ปรับครม.เร็วตามคาด ที่ “ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ”เคยชี้ไว้ว่า จะเป็นการปรับใหญ่เก้าอี้รัฐมนตรีหลายตำแหน่ง เพื่อกู้ภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่เหลวไหล ทำไปทำมาสุดท้ายก็ปรับใหญ่จริงๆตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ขยับปรับย้ายกันลงตัวไปกว่า 10 เก้าอี้
สำหรับหน้าตา ครม.ยิ่งลักษณ์ 2 หลายตำแหน่ง ก็เหมือน "เก้าอี้ผลัดกันนั่ง" เป็นไปตามที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ เมื่อหมดโปรโมชั่นรัฐมนตรีหลายคนก็ต้องกลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน เช่น “กฤษณา สีหลักษณ์-พรศักดิ์ เจริญประเสิรฐ-สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล ต่อพงษ์ ไชยสาส์น กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์” เพียงแต่ไม่คิดว่าช่วงเวลาของการฮันนีมูนมันจะสั้นขนาดนี้
นั่งกอดเก้าอี้ดีๆ หายวับไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลายคนยังงง มั่นใจว่าเก้าอี้ตัวเองไม่หายไปไหน พอถึงเวลาก็จ๋อยสนิท!!
คนที่เข้ามาแตะมือเปลี่ยนตัว ส่วนหนึ่งคุณสมบัติก็ไม่ต่างกันผลัดกันมานั่งฆ่าเวลา เคลียร์รอบบิลกันไปก่อนที่ตัวจริงจากบ้านเลขที่ 111 จะกลับมา “ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย-ศักดา คงเพชร-จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” หากตัวจริงเสียงจริงกลับมา ตัวสำรองจำเป็นพวกนี้คงต้องถอยกลับไปเป็นได้เพียงทีมงานเบื้องหลัง หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แค่นั้น การได้มานั่งรมต.ในวันนี้ถือเป็นโบนัสพิเศษในชีวิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม อีกส่วนหนึ่งที่เข้ามา “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” ที่มาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ “อารักษ์ ชลธารนนท์” ที่ได้มานั่งเก้าอี้รมว.พลังงาน ล้วนเป็นลูกหม้อกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น สืบเนื่องเพราะต้องการเอาทีมงานที่ทำงานสอดประสานกับนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มามีบทบาทมากขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่เป็นเอกภาพ แก้ไขความสะเปะสะปะ
“ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” รมว.คลัง ที่ขัดแย้งปีนเกลียวกับ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ก็ต้องกระเด็น ให้ “เดอะโต้ง” เสียบแทนในตำแหน่งรมว.คลัง นั่นก็เป็นด้วยเงื่อนไขเดียวกัน
น่าแปลกใจกับเก้าอี้ของ “พิชัย นริพทะพันธุ์” ที่ทำงานหนักประสานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรใกล้ชิด ต้องกลายเป็น “แพะเซ่นสังเวยความผิดพลาดบางนโยบายของรัฐบาล”แบบไม่รู้ตัว กลายเป็นตราบาปจะคัมแบ๊คกลับมาก็ถือว่ายากยิ่ง
ถือเป็นความโหดเหี้ยมอีกกรณีหนึ่ง “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตแม่ทัพใหญ่ กู้ภาพลักษณ์ให้ดูสวยงามขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการที่ “นายใหญ่ ณ ดูไบ” พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯตัวจริงผู้หลบหนีคดี งัดมาใช้บ่อยครั้งเมื่ออดีต จนต้องผิดใจ หมางใจกับใครหลายคน ผลักมิตรให้เป็นศัตรูมานักต่อนักแล้ว
การปรับครม.ลักษณะนี้ ทำให้มิตรจะหลบลี้หนีหน้า การทำงานก็ง่อนแง่น รมต.ไม่รู้จะกระเด็นกระดอนไปเมื่อไหร่ หรือพ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะทำให้น้องสาวตัวเองต้องมีชะตากรรมเหมือนกับตัวเอง!
สำหรับ “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” ที่ถูกโยกไปนั่งรมว.กลาโหมแทน “พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา” ที่เด้งไปนั่งรองนายกฯ นั่นก็เพราะต้องการให้ “สุกำพล” ในฐานะตท.10 ไปนั่งคัดค้าง หัวโด่ ให้แม่ทัพนายกองตท.รุ่น 12 รู้สึกเกรงอกเกรงใจบ้าง ในฐานะรุ่นพี่ ไม่ใช่จะทำอะไรย่ามใจได้หมดเหมือนตอนที่ “ยุทธศักดิ์” นั่งเป็นพระอันดับ เหล่าทัพจะทำอะไรก็สวมบทผู้ใหญ่ใจดีไฟเขียวให้ตลอด
จนแกนนำในพรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายใหญ่ มองตาเขียวปั้ด เอือมระอาในความอ่อนระทวย อะไรก็ได้ของ “บิ๊กอ๊อด” แล้วรัฐบาลก็ต้องตกอยู่ในฐานะมวยรองของอำนาจสีเขียวอยู่เรื่อยไป ถึงแม้ “สุกำพล” จะไม่สามารถทำอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้่อยก็น่าจะทำได้ดีกว่า “ยุทธศักดิ์”
ในส่วนของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ก็มาตามนัด ขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีในที่สุด แต่ถูกจับไปแปะวางไว้ที่รมช.เกษตรและสหกรณ์ นัยว่าจะไปทำงานประสานกับรากหญ้ามวลชน เรื่องการทำกิน แม้ก่อนหน้านี้ คาดการณ์กันว่าจะนั่งที่รมต.ประจำสำนักนายกฯกำกับดูแลสื่อสารมวลชน ถ้าเป็นอย่างนั้นคงโดนถล่มเปิดเปิง ถูกครหาว่ากรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 กลายเป็นทีวีเสื้อแดง เหมือนยกเอเซียอัพเดทมายัดใส่อย่างไงอย่างงั้น
แต่อย่างน้อยๆ ก็ถือได้ว่าแกนนำคนเสื้อแดง ได้มีโอกาสนั่งเก้าอี้เสนาบดีแล้ว ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ สนองตัณหา ตอบแทนกันไป ทำให้พลพรรคคนเสื้อแดงร้องแรกแหกกระเชอไม่ได้ ต้องสงบปากสงบคำไป
ที่ดูจะผิดฝาผิดตัวก็ “สุชาติ ธาดาธำรงเวช” อดีตรมว.คลัง ซึ่งคลุกคลีตีโมงอยู่ในเรื่องเงินๆ ทองๆ เรื่องเศรษฐกิจ กลับได้ไปนั่งที่กระทรวงศึกษาธิการ สวมบทครูจำเป็นเสียอย่างนั้น นัยหนึ่งก็เพื่อไปแก้ปัญหาหมักหมม ขัดแย้งกินเกาเหลาของรัฐมนตรีว่าการกับรัฐมนตรีช่วย และทำตามเสียงเรียกร้องของส.ส.ที่พุ่งเป้าถล่มรมว.ศึกษาธิการแทบจมธรณีในช่วงหลัง
อีกนัยหนึ่งก็เป็นการตอบแทนที่ยังมั่นคงกับพรรค ยิ่งลักษณ์ 1 ไม่มีชื่อเป็นรมต. ก็แอบน้อยใจหน่อยๆ แต่ยังทำงานช่วยพรรคเรื่อยมา รวมทั้งไปลุยคลุกฝุ่นกับคนเสื้อแดง ตั้งโรงเรียนคนเสื้อแดงจนเป็นที่ฮือฮา
ส่วนเจ้าของเก้าอี้เดิม “วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” โดนเด้งไปเป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกได้ว่ายังเหนียวแน่นหนึบ เด็กสายตรง “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้ทรงอิทธิพลภายในพรรคเพื่อไทย มีอันเป็นไปยาก!!
แม้จะโดนเด้งยังมีเก้าอี้รองรับ แต่ก็ต้องวิ่งขาขวิดเหมือนกัน ไม่เหมือนกับ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” รมช.คลัง ที่ขึ้นชั้นพรวดพราดสบายๆ เป็น รมว.พาณิชย์ บิ๊กเบ้อเริ่มเทิ่ม ส่วนเด็กในคาถารายอื่นๆ อยู่กันอบอุ่นคงที่เก้าอี้ไม่มีโยกคลอนง่ายๆ
บ่งบอกชัดเจนว่า ใครอำนาจรุนแรงในพรรคเพื่อไทยชั่วโมงนี้!
เก้าอี้ที่น่าจับตามากที่สุดเห็นจะเป็น รมว.คมนาคมที่ “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” เข้ามานั่งแบบงงๆ นิดหน่อย ทั้งที่คราวที่แล้วถูกมองเมิน ไม่ได้เป็นแม้แต่รัฐมนตรีช่วย เข้ามาคราวนี้ทะลุขึ้นนั่งเก้าอี้กระทรวงใหญ่ ไม่รู้ว่าจะเข้ามาดีลงาน รับจ็อบโครงการพิเศษอะไรหรือไม่ หลังจากที่ “สุกำพล” ต้องลุกออกไปเพราะยังไม่เก๋าเกมทางการเมืองพอ
อย่างไรก็ดี ภาพรวมการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 2 ก็ยังเหลาเหย่เหมือนเดิม ไม่มีคนชื่อชั้น ดี เด่น ดัง ระดับปรมจารย์ที่ได้รับการพิสูจน์ฝีมือมาแล้วว่าเป็นแถวหน้าของเมืองไทย ยังเป็นพวกโนเนม หรือ ส.ส.ลายคราม ที่ยังไม่ผ่านการเจียระนัยทั้งสิ้น ก็คงต้องให้โอกาสก่อน แล้วค่อยมาพิสูจน์ว่า
เป็นรมต.ขัดตาทัพ ฆ่าเวลา โหลยโท่ยเหมือนเดิมหรือไม่!!