จึงไม่มีทางผูกมัดกับกลุ่มอื่นๆ ได้ และไม่สามารถยืดหยุ่นโอนอ่อนผ่อนตามการเจรจากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ ตราบใดที่การเจรจาไม่ทำเพื่อประโยชน์ของนักโทษชายทักษิณโดยตรง ตราบนั้นการเจรจาก็ไม่มีวันสำเร็จ

และเป็นไปไม่ได้ด้วยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเปิดทางให้มีการเจรจากับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งหนีอาญาแผ่นดินในข้อหาโกงชาติ พร้อมๆกับการถ่ายทอดสด

ด้วยเหตุผลนี้คนระดับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ย่อมรู้เท่าทันอยู่แล้วว่าการเจรจาในลักษณะนี้ผลลัพธ์สุดท้ายจะไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอน แต่เหตุใดจึงเลือกที่จะให้มีการเจรจาด้วยการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์?

น่าจะเป็นเพราะเหตุว่าสังคมส่วนใหญ่ยังมีข้อมูลไม่เท่ากัน และอยากเห็นภาพการเจรจาในการหาทางออกใช่หรือไม่ ตามผลสำรวจที่เกิดขึ้นหลายครั้งดังต่อไปนี้ เช่น

12 มีนาคม 2553 ดุสิตโพลสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า รู้สึกย่ำแย่และเครียดมาก เพราะเป็นห่วงบ้านเมืองอย่างมาก กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเกิดขึ้น, เป็นห่วงคนไทยด้วยกันเอง ร้อยละ 39.92 และพบว่า รู้สึกย่ำแย่และเครียดพอสมควร เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะจบลงอย่างไร, ต้องมีการวางแผนในการเดินทาง, ส่งผลต่อภาพลักษณ์และ เศรษฐกิจของประเทศ ร้อยละ 32.55

การสำรวจครั้งนั้นยังถามอีกว่า ประชาชนคิดว่าควรจะยุติอย่างไร? ผลสำรวจพบประชาชนมีความคิดเห็นว่า:

แกนนำทั้ง 2 ฝ่าย ต้องหารือร่วมกันเพื่อหาข้อยุติและเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่ายถึงร้อยละ 45.24 โดยไม่มีผลสำรวจว่ามีความเห็นของประชาชนเห็นว่าต้องยุติด้วยการยุบสภาตามข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงแต่ประการใด

18-20 มีนาคม 2553
ดุสิตโพลสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพฯ ปริมณฑลพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะมีการเจรจาเพื่อยุติการชุมนุม เพราะ จะได้ไม่ต้องมาเห็นคนไทยทะเลาะกัน, บ้านเมืองจะได้สงบสุข ประชาชนคลายความกังวลใจ, นักการเมืองทำงานได้เต็มที่ ฯลฯ เพิ่มจากร้อยละ 45.24 มาเป็นร้อยละ 74.78

ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีตัดสินใจเปิดเวทีให้มีการเจรจาจึงเป็นการทำตามความต้องการต่อความรู้สึกของประชาชนโดยตรง!!!

นอกจากนี้การสำรวจเมื่อวันที่ 12-13 มีนาคม 2553 ดุสิตโพลสำรวจเพิ่มเติมในเขตกรุงเทพมหานครและอีก 7 จังหวัดที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง พบว่า:

ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ได้เป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะมองว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นการเรียกร้องเพื่อคนคนหนึ่ง/ ทำเพื่อคนคนหนึ่ง เป็นการสร้างสงครามประสาทเพื่อให้รัฐบาลปั่นป่วน เป็นเกมการเมืองฯลฯ ถึงร้อยละ 57.14 !!!

แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครและอีก 7 จังหวัดที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง มีความรู้เท่าทันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงนั้นทำเพื่อทักษิณ แต่ก็ยังต้องถือว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้เช่นนั้น บางส่วนเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่ดูแต่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีเพิลชาแนลชนิดที่ไม่เปลี่ยนช่องไปไหน บางส่วนเป็นคนกลางๆ ก็ไม่เคยติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

ดังนั้นการได้เจรจาผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้สร้างความนิยมสูงสุดในการให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงทั้งสองข้าง

ถือเป็นรายการที่มีคนดูมากที่สุดเท่าที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเคยจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา!!!


ไม่ว่าคนสีไหนในบ้านเมืองต่างต้องได้รับชมการถ่ายทอดสดครั้งนี้อย่างกว้างขวาง และทำให้ได้รู้เช่นเห็นชาติของการเจรจาครั้งนี้อย่างชัดเจนว่า ฝ่ายไหนเจรจาอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ และฝ่ายไหนเจรจาอยู่บนผลประโยชน์ของทักษิณ

ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่าต้องการให้ยุบสภาเพราะเกลียดรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่มาจากรัฐประหาร แต่กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งก็เป็นผลผลิตของรัฐธรรมนูญปี 2550 เอง ก็อยากจะเลือกตั้งด้วยรัฐธรรมนูญปี 2550 ต่อไป ทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เสนอแล้วว่าหากเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 มีปัญหาจริง จะต้องให้ทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นก่อนโดยทุกฝ่ายหันมาร่วมมือกัน แล้วจึงจะมีการยุบสภาในภายหลัง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำให้ประชาชนได้เตือนสติประชาชนว่าการเรียกร้องเอารัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้นั้น เป็นการสวนตรรกะกับความเห็น “ทุกพรรคการเมือง” รวมถึงพรรคไทยรักไทยในปี 2549 เองว่าจะต้องมีการปฏิรูปแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2540 ที่มีปัญหาอยู่ในขณะนั้น

นายอภิสิทธิ์ได้มีโอกาสพูดผ่านรายการย้ำว่าเห็นด้วยที่ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องไม่ใช่การแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรือเพื่อฟอกความผิดในอดีต เรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของนักการเมืองจำเป็นต้องขอความเห็นชอบโดยการลงประชามติ

ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่า ต้องการให้ยุบสภาเพราะรัฐบาลชุดนี้มาจากอำมาตย์และทหาร แต่นายอภิสิทธิ์ก็ได้หยิบยกในตรรกะว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจากลงคะแนนด้วยเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคน ซึ่งถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยเช่นเดียวกับผู้ที่แพ้การลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี

ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ทบทวนความทรงจำว่า คำว่า 2 มาตรฐานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งนั้น เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณ และมีกรณีนายประยุทธ์ มหากิจศิริ ที่ปกปิดบัญชีทรัพย์สินที่อยู่ในบัญชีของภรรยามีความผิด แต่กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ซุกหุ้นกลับไม่เป็นความผิด

ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่าต้องการให้ยุบสภาเพราะกู้มาโกง แต่รัฐบาลในระบอบทักษิณก็ถูกสวนกลับด้วยคำพิพากษาศาลฎีกาที่เป็นบทพิสูจน์การทุจริตยิ่งกว่าหลายเท่า ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลชุดนี้นายอภิสิทธิ์ยังได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทุจริตหลายกรณีอย่างที่พรรคไทยรักไทยหรือพรรคพลังประชาชนไม่เคยได้ทำมาก่อน

ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับรู้ข้อเท็จจริง และตั้งสติว่าการก่อความรุนแรงในเดือนเมษายน 2552 ที่พยายามฆ่านายกรัฐมนตรีโดยกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ไม่เคยมีคำกล่าวยับยั้งให้หยุดความรุนแรงนั้น ทั้งจากเวทีหน้ากระทรวงมหาดไทยหรือเวทีส่วนกลางแม้แต่คำเดียว มิพักต้องพูดถึงการประกาศบนเวทีเพื่อเอาชีวิตนายอภิสิทธิ์โดยไม่เคยมีการยับยั้งหรือแก้ไขการพูดเหล่านั้น อันเป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนที่อ้างว่าเสื้อแดงเทียมนั้นเป็นเพียงการปัดความรับผิดชอบอย่างหน้าด้านๆ เท่านั้น

ตัวอย่างข้างต้นนี้แสดงพิสูจน์ให้เห็นว่า “กลุ่มคนเสื้อแดง” ต้องการ “ยุบสภา” เพื่อปูทางไปสู่การช่วยเหลือทักษิณเท่านั้น จึงทำให้เหตุผลที่แกนนำเสื้อแดงเถียงออกไปจึงเป็นไปอย่างข้างๆ คูๆ

การปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงซึ่งเป็นการพูดอยู่ฝ่ายเดียว บิดเบือนอยู่ฝ่ายเดียว ได้ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยทักษะที่นายอภิสิทธิ์มีความถนัดมากที่สุดก็คือ “การพูดด้วยตรรกะ” ที่ทำให้การตีรวนของตัวแทนเสื้อแดงต้องถูกโห่จากสื่อมวลชนและประชาชนที่รู้สึกทนไม่ได้กับการฉวยโอกาสด่านายกรัฐมนตรีออกทีวีฟรีๆ แบบไร้เหตุผล

การออกทีวี 2 วันที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนอย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่รู้อยู่แล้วก็อาจจะยินดีและพอใจในบทบาทในการเจรจาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สำหรับคนที่เคยอยู่กลางๆ ก็กลับมาเห็นใจและให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์มากยิ่งขึ้น จนกระแสการไม่เห็นด้วยกับการยุบสภามีสูงขึ้นอย่างมาก

แต่ที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือการทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่หลงผิดในข้อมูลเพราะดูแต่ทีวีเสื้อแดงอย่างเดียว ได้ฟังการตอบโต้จากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นครั้งแรก และเป็นผลทำให้จำนวนมวลชนของกลุ่มคนเสื้อแดงลดลงและกลับบ้านไปเป็นจำนวนมาก

นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงต้องยุติการเจรจา เพราะไม่สามารถสู้ “ความจริงวันนี้” ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้!!!


เมื่อความชอบธรรมของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงลดลงแล้ว ถึงเวลานี้จะต้องระวังความรุนแรงจะเกิดขึ้นตามสันดานของนักเลงอันธพาลขี้แพ้ชวนตี และถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องบังคับใช้กฎหมายให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่กระทำผิดกฎหมายและเคลื่อนไหวเกินขอบเขตได้แล้ว

ถึงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งชนะเกมการเมืองกับกลุ่มคนเสื้อแดง จะได้มองข้ามแต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองเพียงไม่กี่คนได้แล้ว แต่จะต้องมองมากไปกว่ารัฐธรรมนูญ ด้วยการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ครั้งใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การทุจริตเลือกตั้ง ปัญหาความยากจน ปัญหาสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการบังคับใช้กฎหมาย ฯลฯ

สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องถือว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ได้ดี น่าชื่นชมในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จนมีประชาชนรณรงค์ตั้งคำถามกันเพิ่มมากขึ้น

ใครไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ยกมือขึ้น!?
กำลังโหลดความคิดเห็น