โบราณเปรียบคนปากเสียหรือปากสุนัขเสมือนเป็นพวก..ปลาหมอตายเพราะปาก!
นักโทษชายหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร นั้น มีเรื่องที่พูดจริง..พูดปากกับใจตรงกัน แต่คนหน้าเหลี่ยมยังคงขี้ขลาดตามนิสัยดั้งเดิม ไม่กล้าจริง..เพราะไม่กล้าระบุชื่อ ไม่ระบุคนที่พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาไงล่ะครับ
แต่เนื้อหาและคนในคำพูดของนักโทษชายหนีคุก “หน้าเหลี่ยม” นั้น วันนี้เขาไม่อาจบิดเบือน-เฉไฉ-เป็นอื่นไปได้อีกแล้ว เพราะความจริงมันสื่อชัดว่า บุคคลที่พวกเขาพูดถึง-กล่าวถึง-พาดพิงถึงอย่างบังอาจเหิมเกริมนั้น..คือ..บุคคลใด?
การประกาศสงคราม “ไพร่” มุ่งโค่นล้ม “อำมาตย์” ทุกเวทีของนักโทษชายหนีคุกทักษิณและประดาคนเสื้อแดงนั้น มิใช่เพียงแค่มุ่งโค่นล้ม “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ หรือเปลี่ยนแปลงมาตราหมวดกษัตริย์ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้ยกทิ้งคณะองคมนตรีที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งโดยพระราชอัธยาศัยไงล่ะครับ
แต่นักโทษชายหนีคุกหน้าเหลี่ยมกับพวกนั้น บังอาจเหิมเกริมถึงขั้นมุ่งจะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ มุ่งทำลายล้าง “ในหลวง” ที่ทรงทศพิธราชธรรมยิ่งพระองค์นี้ครับ
นั่นมิใช่เรื่องใหม่..มิใช่เรื่องที่ผู้คนเพิ่งรู้ แต่เป็นเรื่องที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับแกนนำและชาวพันธมิตรฯ ทุกคน รวมทั้งประชาชนผู้รักสงบหรือพลังเงียบมากมายมหาศาล ล่วงรู้ธาตุแท้อันเหิมเกริมมาก่อนแล้วครับ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับแกนนำชาวพันธมิตรฯ ได้เป็นผู้เปิดโปง-แฉโพย-ลากไส้ชั่วช้าของทักษิณ นับแต่ครั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีว่า คนคนนี้ทั้งโกงกินบ้านเมืองอย่างมหาศาล รู้เห็นเป็นใจกระทั่งเป็นตัวการสำคัญที่ปล่อยให้เกิดขบวนการ “ล้มทุน-ล้มปืน-ล้มเจ้า” จนกระทั่งเติบโตดังในปัจจุบันนี้ไงล่ะครับ
แค่เรื่องโกงกินคอร์รัปชันบ้านเมืองอย่างมโหฬาร รัฐบาลทักษิณและรัฐบาลนอมินีสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลน้องเขย “หน้าเหลี่ยม” อย่าง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ของเจ๊ซาลาเปาหมูแดง ก็เป็นเรื่องสมควรและเป็นคุณยิ่งนัก ที่ชาวพันธมิตรฯ ได้ออกมาขับไล่รัฐบาลชั่วๆ จนล้มครืนลง
เรื่องโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะ “ในหลวง” ผู้ทรงทศพิธราชธรรมที่สุดในโลก ซึ่งเป็นที่รักเทิดทูนของปวงชนชาวไทยแทบทั้งประเทศ ยกเว้นก็เฉพาะพวกชั่วช้าสารเลว “หน้าเหลี่ยม” และพลพรรคนั้น
ขอบอกไว้ตรงนี้ตรงๆ เลยนะว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ชาวพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยที่รัก “พ่อหลวงของแผ่นดิน” ยิ่งชีวิตยอมไม่ได้และไม่มีวันยอม แม้จะต้องแลกด้วยเลือดเนื้อและชีวิตครับ
ดังนั้นขบวนการพันธมิตรฯ หรือ “คนเสื้อเหลือง” ที่มุ่งสู้-มุ่งขับไล่นายกรัฐมนตรีทักษิณและรัฐบาลนอมินีอีก 2 รัฐบาล จึงเป็นการต่อสู้ที่ชอบธรรมและถูกต้องที่สุด สู้กันแบบยืดเยื้อยาวนานหรือสู้ไม่ถอย จนชาวพันธมิตรฯ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องเสียเลือดเสียเนื้อบาดเจ็บ-พิการ-ล้มตายกันไปหลายร้อยคน
เพราะรัฐบาลนอมินีที่ทักษิณบงการอยู่เบื้องหลัง ไม่ยอมลงจากอำนาจง่ายๆ..ถึงกับได้สั่งการให้ “รัฐตำรวจ” ที่พวกตนคุมอยู่ ดำเนินการปราบปรามประชาชนอย่างป่าเถื่อนกลางเมืองหลวงไงล่ะครับ
หลังถูกคณะทหารรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 แทนที่ทักษิณจะหันกลับมามองการบริหารที่ฉ้อฉลของรัฐบาลตน ทักษิณกลับเห็น “กงจักรเป็นดอกบัว” หลงปักใจเชื่อมั่นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีส่วนสำคัญ ในการโค่นล้มรัฐบาลตนลงจากอำนาจ
ดังนั้นทักษิณจึงได้ส่งสัญญาณความในใจ ที่มีต่อพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันในทางลบเสมอมา แต่เป็นการส่งสัญญาณที่คลุมเครือและซ่อนเร้นเนื้อแท้ไว้ แม้หลายครั้งคราวที่ทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ จะเผยความในใจและตัวตนออกมาให้จับได้บ้างก็ตามที แต่ทั้งหมดก็ยังไม่ชัดเจนเท่าทักษิณวิดีโอลิงก์ครั้งหลังๆ ครับ
19 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา นักโทษชายหนีคุก “หน้าเหลี่ยม” ได้พูดผ่านวิดีโอลิงก์กลางที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า
“กราบเรียนอำมาตย์ด้วยความเคารพว่า หยุดรังสีอำมหิตได้แล้ว มันชัดจนระบบไม่เป็นระบบแล้ว ชัดเจน..กฎหมายไม่เป็นกฎหมายแล้ว ชัดเจน..เห็นว่าท่านไม่มีความเป็นธรรม ใครๆ ก็หวังพึ่งความเป็นธรรมของท่าน..ไม่เหลืออยู่เลยหรือ เข้าใจว่าท่านถูกเพ็ดทูลว่า เสื้อแดงอีกไม่นานก็ฝ่อ หมัดแรกพอไหว ไทยรักไทยคนก็ยังงงอยู่ หมัดสองพอทำเนา พลังประชาชน หมัดสามกำลังเงื้อ แต่ไม่มีใครรับได้แล้ว”
“อำมาตย์อยู่เหนือการเมืองเถอะ ให้การบริหารประเทศโดยประชาชนเป็นคนตัดสินว่า ชอบหรือไม่ชอบ เลือกหรือไม่เลือก แต่อย่ามองว่าตนมีเงินเยอะ เพราะวันนี้ก็ปล้นไป 4 หมื่นกว่าล้านแล้ว ถ้ามองว่าตนมีเงินก็ต้องมองว่าตนมีสมองด้วย และสมองตนเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งชาติอย่างแน่นอน อย่าคิดมาก”
“เพ็ดทูล” มิใช่คำสามัญและมิใช่คำที่ทักษิณ จะพูดถึง “ป๋าเปรม” ที่ทักษิณใช้เป็น “วัว” เพื่อจะได้ “ตีกระทบคราด” ไปถึงบุคคลสำคัญที่อยู่เหนือขึ้นไปอย่างแน่นอน
“วันนี้ปล้นไป 4 หมื่นกว่าล้านแล้ว” ประโยคนี้ นักโทษชายหนีคุกทักษิณแสดงเจตนาไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง “ใคร” ปล้นเงินทักษิณน่ะหรือ..คำตอบมีครับ
นิตยสาร “เสียงทักษิณ” (Voice of Taksin) ฉบับที่ 16 ปักษ์แรกของเดือนมีนาคม 2553 มีข้อความบนปกว่า “ปิดหน้าปล้นแตกหัก” พร้อมลงภาพพญาครุฑที่ถูกปิดหน้าด้วยรังผึ้ง ครุฑ-เป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย ดังนั้น..จึงสื่อชัดว่า..ทักษิณและพวกนั้นมุ่งโจมตีสถาบันเบื้องสูงโดยตรง..จริงไหม?
ก่อนหน้านั้น..นักโทษชายหนีคุกทักษิณ ยังเคยพูดผ่านวิดีโอลิงก์กับคนเสื้อแดงอย่างบังอาจหยาบช้าสุดๆ ว่า
“อำมาตย์อายุ 80 กว่าแล้ว อีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว”
อำมาตย์ในคำพูดและความหมายของนักโทษชายทักษิณ ไม่น่าจะเป็นพลเอกเปรมอีกต่อไปแล้ว เพราะพล.อ.เปรมเกิดในปี 2463 ปัจจุบันมีอายุ 90 ปีครับ
เท่านั้นไม่พอ “ปลาหมอหน้าเหลี่ยม” ยังพร่ำต่อว่า
“อำมาตย์ร่ำรวยแล้ว มีมรดกให้ลูกหลานอย่างเพียงพอแล้ว ปล่อยประชาชนไปเถอะ”
อำมาตย์ในคำพูดและความหมายตรงนี้ยิ่งชัดเจนใหญ่ว่า มิใช่พล.อ.เปรมอย่างแน่นอน เพราะพล.อ.เปรมไม่เคยมีลูกมีเมีย!
นั่นยังไม่รวมวิดีโอลิงก์ของนักโทษชายหนีคุกทักษิณ ที่ก่อนหน้านี้เคยพูดจาบจ้วงให้ร้ายป้ายสีสถาบันเบื้องสูงอีกหลายครั้งครา ดังเช่นประโยคนี้..
“คนที่เคยบอกให้ตนพักจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2549 เหตุใดวันนี้จึงไม่บอกให้นายอภิสิทธิ์พักบ้าง”
เราลองมาย้อนกลับไปดูเหตุการณ์วันที่ 4 เมษายน 2549 ก่อนที่ทักษิณจะประกาศพักร้อนหรือเว้นวรรคจากตำแหน่งอย่างกะทันหันนั้น เกิดขึ้นหลังจากทักษิณได้เดินทางไปขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..ที่หัวหิน!
มิหนำซ้ำพวกไพร่ชั่วบางคนยังลามปามจาบจ้วง ล่วงละเมิดไปถึงสมเด็จพระบรมราชินีนาถอีกด้วย จนพวกไพร่แดงชั่วช้าบางคนถูกศาลตัดสินจำคุกในตะรางไปแล้ว บางคนต้องหนีคดีความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ เช่น ดา-ตอร์ปิโด จักรภพ เพ็ญแข ใจ อึ๊งภากรณ์ ฯลฯ
“กี้ร์-อมฮอลล์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงอุดรฯ ประกาศอย่างเหิมเกริมว่า
“ครั้งนี้เป็นการคิดบัญชีรัฐบาลทรราชอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและอำมาตย์เฒ่าทั้งหลาย คุณไม่ต้องมาบอกว่า สถานที่สำคัญที่เขาจะไปก่อวินาศกรรม คุณไม่ต้องกุข่าวว่าสถานที่ที่เป็นโรงพยาบาลถนนราชวิถี สะพานข้ามแม่น้ำ โรงพยาบาลศิริราช..ฯลฯ คุณไม่ต้องบอก ถ้าหากคุณใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดง รับรองว่า..ไอ้สิ่งที่คุณพูดนี่ จะไม่มีเหลืออยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน”
คนไทยทั้งชาติรู้ว่า..ถนนราชวิถีนั้น..เป็นถนนที่ตัดผ่านพระราชวังสวนจิตรลดา โดยเฉพาะโรงพยาบาลศิริราชในวันที่อริสมันต์กล่าวถึง..ตราบจนทุกวันนี้ คือสถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน!!!
ต้องขอขอบคุณหนังสือ “เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์” ที่ผมได้อ่าน ผมคงไม่ต้องพูดหรือเอาอะไรมาเรียบเรียงให้เห็นมากไปกว่านี้แล้วครับ
เท่านี้ก็พอจะรู้แล้วว่า..นักโทษชายหนีคุก “หน้าเหลี่ยม-ไพร่ตัวพ่อ” กับพวกไพร่เสื้อแดงสารเลวไม่กี่คน ต้องการสร้าง “รัฐไทยใหม่” ของพวกเขาขึ้นมาในประเทศนี้ ดังนั้น..จึงต้องล้มทุน-ล้มปืน-ล้มเจ้า-ล้มอำมาตย์-ล้ม “พ่อของแผ่นดิน” ที่ทรงทศพิธราชธรรมที่สุดในโลก ผู้เป็นที่รักของคนไทยทั้งชาติ!
เฮ้อ..นักโทษชายหนีคุกทักษิณและพวกไพร่เสื้อแดงที่ชั่วช้าบางคน จะสร้างรัฐไทยใหม่แบบนั้นได้..ต้องข้ามศพคนไทยแทบทั้งแผ่นดินก่อนแน่นอน!!!
นักโทษชายหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร นั้น มีเรื่องที่พูดจริง..พูดปากกับใจตรงกัน แต่คนหน้าเหลี่ยมยังคงขี้ขลาดตามนิสัยดั้งเดิม ไม่กล้าจริง..เพราะไม่กล้าระบุชื่อ ไม่ระบุคนที่พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาไงล่ะครับ
แต่เนื้อหาและคนในคำพูดของนักโทษชายหนีคุก “หน้าเหลี่ยม” นั้น วันนี้เขาไม่อาจบิดเบือน-เฉไฉ-เป็นอื่นไปได้อีกแล้ว เพราะความจริงมันสื่อชัดว่า บุคคลที่พวกเขาพูดถึง-กล่าวถึง-พาดพิงถึงอย่างบังอาจเหิมเกริมนั้น..คือ..บุคคลใด?
การประกาศสงคราม “ไพร่” มุ่งโค่นล้ม “อำมาตย์” ทุกเวทีของนักโทษชายหนีคุกทักษิณและประดาคนเสื้อแดงนั้น มิใช่เพียงแค่มุ่งโค่นล้ม “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ หรือเปลี่ยนแปลงมาตราหมวดกษัตริย์ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้ยกทิ้งคณะองคมนตรีที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งโดยพระราชอัธยาศัยไงล่ะครับ
แต่นักโทษชายหนีคุกหน้าเหลี่ยมกับพวกนั้น บังอาจเหิมเกริมถึงขั้นมุ่งจะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ มุ่งทำลายล้าง “ในหลวง” ที่ทรงทศพิธราชธรรมยิ่งพระองค์นี้ครับ
นั่นมิใช่เรื่องใหม่..มิใช่เรื่องที่ผู้คนเพิ่งรู้ แต่เป็นเรื่องที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับแกนนำและชาวพันธมิตรฯ ทุกคน รวมทั้งประชาชนผู้รักสงบหรือพลังเงียบมากมายมหาศาล ล่วงรู้ธาตุแท้อันเหิมเกริมมาก่อนแล้วครับ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับแกนนำชาวพันธมิตรฯ ได้เป็นผู้เปิดโปง-แฉโพย-ลากไส้ชั่วช้าของทักษิณ นับแต่ครั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีว่า คนคนนี้ทั้งโกงกินบ้านเมืองอย่างมหาศาล รู้เห็นเป็นใจกระทั่งเป็นตัวการสำคัญที่ปล่อยให้เกิดขบวนการ “ล้มทุน-ล้มปืน-ล้มเจ้า” จนกระทั่งเติบโตดังในปัจจุบันนี้ไงล่ะครับ
แค่เรื่องโกงกินคอร์รัปชันบ้านเมืองอย่างมโหฬาร รัฐบาลทักษิณและรัฐบาลนอมินีสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลน้องเขย “หน้าเหลี่ยม” อย่าง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ของเจ๊ซาลาเปาหมูแดง ก็เป็นเรื่องสมควรและเป็นคุณยิ่งนัก ที่ชาวพันธมิตรฯ ได้ออกมาขับไล่รัฐบาลชั่วๆ จนล้มครืนลง
เรื่องโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะ “ในหลวง” ผู้ทรงทศพิธราชธรรมที่สุดในโลก ซึ่งเป็นที่รักเทิดทูนของปวงชนชาวไทยแทบทั้งประเทศ ยกเว้นก็เฉพาะพวกชั่วช้าสารเลว “หน้าเหลี่ยม” และพลพรรคนั้น
ขอบอกไว้ตรงนี้ตรงๆ เลยนะว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ชาวพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยที่รัก “พ่อหลวงของแผ่นดิน” ยิ่งชีวิตยอมไม่ได้และไม่มีวันยอม แม้จะต้องแลกด้วยเลือดเนื้อและชีวิตครับ
ดังนั้นขบวนการพันธมิตรฯ หรือ “คนเสื้อเหลือง” ที่มุ่งสู้-มุ่งขับไล่นายกรัฐมนตรีทักษิณและรัฐบาลนอมินีอีก 2 รัฐบาล จึงเป็นการต่อสู้ที่ชอบธรรมและถูกต้องที่สุด สู้กันแบบยืดเยื้อยาวนานหรือสู้ไม่ถอย จนชาวพันธมิตรฯ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องเสียเลือดเสียเนื้อบาดเจ็บ-พิการ-ล้มตายกันไปหลายร้อยคน
เพราะรัฐบาลนอมินีที่ทักษิณบงการอยู่เบื้องหลัง ไม่ยอมลงจากอำนาจง่ายๆ..ถึงกับได้สั่งการให้ “รัฐตำรวจ” ที่พวกตนคุมอยู่ ดำเนินการปราบปรามประชาชนอย่างป่าเถื่อนกลางเมืองหลวงไงล่ะครับ
หลังถูกคณะทหารรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 แทนที่ทักษิณจะหันกลับมามองการบริหารที่ฉ้อฉลของรัฐบาลตน ทักษิณกลับเห็น “กงจักรเป็นดอกบัว” หลงปักใจเชื่อมั่นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีส่วนสำคัญ ในการโค่นล้มรัฐบาลตนลงจากอำนาจ
ดังนั้นทักษิณจึงได้ส่งสัญญาณความในใจ ที่มีต่อพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันในทางลบเสมอมา แต่เป็นการส่งสัญญาณที่คลุมเครือและซ่อนเร้นเนื้อแท้ไว้ แม้หลายครั้งคราวที่ทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ จะเผยความในใจและตัวตนออกมาให้จับได้บ้างก็ตามที แต่ทั้งหมดก็ยังไม่ชัดเจนเท่าทักษิณวิดีโอลิงก์ครั้งหลังๆ ครับ
19 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา นักโทษชายหนีคุก “หน้าเหลี่ยม” ได้พูดผ่านวิดีโอลิงก์กลางที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า
“กราบเรียนอำมาตย์ด้วยความเคารพว่า หยุดรังสีอำมหิตได้แล้ว มันชัดจนระบบไม่เป็นระบบแล้ว ชัดเจน..กฎหมายไม่เป็นกฎหมายแล้ว ชัดเจน..เห็นว่าท่านไม่มีความเป็นธรรม ใครๆ ก็หวังพึ่งความเป็นธรรมของท่าน..ไม่เหลืออยู่เลยหรือ เข้าใจว่าท่านถูกเพ็ดทูลว่า เสื้อแดงอีกไม่นานก็ฝ่อ หมัดแรกพอไหว ไทยรักไทยคนก็ยังงงอยู่ หมัดสองพอทำเนา พลังประชาชน หมัดสามกำลังเงื้อ แต่ไม่มีใครรับได้แล้ว”
“อำมาตย์อยู่เหนือการเมืองเถอะ ให้การบริหารประเทศโดยประชาชนเป็นคนตัดสินว่า ชอบหรือไม่ชอบ เลือกหรือไม่เลือก แต่อย่ามองว่าตนมีเงินเยอะ เพราะวันนี้ก็ปล้นไป 4 หมื่นกว่าล้านแล้ว ถ้ามองว่าตนมีเงินก็ต้องมองว่าตนมีสมองด้วย และสมองตนเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งชาติอย่างแน่นอน อย่าคิดมาก”
“เพ็ดทูล” มิใช่คำสามัญและมิใช่คำที่ทักษิณ จะพูดถึง “ป๋าเปรม” ที่ทักษิณใช้เป็น “วัว” เพื่อจะได้ “ตีกระทบคราด” ไปถึงบุคคลสำคัญที่อยู่เหนือขึ้นไปอย่างแน่นอน
“วันนี้ปล้นไป 4 หมื่นกว่าล้านแล้ว” ประโยคนี้ นักโทษชายหนีคุกทักษิณแสดงเจตนาไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง “ใคร” ปล้นเงินทักษิณน่ะหรือ..คำตอบมีครับ
นิตยสาร “เสียงทักษิณ” (Voice of Taksin) ฉบับที่ 16 ปักษ์แรกของเดือนมีนาคม 2553 มีข้อความบนปกว่า “ปิดหน้าปล้นแตกหัก” พร้อมลงภาพพญาครุฑที่ถูกปิดหน้าด้วยรังผึ้ง ครุฑ-เป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย ดังนั้น..จึงสื่อชัดว่า..ทักษิณและพวกนั้นมุ่งโจมตีสถาบันเบื้องสูงโดยตรง..จริงไหม?
ก่อนหน้านั้น..นักโทษชายหนีคุกทักษิณ ยังเคยพูดผ่านวิดีโอลิงก์กับคนเสื้อแดงอย่างบังอาจหยาบช้าสุดๆ ว่า
“อำมาตย์อายุ 80 กว่าแล้ว อีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว”
อำมาตย์ในคำพูดและความหมายของนักโทษชายทักษิณ ไม่น่าจะเป็นพลเอกเปรมอีกต่อไปแล้ว เพราะพล.อ.เปรมเกิดในปี 2463 ปัจจุบันมีอายุ 90 ปีครับ
เท่านั้นไม่พอ “ปลาหมอหน้าเหลี่ยม” ยังพร่ำต่อว่า
“อำมาตย์ร่ำรวยแล้ว มีมรดกให้ลูกหลานอย่างเพียงพอแล้ว ปล่อยประชาชนไปเถอะ”
อำมาตย์ในคำพูดและความหมายตรงนี้ยิ่งชัดเจนใหญ่ว่า มิใช่พล.อ.เปรมอย่างแน่นอน เพราะพล.อ.เปรมไม่เคยมีลูกมีเมีย!
นั่นยังไม่รวมวิดีโอลิงก์ของนักโทษชายหนีคุกทักษิณ ที่ก่อนหน้านี้เคยพูดจาบจ้วงให้ร้ายป้ายสีสถาบันเบื้องสูงอีกหลายครั้งครา ดังเช่นประโยคนี้..
“คนที่เคยบอกให้ตนพักจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2549 เหตุใดวันนี้จึงไม่บอกให้นายอภิสิทธิ์พักบ้าง”
เราลองมาย้อนกลับไปดูเหตุการณ์วันที่ 4 เมษายน 2549 ก่อนที่ทักษิณจะประกาศพักร้อนหรือเว้นวรรคจากตำแหน่งอย่างกะทันหันนั้น เกิดขึ้นหลังจากทักษิณได้เดินทางไปขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..ที่หัวหิน!
มิหนำซ้ำพวกไพร่ชั่วบางคนยังลามปามจาบจ้วง ล่วงละเมิดไปถึงสมเด็จพระบรมราชินีนาถอีกด้วย จนพวกไพร่แดงชั่วช้าบางคนถูกศาลตัดสินจำคุกในตะรางไปแล้ว บางคนต้องหนีคดีความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ เช่น ดา-ตอร์ปิโด จักรภพ เพ็ญแข ใจ อึ๊งภากรณ์ ฯลฯ
“กี้ร์-อมฮอลล์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงอุดรฯ ประกาศอย่างเหิมเกริมว่า
“ครั้งนี้เป็นการคิดบัญชีรัฐบาลทรราชอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและอำมาตย์เฒ่าทั้งหลาย คุณไม่ต้องมาบอกว่า สถานที่สำคัญที่เขาจะไปก่อวินาศกรรม คุณไม่ต้องกุข่าวว่าสถานที่ที่เป็นโรงพยาบาลถนนราชวิถี สะพานข้ามแม่น้ำ โรงพยาบาลศิริราช..ฯลฯ คุณไม่ต้องบอก ถ้าหากคุณใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดง รับรองว่า..ไอ้สิ่งที่คุณพูดนี่ จะไม่มีเหลืออยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน”
คนไทยทั้งชาติรู้ว่า..ถนนราชวิถีนั้น..เป็นถนนที่ตัดผ่านพระราชวังสวนจิตรลดา โดยเฉพาะโรงพยาบาลศิริราชในวันที่อริสมันต์กล่าวถึง..ตราบจนทุกวันนี้ คือสถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน!!!
ต้องขอขอบคุณหนังสือ “เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์” ที่ผมได้อ่าน ผมคงไม่ต้องพูดหรือเอาอะไรมาเรียบเรียงให้เห็นมากไปกว่านี้แล้วครับ
เท่านี้ก็พอจะรู้แล้วว่า..นักโทษชายหนีคุก “หน้าเหลี่ยม-ไพร่ตัวพ่อ” กับพวกไพร่เสื้อแดงสารเลวไม่กี่คน ต้องการสร้าง “รัฐไทยใหม่” ของพวกเขาขึ้นมาในประเทศนี้ ดังนั้น..จึงต้องล้มทุน-ล้มปืน-ล้มเจ้า-ล้มอำมาตย์-ล้ม “พ่อของแผ่นดิน” ที่ทรงทศพิธราชธรรมที่สุดในโลก ผู้เป็นที่รักของคนไทยทั้งชาติ!
เฮ้อ..นักโทษชายหนีคุกทักษิณและพวกไพร่เสื้อแดงที่ชั่วช้าบางคน จะสร้างรัฐไทยใหม่แบบนั้นได้..ต้องข้ามศพคนไทยแทบทั้งแผ่นดินก่อนแน่นอน!!!
