ผู้จัดการออนไลน์-เจ้าของดาวเทียมไม่ให้ค้างค่าเช่าASTV จอดับ! หยุดแพร่ภาพผ่านดาวเทียม แต่ยังดูผ่านอินเตอร์เน็ตได้ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เผย เสียดาย แต่ไม่เสียใจ ยังยืนยันสู้ต่อตามอุดมการณ์และจิตวิญญานของสื่อที่นำเสนอความจริงต่อไป
ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30 น. ของวานนี้(17ต.ค.) สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี(ASTV) ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2546ได้หยุดแพร่สัญญานภาพผ่านดาวเทียมที่เคยทำตามปกติ ท่ามกลางความสงสัยของผู้ชมทางบ้านจำนวนมากที่โทรศัพท์เข้ามาสอบถามที่สถานี
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งASTV เปิดเผยภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เกิดจากการที่บริษัท นิวสกาย แซทเทลไลต์(NewSkies Satellite) เจ้าของดาวเทียมชื่อ NSS-6 ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสัญญานด้วยเหตุผลที่ ASTVที่เป็นคู่สัญญาได้ค้างชำระหนี้ค่าเช่าช่องสัญญานมานานกว่า 6 เดือนแล้ว โดยหนี้คงค้างมีอยู่ราว 4 แสนเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 12 ล้านบาท ซึ่งตามข้อตกลงเดิมก่อนที่NSS-6จะตัดสัญญานได้มีการเจรจากันมาระดับหนึ่งโดยASTVขอผ่อนชำระจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายใหม่ที่จะเกิดขึ้นรายเดือนนั้นก็จะชำระให้ทุกเดือน
“อาจเพราะทางNSS-6ได้เปลี่ยนเจ้าของเขาก็เลยไม่ยอม เขาต้องการให้เราจ่ายรวดเดียวซึ่งเราทำไม่ได้ เพราะ เราต้องเอาเงินมาจ่ายเงินให้กับพนักงานซึ่งพนักงานสำหรับเราถือว่าสำคัญที่สุด” นายสนธิกล่าว
จากนี้ไปจึงเท่ากับว่า ASTV จะหยุดแพร่ภาพผ่านดาวเทียมไปโดยปริยาย แต่สำหรับระบบการรับชมผ่านอินเตอร์เน็ตและช่องอเมริกาผู้ชมก็ยังสามารถรับชมรายการของASTVได้ตามปกติ รวมทั้งถ่ายทอดสัญญานเสียงผ่านสถานีวิทยุชุมชนความถี่ 97.75 เมกกะเฮิร์ต
นายสนธิกล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งมา ASTV ได้ทำหน้าที่ของสื่อที่นำเสนอความจริง ยืนอยู่บนความถูกต้องจึงไม่มีโฆษณา ไม่มีรายได้ ซึ่งแตกต่างจากสถานีข่าวที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนนายทุน พรรคการเมือง อย่างเช่น ทีวีเสื้อแดง ที่ได้รับเงินอุดหนุนมหาศาล
“เราก่อตั้งมา ปลายปี2547ก็เข้าร่วมต่อสู้กับประชาชน เราอยากให้ASTVเป็นสื่อที่มีส่วนนำเสนอข้อเท็จจริงต่อสังคม ให้ประชาชนได้มีข้อมูลเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาประเทศ ผมก็พยายามกัดฟันสู้ ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด 7 ปีกว่า แต่ผมคนเดียวก็ไม่ไหว ต้องเอาทรัพย์สินส่วนตัวมาขาย ขายไปแล้วพันกว่าล้าน มีคนพยายามมาเสนอให้เงิน ถ้าเรารับก็เท่ากับขายตัว ขายอุดมการณ์ เราคงร่ำรวย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น” ผู้ก่อตั้งASTV กล่าว
เขายังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา 7 ปีกว่าต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายหาเงินมาเพื่อให้ASTVออกอากาศได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 30 ล้านบาท แต่รายได้ทั้งจากการบริจาคของประชาชนและการช่วยเหลือจากพล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ผลิตปุ๋ยออกจำหน่ายช่วยเหลือก็ช่วยได้บ้างแต่ไม่มากนัก
“ความจริงASTV ควรจะอยู่ได้เพราะลำพังพันธมิตรฯและแฟนพันธ์แท้ASTV ซัก1-2 แสนคนร่วมกันบริจาคช่วยกันคนละไม้คนละมือทำไมจะอยู่ไม่ได้ แต่เอาเข้าจริงก็แค่เชียร์เรา แค่อยากมีสื่อแบบนี้ มิหนำซ้ำยังถูกใส่ร้ายว่ารับเงินทักษิณ มันถึงมีวันนี้ไง วันที่ASTV ไม่ได้ถ่ายทอดผ่านดาวเทียมแล้ว”
ผู้ก่อตั้งASTV ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยอาจจะต้องการทีวีแค่ช่อง 3 ช่อง 7 ดูละครน้ำเน่า ทีวีอื่นๆที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบิดเบือนข่าว แต่อยู่ได้ มีกำไรมหาศาล แต่สำหรับทีวีที่ต่อสู้ให้ชาติบ้านเมือง นำเสนอความจริงกลับอยู่ไม่ได้ ซึ่งการทำทีวีประเภทหลังต้องใช้ความเสียสละอย่างมาก ทั้งทรัพย์สินและเสี่ยงชีวิตเช่น เขาที่ถูกยิงกว่า 200 นัดเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“เขาว่าผมบ้า จะมีใครอึดเท่าผมในประเทศนี้ สู้มา7ปีกว่า ถามว่าเสียดายมั้ยก็เสียดายแต่ไม่เสียใจ เพราะไม่เสียชาติเกิดที่ได้ร่วมต่อสู้กับประชาชน จนมีพันธมิตรฯ เอาข่าวที่แท้จริงมาเสนอ ASTV เป็นตัวอย่างของคนไทยที่ชอบเชียร์แต่ขออยู่เฉยๆ ถ้าไม่มีASTVก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสังคม สื่อมวลชนที่ไม่พูดความจริง บิดเบือนกลับอยู่ได้ กับสื่อที่พูดความจริงคนกลับตั้งข้อรังเกียจ”
สำหรับอนาคตของASTV นายสนธิ ยืนยันว่า พนักงานและการทำงานในหน้าที่สื่อมวลชนยังจะดำเนินต่อไป โชคดีที่ASTVมีเว็บข่าวที่มีคนอ่านมากที่สุดของประเทศนี้ จึงจะให้ASTVออกอากาศผ่านระบบอินเตอร์เน็ตต่อไป
“ผมเคยบอกว่าจะทำASTVจนกว่าจะไม่มีแรงทำ และ วันนี้ก็มาถึง”
( อ่านสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดใจหลัง ASTV จอดับในเว็บไซต์ www.manager.co.th )
ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30 น. ของวานนี้(17ต.ค.) สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี(ASTV) ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2546ได้หยุดแพร่สัญญานภาพผ่านดาวเทียมที่เคยทำตามปกติ ท่ามกลางความสงสัยของผู้ชมทางบ้านจำนวนมากที่โทรศัพท์เข้ามาสอบถามที่สถานี
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งASTV เปิดเผยภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เกิดจากการที่บริษัท นิวสกาย แซทเทลไลต์(NewSkies Satellite) เจ้าของดาวเทียมชื่อ NSS-6 ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสัญญานด้วยเหตุผลที่ ASTVที่เป็นคู่สัญญาได้ค้างชำระหนี้ค่าเช่าช่องสัญญานมานานกว่า 6 เดือนแล้ว โดยหนี้คงค้างมีอยู่ราว 4 แสนเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 12 ล้านบาท ซึ่งตามข้อตกลงเดิมก่อนที่NSS-6จะตัดสัญญานได้มีการเจรจากันมาระดับหนึ่งโดยASTVขอผ่อนชำระจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายใหม่ที่จะเกิดขึ้นรายเดือนนั้นก็จะชำระให้ทุกเดือน
“อาจเพราะทางNSS-6ได้เปลี่ยนเจ้าของเขาก็เลยไม่ยอม เขาต้องการให้เราจ่ายรวดเดียวซึ่งเราทำไม่ได้ เพราะ เราต้องเอาเงินมาจ่ายเงินให้กับพนักงานซึ่งพนักงานสำหรับเราถือว่าสำคัญที่สุด” นายสนธิกล่าว
จากนี้ไปจึงเท่ากับว่า ASTV จะหยุดแพร่ภาพผ่านดาวเทียมไปโดยปริยาย แต่สำหรับระบบการรับชมผ่านอินเตอร์เน็ตและช่องอเมริกาผู้ชมก็ยังสามารถรับชมรายการของASTVได้ตามปกติ รวมทั้งถ่ายทอดสัญญานเสียงผ่านสถานีวิทยุชุมชนความถี่ 97.75 เมกกะเฮิร์ต
นายสนธิกล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งมา ASTV ได้ทำหน้าที่ของสื่อที่นำเสนอความจริง ยืนอยู่บนความถูกต้องจึงไม่มีโฆษณา ไม่มีรายได้ ซึ่งแตกต่างจากสถานีข่าวที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนนายทุน พรรคการเมือง อย่างเช่น ทีวีเสื้อแดง ที่ได้รับเงินอุดหนุนมหาศาล
“เราก่อตั้งมา ปลายปี2547ก็เข้าร่วมต่อสู้กับประชาชน เราอยากให้ASTVเป็นสื่อที่มีส่วนนำเสนอข้อเท็จจริงต่อสังคม ให้ประชาชนได้มีข้อมูลเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาประเทศ ผมก็พยายามกัดฟันสู้ ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด 7 ปีกว่า แต่ผมคนเดียวก็ไม่ไหว ต้องเอาทรัพย์สินส่วนตัวมาขาย ขายไปแล้วพันกว่าล้าน มีคนพยายามมาเสนอให้เงิน ถ้าเรารับก็เท่ากับขายตัว ขายอุดมการณ์ เราคงร่ำรวย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น” ผู้ก่อตั้งASTV กล่าว
เขายังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา 7 ปีกว่าต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายหาเงินมาเพื่อให้ASTVออกอากาศได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 30 ล้านบาท แต่รายได้ทั้งจากการบริจาคของประชาชนและการช่วยเหลือจากพล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ผลิตปุ๋ยออกจำหน่ายช่วยเหลือก็ช่วยได้บ้างแต่ไม่มากนัก
“ความจริงASTV ควรจะอยู่ได้เพราะลำพังพันธมิตรฯและแฟนพันธ์แท้ASTV ซัก1-2 แสนคนร่วมกันบริจาคช่วยกันคนละไม้คนละมือทำไมจะอยู่ไม่ได้ แต่เอาเข้าจริงก็แค่เชียร์เรา แค่อยากมีสื่อแบบนี้ มิหนำซ้ำยังถูกใส่ร้ายว่ารับเงินทักษิณ มันถึงมีวันนี้ไง วันที่ASTV ไม่ได้ถ่ายทอดผ่านดาวเทียมแล้ว”
ผู้ก่อตั้งASTV ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยอาจจะต้องการทีวีแค่ช่อง 3 ช่อง 7 ดูละครน้ำเน่า ทีวีอื่นๆที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบิดเบือนข่าว แต่อยู่ได้ มีกำไรมหาศาล แต่สำหรับทีวีที่ต่อสู้ให้ชาติบ้านเมือง นำเสนอความจริงกลับอยู่ไม่ได้ ซึ่งการทำทีวีประเภทหลังต้องใช้ความเสียสละอย่างมาก ทั้งทรัพย์สินและเสี่ยงชีวิตเช่น เขาที่ถูกยิงกว่า 200 นัดเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“เขาว่าผมบ้า จะมีใครอึดเท่าผมในประเทศนี้ สู้มา7ปีกว่า ถามว่าเสียดายมั้ยก็เสียดายแต่ไม่เสียใจ เพราะไม่เสียชาติเกิดที่ได้ร่วมต่อสู้กับประชาชน จนมีพันธมิตรฯ เอาข่าวที่แท้จริงมาเสนอ ASTV เป็นตัวอย่างของคนไทยที่ชอบเชียร์แต่ขออยู่เฉยๆ ถ้าไม่มีASTVก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสังคม สื่อมวลชนที่ไม่พูดความจริง บิดเบือนกลับอยู่ได้ กับสื่อที่พูดความจริงคนกลับตั้งข้อรังเกียจ”
สำหรับอนาคตของASTV นายสนธิ ยืนยันว่า พนักงานและการทำงานในหน้าที่สื่อมวลชนยังจะดำเนินต่อไป โชคดีที่ASTVมีเว็บข่าวที่มีคนอ่านมากที่สุดของประเทศนี้ จึงจะให้ASTVออกอากาศผ่านระบบอินเตอร์เน็ตต่อไป
“ผมเคยบอกว่าจะทำASTVจนกว่าจะไม่มีแรงทำ และ วันนี้ก็มาถึง”
( อ่านสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดใจหลัง ASTV จอดับในเว็บไซต์ www.manager.co.th )
