เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ปฏิเสธจนลิ้นรัว ว่าคนอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ “ผลประโยชน์น้ำมันปาล์ม” อ้างสารพัดว่าเป็นเพราะดินฟ้าอากาศแปรปรวน ทำให้ขาดแคลน จนต้องนำเข้า และการที่พิจารณาอนุมัติเป็นล็อตๆ เพราะพิจารณาตามสถานการณ์เป็นครั้งคราว ทำนองทำเพื่อชาติ ประชาชน ไม่ได้ “สักบาทเดียว” เชื่อป่าว พี่น้อง !!
00 ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล ว่าจะคล้อยตาม “คนหน้าดำ” ที่ตลอดชีวิตการเมืองมีแต่เรื่อง “สีเทา” ติดตัวมาตลอดหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่อาจเป็นข้อมูลพิจารณาอีกอย่างหนึ่งก็คือ “พิรุธ” ตั้งแต่ตำแหน่งหน้าที่ที่ดูแล “ผิดประเภท” ผิดฝาผิดตัว เช่น เริ่มจากเป็นรอง นายกฯด้าน “ความมั่นคง” แต่ข้ามฟากมาดูแลเฉพาะปัญหาสินค้าเกษตรฯสำคัญบางตัว ทำหน้าที่ข้ามเส้น “รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ” จนหมดความหมาย
00 แม้อ้างว่าเป็นการเข้ามารับหน้าที่ดูแลสินค้าเกษตรภาคใต้ เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพาราและ กุ้ง ตามคำสั่งนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและเป็นช่วงที่ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ยังไม่เข้ามาเป็นรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ แต่ถึงตอนนี้ทำไมยังไม่ยอมเปลี่ยนมือ หรือว่า “สามสี” แก่แล้วตามคนอื่นไม่ทันจึงไม่ยอมปล่อย อ้อ แล้วถามว่า เรื่องการแบ่งผลประโยชน์ “พลังงาน” ในอ่าวไทยกับเขมร-ฮุนเซน ทำไมรองนายกฯด้านความมั่นคงถึงยังทะลึ่งไป “คลุกวงใน”อีก
00 จะเป็นเพราะเกรงว่าเรื่องจะบานปลายลามเข้าหาตัวหรือเปล่า ต้องออกมา “ตัดเกม” เบรก “เจ้าแจ็ก” วัชระ เพชรทอง ไม่ให้โวยวาย “เจ๊วา” พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ฐานล้มเหลวในเรื่องควบคุมดูแลราคาน้ำมันปาล์ม ทั้งเรื่องขาดตลาด-แพง เพราะดูตามอารมณ์แล้วเชื่อว่า “เจ๊” ฟิวส์ขาด กลัวว่าอารมณ์แปรปรวนเกิดหน้ามืดแฉโพยขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่งไปใหญ่ ใช่หรือเปล่า เพราะงานนี้ “วงใน” กระซิบมาว่าเรื่อง “นำเข้า” น้ำมันปาล์มดิบทั้งสองล็อต “ชั้นไม่ได้สักบาท” แถมยังถูกชาวบ้านด่าฟรีอีกต่างหาก เดี๋ยวเถอะ ขืนทำพูดมากเดี๋ยวจะเปิดโปงให้หมด จะกล้าเสี่ยงไหมเอ่ย !!
00 “เรียกแขก” ได้ดีจริงๆสำหรับ แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร ทีงานในหน้าที่แล้วไม่ยอมรับผิดชอบ เรื่องที่ไม่เกี่ยวแล้ว “แส่” ดีนัก เสนอให้นำพื้นที่โดยรอบประสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ขึ้นทะเบียนมรดกโลก “บริหารร่วม” กับกัมพูชา บอกว่าเมื่อตกลงกันไม่ได้ก็ให้เป็น “พื้นที่ของโลก” ไป นี่มันบ้าหรือเมากันแน่วะ ทำไมจนบัดนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าพื้นที่โดยรอบปราสาทนั้นเป็นของไทย มี “เฉพาะตัวปราสาท” เท่านั้นที่ “ศาลโลก” ตัดสินเมื่อปี 2505 ยกให้กัมพูชา ไม่เกี่ยวกับพื้นที่โดยรอบ แถมไทยยังสงวนสิทธิ์ทวงคืนอยู่ตลอดเวลา
00 เป็นเพราะเรามีทหารแบบนี้มันถึงทำให้กองทัพไทยเสียศักดิ์ศรี มีทหารที่ไม่ยอมยึดถือหลักการความถูกต้อง คอยจ้องฟังเสียง “นาย” ว่าจะไปทางไหนก็ลู่ไปทางนั้น คอยฟังดูว่า “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” จะเห็นอกเห็นใจเขมรอย่างก็ค่อยว่าตาม กรณีที่วัดแก้วศิขาฯก็เหมือนกันที่เกิดปัญหาขึ้นมาเพราะมีเสียงโวยวาย จึงนั่งไม่ติดต้องไป “แอ็กชั่น” ทุบป้าย ทั้งที่เรื่องเกิดขึ้นนานเป็นปีแล้ว จะว่าไปแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะการ “ถอนทหาร” ไทยออกมาจากวัดแก้วฯ แล้ว “สุนัข” ตัวไหนที่สั่งถอนออกมา ทุด !!
00 อย่าได้แปลกใจที่ข้อเสนอแบบนี้จะได้รับการขานรับ เห็นดีเห็นงามจาก รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงเขมร เอ้ย ของ ไทย โดยระบุว่าพื้นที่ที่ยังตกลงกันไม่ได้ก็ให้ “บริหารร่วมกัน” ไอ้นี่นอกจากหน้าดำแล้วยังหน้ามืดอีกด้วย มีแต่เอ็งเท่านั้นที่ยังหลับหูหลับตาไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นของใคร มีใจโอนอ่อนให้เขมรตลอด ที่ผ่านมามีแต่คนในรัฐบาลไทยเท่านั้นที่บอกว่า “พื้นที่ทับซ้อน” ลองไปถาม ฮุนเซนสิว่า ทับซ้อนหรือเปล่า เห็นมันย้ำว่าพื้นที่ของมันฝ่ายเดียว ทุด !!
00 นี่ก็เร่งประสานเสียง “ลดกระแส” ทั้ง นายกฯอภิสิทธิ์ ที่บอกว่าขอเจรจา แชร์ข้อมูล ให้โทนออกมาว่ารัฐบาลรับฟังความเห็น ขณะเดียวกัน รมว.ต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ก็ไปคุยกับ ฮอร์นัมฮง ของเขมร ออกมาเปิดเผยข้างเดียวอ้างว่าจะยอม “ปลดธง” จากวัดแก้วศิขาแล้ว เพียงแต่ไม่รับปากว่าเมื่อไหร่ ชาตินี้หรือชาติหน้า ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็สั่งตำรวจซ้อมสลายม็อบเต็มพิกัด ก็เชิญตามสบาย
00 ล่าสุดเมื่อตอนบ่ายวานนี้( 4 ก.พ.) ก็เกิดการปะทะกันแล้วบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พิกัด น่าจะอยู่ที่ “ภูมะเขือ” ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ขณะที่ได้รับรายงานข่าวนี้ยังไม่แจ้งชัดถึงความเสียหายของทั้งสองฝ่าย แต่เอาเป็นว่านี่เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความล้มเหลวของ “เอ็มโอยู 43” ที่ “มาร์ค-หน้าหล่อ” กอดเอาไว้แน่น อีกทั้งการปะทะกันคราวนี้น่าจะส่งผลถึงการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชาด้วย
00 สะท้อนให้เห็นว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร มีแต่ความขัดแย้ง มีสงคราม เป็นการตบหน้าวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง “ยูเนสโก” อย่างจัง และนี่ก็เช่นเดียวกันที่ฝ่ายไทยจะต้องใช้เป็นสาเหตุในการคัดค้าน และหากยังดึงดันพิจารณากันต่อไปก็ต้องถอนตัวทันที อย่าไปสนใจพวก “เห็บ-หมัด” ประเภท “ผู้จัดการหน้าดำ”กับ “ทหารอ้วน” ที่รอ “สวมตอ”ขุมทรัพย์ในอ่าวไทยเป็นอันขาด !!