00 สรุปกันไปแล้วสำหรับวัน “ซักฟอก” รัฐบาล หลังจากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ว่าจะเริ่มมีการอภิปรายกันในวันที่ 9 มี.ค.ถึงวันที่ 12 มี.ค.และลงมติในวันที่ 13 มี.ค.รวมอภิปราย 4 วัน ส่วนรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติเป็นรายบุคคลรวม 10 คน หลักๆก็มี นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ กรณ์ จาติกวณิช พรทิวา นาคาศัย กษิต ภิรมย์ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล โสภณ ซารัมย์ เป็นต้น พร้อมทั้งยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งรวม 9 คนยกเว้น กษิต
00 งานนี้พรรคเพื่อไทยเจตนาแยกถล่มเฉพาะปชป.กับ “ภูมิใจเนวิน” ศัตรูสำคัญในสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะ แต่ที่น่าจับตาก็คือ “เว้นไว้” สำหรับ “พรรคทหาร” ที่นำโดย “ทหารอ้วน” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจเป็นเพราะลำดับความสำคัญก่อนหลัง ไม่อยากเปิดศึกทุกด้านก็เป็นได้ เพราะทหารกลุ่มนี้เชื่อว่า “ทักษิณ ชินวัตร” รอไว้โอกาสหน้าดีกว่า อย่างน้อยก็ต้องรอดูผลการเลือกตั้งเสียก่อน เพราะด้วยความ “ห่วยแตก” ของ “มาร์ค-สุเทพ” ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เข้ามาแบบ “แลนด์ไสลด์” เชื่อว่าถึงเวลานั้นก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร พรรคทหารกลุ่มนี้ก็จะเข้าไปยืน “กุมไข่” ต่อหน้าเอง แต่ตอนนี้อดใจรอไปก่อน น่าจะประมาณนั้น
00 งานนี้ถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมาถือว่าเป็นการซักฟอกรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่อยู่ในช่วง “วิกฤติ” ที่สุด ที่สำคัญเป็นความ “โดดเดี่ยว” ทางการเมืองเป็นครั้งแรก หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯได้ออกมาขับไล่ เนื่องจากได้เห็น “ธาตุแท้” ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นแค่นักการเมือง “น้ำเน่า” คนหนึ่ง ที่ต้องการรักษาเก้าอี้เท่านั้นไม่สนแม้กระทั่งยอมเป็น “หุ่นเชิด” ก็เอา นี่แหละน่ากลัวและเลวร้ายกว่า
00 ว่าไปทำไมมีหากพรรคเพื่อไทยทำการบ้านดีๆ สาระล้วนๆ โดยหยิบเอามาแค่เรื่องการทุจริต ปัญหาข้าวยากหมากแพง แค่นี้ก็ได้นำได้เนื้อ น่าจะไดรับความชื่นชมไม่น้อย ขออย่างเดียวให้เลิกใช้วิธีฉกฉวยโอกาสใช้สภาเป็นเวทีแก้ตัวให้ “แม้ว-ทักษิณ” เท่านั้นเป็นพอ
00 การศึกซักฟอกเที่ยวนี้ยังเป็นการให้โอกาส “ฝึกงาน” ของ “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ถ้าทำได้ดีก็อนาคตไกลแน่ ส่วน “เป็ดเหลิม” เฉลิม อยู่บำรุง นาทีนี้ถือว่าได้ “ประเมิน” สถานการณ์ใหม่แล้วว่าสมควรจะวางตัวอย่างไร เพราะถ้าขืนดึงดันแบบเดิมมันคงต้องเดินจากไปอย่าง “เดียวดาย” จริงๆ และนี่คือเหตุผลที่ต้องกลืนน้ำลายกลับมา “จูบปาก” กับเจ๊มิ่ง ร่วมศึกซักฟอก เพราะถ้าพลาดเที่ยวนี้ถือว่าตกขบวนแน่ !!
00 งานนี้พรรคเพื่อไทยเจตนาแยกถล่มเฉพาะปชป.กับ “ภูมิใจเนวิน” ศัตรูสำคัญในสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะ แต่ที่น่าจับตาก็คือ “เว้นไว้” สำหรับ “พรรคทหาร” ที่นำโดย “ทหารอ้วน” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจเป็นเพราะลำดับความสำคัญก่อนหลัง ไม่อยากเปิดศึกทุกด้านก็เป็นได้ เพราะทหารกลุ่มนี้เชื่อว่า “ทักษิณ ชินวัตร” รอไว้โอกาสหน้าดีกว่า อย่างน้อยก็ต้องรอดูผลการเลือกตั้งเสียก่อน เพราะด้วยความ “ห่วยแตก” ของ “มาร์ค-สุเทพ” ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เข้ามาแบบ “แลนด์ไสลด์” เชื่อว่าถึงเวลานั้นก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร พรรคทหารกลุ่มนี้ก็จะเข้าไปยืน “กุมไข่” ต่อหน้าเอง แต่ตอนนี้อดใจรอไปก่อน น่าจะประมาณนั้น
00 งานนี้ถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมาถือว่าเป็นการซักฟอกรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่อยู่ในช่วง “วิกฤติ” ที่สุด ที่สำคัญเป็นความ “โดดเดี่ยว” ทางการเมืองเป็นครั้งแรก หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯได้ออกมาขับไล่ เนื่องจากได้เห็น “ธาตุแท้” ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นแค่นักการเมือง “น้ำเน่า” คนหนึ่ง ที่ต้องการรักษาเก้าอี้เท่านั้นไม่สนแม้กระทั่งยอมเป็น “หุ่นเชิด” ก็เอา นี่แหละน่ากลัวและเลวร้ายกว่า
00 ว่าไปทำไมมีหากพรรคเพื่อไทยทำการบ้านดีๆ สาระล้วนๆ โดยหยิบเอามาแค่เรื่องการทุจริต ปัญหาข้าวยากหมากแพง แค่นี้ก็ได้นำได้เนื้อ น่าจะไดรับความชื่นชมไม่น้อย ขออย่างเดียวให้เลิกใช้วิธีฉกฉวยโอกาสใช้สภาเป็นเวทีแก้ตัวให้ “แม้ว-ทักษิณ” เท่านั้นเป็นพอ
00 การศึกซักฟอกเที่ยวนี้ยังเป็นการให้โอกาส “ฝึกงาน” ของ “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ถ้าทำได้ดีก็อนาคตไกลแน่ ส่วน “เป็ดเหลิม” เฉลิม อยู่บำรุง นาทีนี้ถือว่าได้ “ประเมิน” สถานการณ์ใหม่แล้วว่าสมควรจะวางตัวอย่างไร เพราะถ้าขืนดึงดันแบบเดิมมันคงต้องเดินจากไปอย่าง “เดียวดาย” จริงๆ และนี่คือเหตุผลที่ต้องกลืนน้ำลายกลับมา “จูบปาก” กับเจ๊มิ่ง ร่วมศึกซักฟอก เพราะถ้าพลาดเที่ยวนี้ถือว่าตกขบวนแน่ !!