00 ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดี กับ “หน้าหล่อ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่สามารถสั่งการให้ ตำรวจใช้ “ศักยภาพ” หรือ ใช้ “แสนยานุภาพ” ที่เหนือกว่าในช่วงเวลาเช้ามืดคือประมาณเวลา 05.30 น. “ผลักดัน” ขับไล่คนไทยด้วยกันออกจากพื้นที่ที่เรียกว่า “พื้นที่ทำลายความมั่นคง” ของรัฐบาลได้สำเร็จสมดังที่ตั้งใจมานาน
00 ทั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯ และคนไทยกลุ่มนี้เขาชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่ได้มีเจตนาแข็งขืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นคนไทยด้วยกัน เจตนาหลักที่คนกลุ่มนี้ต้องออกมา “เดือดร้อน” กันแบบนี้ ต้องมาแตกแดดตากฝนนานนับเดือนแล้วก็เพียงแค่ให้รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องดินแดนของราชอาณาจักรไทยทุกตารางนิ้วเท่านั้น แต่รัฐบาลที่นำโดย นายกฯอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์มีความอ่อนแอ ไร้ภาวะผู้นำกลับไม่ทำ และสาเหตุที่ต้อง “ผลักดัน” ให้พ้นไปก็เพียงแค่ทนไม่ได้ที่ถูก “เปิดโปง” กระชากหน้ากากให้คนไทยอื่นๆได้รู้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้นเอง
00 แม้ว่าหากรัฐบาลได้คืนพื้นถนนคู่ขนานหน้ากระทรวงศึกษาธิการ 2 เลนคืนมาได้(ชั่วคราว) แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องทำมากกว่าก็คือน่าจะไปผลักดันทหารและชุมชนเขมรที่เจตนารุกล้ำเข้ามายึดพื้นที่ไทยอย่างถาวรมากกว่า แต่ก็ไม่ทำ เพราะผู้นำอ่อนแอ และผู้นำทหารบางคนกลัว “เสียผลประโยชน์” หากเกิดการปะทะกันขึ้นมาเรื่องราวมีอยู่แค่นี้เองไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย
00 ที่บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแค่การคืนพื้นที่ให้ชั่วคราวเท่านั้น เพราะอย่างที่บอกว่าเมื่ออ้างว่าต้องการผิวจราจรบางส่วนก็ให้ไป แต่พอตอนค่ำเมื่อชาวบ้านเริ่มมารวมตัวกันใหม่ก็ต้องปิดจราจรโดยปริยาย และนั่งหรือยืนฟังการปราศรัยเปิดโปง “มาร์ค” กันต่อ พอตอนเช้าเมื่อพี่น้องแยกย้ายกันไปทำงาน ประกอบภารกิจส่วนตัวก็ให้ตำรวจมาคุมพื้นที่ ก็ไม่เห็นแปลก ปรับกระบวนกันใหม่ให้เข้ากับลักษณะที่ว่า “สู้ให้เป็นเย็นเรื่อยไป” เหมือนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เคยว่าเอาไว้นั่นแหละ !!
00 เริ่มแคมเปญหาเสียง “ตีกิน”เอาเปรียบคนอื่นไปเรื่อยๆสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ และ “นายกฯหล่อ-ลวงแหล” ปูพรมทั้งวิทยุโทรทัศน์ และการเปิดนโยบายตามชุมชนต่างๆ เป้ามายก็เพื่อได้ส.ส. 250คน แม้ว่าจะรีบปฏิเสธโดยพลันเพราะกลัวคนหมั่นใส้ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามควบคู่กันก็คือ เสียง “ไล่ด่า” ไปทุกเวทีเช่นเดียวกัน งานนี้มีทั้งพวก “เสื้อแดง” เจ้าเก่า และคนไทยอื่นๆที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรม “ดื้อตาใส” และโกหกหลอกลวงเพื่อรักษาเก้าอี้นายกฯ “หุ่นเชิด” ไปวันๆเท่านั้น
00 เป็นไปตามคาดกับการยื่นญัตติ “ขับไล่” 10 รมต.ของพรรคเพื่อไทย แต่ก็ประหลาดใจไม่หายว่าทำไมไม่รวมเอง “ทหารอ้วน” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่ยกดินแดนให้เขมร และผลักดันให้คนไทยไปติดคุกที่นั่น และที่สำคัญทำให้ทหารเสียศักดิ์ศรีจากกรณีที่ปล่อยให้ทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งมั่นในที่ “สูงข่ม” บน “ภูมะเขือ” ของไทยและยิงถล่มราษฎรไทย และทหารไทยจนได้รับความเสียหายอย่างที่ไม่สมควรจะให้อภัย และ “นายทหารอ้วน” คนนี้เองที่เชื่อกันว่าอยู่เบื้องหลังที่ “เชิด” อภิสิทธิ์ ในทุกวันนี้
00 อีกไม่นานก็จะได้ดู “ทีวีสีฟ้า” ที่มีพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังออกอากาศ เพื่อให้คนในรัฐบาลและผู้นำพรรคได้ตอบโต้ใครก็ได้บังอาจเปิดโปง วิจารณ์ความไม่ชอบต่างๆนานา ส่วนเนื้อหาจะต่างจาก “ทีวีเสื้อแดง”แค่ไหนก็ต้องคอยติดตามดู !!
00 ทั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯ และคนไทยกลุ่มนี้เขาชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่ได้มีเจตนาแข็งขืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นคนไทยด้วยกัน เจตนาหลักที่คนกลุ่มนี้ต้องออกมา “เดือดร้อน” กันแบบนี้ ต้องมาแตกแดดตากฝนนานนับเดือนแล้วก็เพียงแค่ให้รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องดินแดนของราชอาณาจักรไทยทุกตารางนิ้วเท่านั้น แต่รัฐบาลที่นำโดย นายกฯอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์มีความอ่อนแอ ไร้ภาวะผู้นำกลับไม่ทำ และสาเหตุที่ต้อง “ผลักดัน” ให้พ้นไปก็เพียงแค่ทนไม่ได้ที่ถูก “เปิดโปง” กระชากหน้ากากให้คนไทยอื่นๆได้รู้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้นเอง
00 แม้ว่าหากรัฐบาลได้คืนพื้นถนนคู่ขนานหน้ากระทรวงศึกษาธิการ 2 เลนคืนมาได้(ชั่วคราว) แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องทำมากกว่าก็คือน่าจะไปผลักดันทหารและชุมชนเขมรที่เจตนารุกล้ำเข้ามายึดพื้นที่ไทยอย่างถาวรมากกว่า แต่ก็ไม่ทำ เพราะผู้นำอ่อนแอ และผู้นำทหารบางคนกลัว “เสียผลประโยชน์” หากเกิดการปะทะกันขึ้นมาเรื่องราวมีอยู่แค่นี้เองไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย
00 ที่บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแค่การคืนพื้นที่ให้ชั่วคราวเท่านั้น เพราะอย่างที่บอกว่าเมื่ออ้างว่าต้องการผิวจราจรบางส่วนก็ให้ไป แต่พอตอนค่ำเมื่อชาวบ้านเริ่มมารวมตัวกันใหม่ก็ต้องปิดจราจรโดยปริยาย และนั่งหรือยืนฟังการปราศรัยเปิดโปง “มาร์ค” กันต่อ พอตอนเช้าเมื่อพี่น้องแยกย้ายกันไปทำงาน ประกอบภารกิจส่วนตัวก็ให้ตำรวจมาคุมพื้นที่ ก็ไม่เห็นแปลก ปรับกระบวนกันใหม่ให้เข้ากับลักษณะที่ว่า “สู้ให้เป็นเย็นเรื่อยไป” เหมือนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เคยว่าเอาไว้นั่นแหละ !!
00 เริ่มแคมเปญหาเสียง “ตีกิน”เอาเปรียบคนอื่นไปเรื่อยๆสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ และ “นายกฯหล่อ-ลวงแหล” ปูพรมทั้งวิทยุโทรทัศน์ และการเปิดนโยบายตามชุมชนต่างๆ เป้ามายก็เพื่อได้ส.ส. 250คน แม้ว่าจะรีบปฏิเสธโดยพลันเพราะกลัวคนหมั่นใส้ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามควบคู่กันก็คือ เสียง “ไล่ด่า” ไปทุกเวทีเช่นเดียวกัน งานนี้มีทั้งพวก “เสื้อแดง” เจ้าเก่า และคนไทยอื่นๆที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรม “ดื้อตาใส” และโกหกหลอกลวงเพื่อรักษาเก้าอี้นายกฯ “หุ่นเชิด” ไปวันๆเท่านั้น
00 เป็นไปตามคาดกับการยื่นญัตติ “ขับไล่” 10 รมต.ของพรรคเพื่อไทย แต่ก็ประหลาดใจไม่หายว่าทำไมไม่รวมเอง “ทหารอ้วน” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่ยกดินแดนให้เขมร และผลักดันให้คนไทยไปติดคุกที่นั่น และที่สำคัญทำให้ทหารเสียศักดิ์ศรีจากกรณีที่ปล่อยให้ทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งมั่นในที่ “สูงข่ม” บน “ภูมะเขือ” ของไทยและยิงถล่มราษฎรไทย และทหารไทยจนได้รับความเสียหายอย่างที่ไม่สมควรจะให้อภัย และ “นายทหารอ้วน” คนนี้เองที่เชื่อกันว่าอยู่เบื้องหลังที่ “เชิด” อภิสิทธิ์ ในทุกวันนี้
00 อีกไม่นานก็จะได้ดู “ทีวีสีฟ้า” ที่มีพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังออกอากาศ เพื่อให้คนในรัฐบาลและผู้นำพรรคได้ตอบโต้ใครก็ได้บังอาจเปิดโปง วิจารณ์ความไม่ชอบต่างๆนานา ส่วนเนื้อหาจะต่างจาก “ทีวีเสื้อแดง”แค่ไหนก็ต้องคอยติดตามดู !!