xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เชื่อเกิดเหตุนองเลือด อาจถึงขั้นแบ่งแยกประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล (แฟ้มภาพ)
“สนธิ” เผยที่ปรึกษา “ทักษิณ” เต็มไปด้วยอดีตฝ่ายซ้ายจัด เดินยุทธศาสตร์สร้างมวลชนมาตลอด จนตอนนี้ยึดได้ทั้งอีสาน ชี้แค่ปลุกระดมคนเลือกเพื่อไทยให้ออกมาก็ยึดเมืองได้แล้ว เชื่อมีแนวโน้มสูงเกิดเหตุนองเลือด และอาจถึงขั้นแบ่งแยกประเทศ


เวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 8 ก.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โฟนอินเข้าในรายการ “คนเคาะข่าว” ระบุว่า ตนขอเสริมว่าปัญหาชาติบ้านเมืองคือปัญหาจิตวิญญาณ เราเคยหวังว่าประชาธิปัตย์เข้ามาแล้วจะแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง แต่ดันเข้ามาสวมตอต่อ การสวมตอต่อเพราะผลประโยชน์ถูกพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย วางทิ้งเอาไว้  แทนที่จะใช้จิตวิญญาณที่เสียสละและรับใช้ส่วนรวมมาทำ แต่กลับไปสวมตอต่อ ก็เลยทำให้ลืมทำหน้าที่ที่ควรจะทำตามความคาดหวังของประชาชน

นายสนธิกล่าวว่า ตนยิ่งเชื่อมั่นโหวตโนของเราคือคำตอบที่ถูกต้อง พวกโหวตโน พันธมิตรฯ ก้าวข้ามเรื่องการเมืองซึ่งมันพื้นฐานเกินไปจนเราเห็นว่ามันไร้สาระ แต่สื่อมวลชนและสังคมไทยส่วนใหญ่ยังก้าวไม่ข้ามตรงนี้ จำได้ไหมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัวดี เคยพูดว่าจากนี้ไปให้ 500 คนในสภา เป็นคนแก้ปัญหาประเทศชาติ ปรากฎว่าผลเลือกตั้งแดงเต็มอีสาน และครึ่งหนึ่งของภาคเหนือ นายสุเทพก็ออกมาพูดว่าแดงเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วต้องระวัง ก็หัวหน้าพรรคพูดเองว่า 500 ตัวในสภา คือคนแก้ปัญหา

เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของการสับปรับอย่างบัดซบที่สุด ขณะนี้เรากำลังลุ่มหลงกับมายาคติการเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวต คนเราทำไมต้องแลก 1,000 บาทกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องทำชาติบ้านเมืองเสีย  ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องปัญญาอย่างเดียว บางครั้งต้องยอมรับแล้วว่าการที่คนเข้ามาเล่นการเมือง การเลือกตั้ง การสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ไม่ใช่คำตอบ มันจะเป็นได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างเป็นการลงทุนเพื่อขอซื้อสัมปทานประเทศ แย่งกันกินสัมปทานประเทศ

เอาง่ายๆ ประชาธิปัตย์ที่โกรธโหวตโน เพราะหวังว่าเพื่อไทยจะชนะไม่ถึงครึ่ง ประชาธิปัตย์จะได้เอาทหารไปบีบพรรคเล็กให้มาร่วมตั้งรัฐบาล ตนขอถามกลับถ้าคิดอย่างนี้แล้วมันจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร แค่คิดก็ผิดแล้ว เห็นชัดว่าแม้กระทั่งนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นตัวแทนภาพสะท้อนนักประชาธิปไตย รวมถึงลูกน้อง ยังมองว่าทุกอย่างต้องจบที่สภา

นายสนธิกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้โหวตโนสู้กับนักการเมืองอาชีพ นักการเมืองอาชีพก็สู้เพื่อรักษาอาชีพนี้ไว้ให้ตัวเอง เพราะเป็นอาชีพที่หากินง่ายสุด

นึกดูพรรคภูมิใจไทย ตั้งเป้าได้ ส.ส.ประมาณ 80 คน  ตีซะว่า 1 คน ใน 80 คน ลงทุนประมาณ 50 ล้าน ไม่ผิดหรอก เพราะว่าเพื่อไทยจ่าย 200 บาท เขาจ่าย 1 พันบาท รวมแล้ว 4 พันล้าน สำหรับ 80 คน แล้วอีก 200 กว่าคนที่หว่านไป ภูมิใจไทยใช้ไม่ต่ำกว่าหมื่นกว่าล้าน แล้วเอาเงินมาจากไหน กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ก็พูดเองว่าเลือกตั้งครั้งนี้ใช้เงิน 4-5 หมื่นล้าน ฉะนั้นประเทศไทยก็สามารถซื้อขายได้หรืออย่างไร

นายสนธิกล่าวต่อว่า ปัญหาเรื่องสื่อ ถ้าสื่อเลวระยำอย่างนี้ต่อไป เมืองไทยไม่มีวันแก้ได้ พินาศฉิบหาย เชื่อการนองเลือดมีแน่และอาจถึงขั้นแบ่งแยกประเทศด้วยซ้ำ เมื่อดูแผนที่ที่เขาติดมาแล้ว เห็นชัดเลยงานนี้ จะบอกให้ถ้าเขาปฏิวัติก่อนมีการเลือกตั้งแล้วจัดระเบียบชาติบ้านเมืองสงบ แต่ถ้าจากนี้ไปแล้วมีอะไรเกิดขึ้น นองเลือดแน่นอน

นายสนธิกล่าวอีกว่า ปฏิวัติตอนปี 2549  คนที่ทำปฏิวัติคิดว่าปฏิวัติแล้วนายทักษิณไปต่างประเทศ ทุกอย่างจบแล้ว แต่ว่ารากเหง้าเครือข่ายที่เขาสร้างมามันลงลึก จนกระทั่งเราลืมนึกไปว่าที่ปรึกษาของนายทักษิณคืออดีตฝ่ายซ้ายจัด ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในยุทธศาสตร์กิจกรรมสร้างมวลชน ตั้งแต่ปี 2549 มา กระบวนการสร้างมวลชนเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างหมู่บ้านเสื้อแดงก็เกิดหลังจากที่นายทักษิณไปแล้ว

มวลชนที่สร้างขึ้นมา จะดูทีวีเสื้อแดงที่ใส่ข้อมูลให้เชื่อเพียงด้านเดียว ด้วยสติปัญญาที่ด้อยกว่าคนอื่น เนื่องจากโอกาสน้อยกว่า ความรู้สึกที่ว่าเสื้อแดงถูกรังแกมีเยอะมาก เพราะเขาถูกสื่อเสื้อแดงใส่หัวเขาตลอดเวลา ตรงนี้อันตรายมาก

ขณะนี้ถ้าพวกเรามองนักยุทธศาสตร์ฝ่ายซ้าย เห็นชัดว่าทางอีสานเขาชนะเรื่องมวลชนแล้ว ส่วนมวลชนอีสานจุดไหนที่จะเป็นมวลชนรุนแรง ไม่รุนแรง ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่เขาวางแกนนำระดับล่างลงไปจนเกือบครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน อำเภอ ตรงนั้นเขาพร้อมแล้ว แต่ถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นเขาขาดอยู่อย่างเดียวคืออาวุธ

“คิดดู เขาชนะทั้งอีสานเหนือ อีสานใต้ แค่ปลุกระดมคนที่ลงคะแนนให้เพื่อไทยเข้ามาในเมือง ยึดเมืองได้หมดนะ เราก็รู้อยู่แล้วตำรวจอีสานเป็นยังไง เห็นแล้วว่ากองทัพภาค 2 เป็นยังไง ถึงบอกว่าแนวโน้มเกิดมิคสัญญีค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับว่าการเดินทางการเมืองจากนี้ไปเขาเดินกันอย่างไร” นายสนธิกล่าว

นายสนธิคิดว่า เราคิดนอกกรอบกันมาตลอด แต่กว่าจะได้ผลจากวันนั้นที่ตั้งพันธมิตรฯมาจนถึงตอนนี้ ดูจำนวนคนก็ยังถือว่าน้อย เพราะเรามีแค่เอเอสทีวีที่สถานะง่อนแง่นๆ อยู่ ทำให้เดินได้ช้า สร้างอะไรให้เกิดขึ้นมันลำบาก แต่วิทยุเสื้อแดงเต็มไปหมด เพราะมีการทุ่มเงินลงไป มีช่วงหนึ่งใครต้องการวิทยุชุมชนจะลงไปติดตั้งให้เลยแห่งละ 5 แสนบาท นั่นคือการลงทุนทางการเมือง

ถามว่าต้นทุนวิทยุชุมชน 5 แสนบาท พันแห่งต้องใช้ 500 ล้าน ตนคิดว่าตอนนี้อีสานมีวิทยุชุมชน 1-2 พันแห่ง สำหรับการลงทุนทางการเมืองถือเป็นเรื่องเล็ก เล็กสำหรับการยึดครองประเทศไทย แนวคิดลักษณะนี้ไม่ใช่เป็นของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่เป็นของที่ปรึกษาฝ่ายซ้าย ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปมากกว่าการล้างสมองคน ให้คิดไปในแนวทางเดียวกัน และไม่ต้องใช้ปัญญา
กำลังโหลดความคิดเห็น