รายงานการเมือง
แสงตะวัน
นับวันเนื้อหาการวีดีโอลิงค์ของนช.ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงการขึ้นเวทีปราศรัยของบรรดาลิ่วล้อลูกสมุนทักษิณ ชินวัตรในคราบส.ส.เพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง ก็ยิ่งเผยให้เห็นชัดว่า ธาตุแท้การเคลื่อนไหวการเมืองครั้งนี้ว่า มีความต้องการที่มากกว่าเพียงแค่ เป้าหมายสองประการ
1.กดดันอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา
2.ไล่บี้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี
เพราะวาทกรรมและเนื้อหาการวีดีโอลิงค์ของทักษิณ รวมถึงคำปราศรัยบรรดาส.ส.เพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง ที่ปลุกเร้าคนเสื้อแดงทั้งที่สะพานผ่านฟ้าและเสื้อแดงทั่วประเทศที่รับชมรับฟังผ่านสื่อเสื้อแดง
ไปไกลกว่าการพาดพิง หรือเสียดสีแค่ระบอบอำมาตย์เสียแล้ว!
ล่าสุด เนื้อหาคำกล่าวบนเวทีอย่างเป็นทางการของรองประธานสภาผู้แทนราษฏรที่ไม่สำนึกในหมวกที่ตัวเองสวมอยู่ เมื่อกระโดดขึ้นเวทีเสื้อแดงแล้วแสดงตัวตนให้สมกับฉายา “รองโรมานอฟ-พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย” ผู้เคยออกมาเปรียบเทียบระบบการเมืองไทยกับการล่มสลายของอาณาจักรราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองชนชั้น อันเป็นการเปรียบเทียบที่บิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างเห็นได้ชัด เพราะสภาพสังคมไทยกับรัสเซียในเวลานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แล้ววันนี้ “รองโรมานอฟ” ก็เผยธาตุแท้ให้เห็นกันชัดๆบนเวทีเสื้อแดงเมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 มีนาคม2553 ที่ผ่านมา เพราะมีการเอ่ยอ้างหลายตอนที่ไม่สมควรแต่หวังปลุกระดมคนเสื้อแดงเพื่อความเมามัน โดยไร้ซึ่งวุฒิภาวะของความเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฏร
“ผมเป็นลูกไพร่ เกิดและเติบโตมาอย่างไพร่ เป็นรองประธานสภาก็ยังเป็นไพร่ และเป็นไพร่ที่ไม่มีเส้น จะขึ้นเวทีเสื้อแดงทุกวัน วันนี้ที่สู้เพื่อบอกว่าไอ้อำมาตย์มึงเอาอำนาจกูมา มันปล้นอำนาจไปแล้ว เรียกคุณเปรมแต่ใจเรียกไอ้ที่มีบ้านสี่เสาคือวิมานสีม่วง
ปัญหาความขัดแย้งตอนนี้ เป็นการแย่งชิงอำนาจระหว่างอำมาตย์กับไพร่ พี่น้องที่มารวมตัวกันอยู่นี่ มาเรียกร้องอะไรครับ มาเรียกร้องมาตรฐานของความเป็นธรรม ใช่ไหม ใครทำผิดต้องถูกลงโทษ จตุพร ณัฐวุฒิ วีระ อภิวันท์จะถูกจับขังคุกกูไม่ว่า แต่มึงต้องจับ พระราชหลานเขย สนธิ ลิ้ม จำลอง และพันธมิตรฯ ติดคุกด้วย ทุกฝ่ายต้องมีเมตตาธรรม อภัยให้กัน
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ท่านเข้าโรงพยาบาลฟังผม อย่าเพิ่งตายเสียก่อน พลเอกเปรมต้องลาออกเพื่อไม่ให้เป็นกรวดในรองพระบาท ผมมีข่าวดีมาบอกเมื่อเช้านายทหารราชองครักษ์ของพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์หนึ่งได้มาเยี่ยมเยียนพวกเราครับ ไม่มีใครกล้าปราบแน่นอนเพราะด้วยเหตุผลที่เมื่อเช้ามีคนมาเยี่ยมเรา”
เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร ลองอ่านและพิจารณาดูกันเอาเอง และก่อนที่รองโรมานอฟ จะขึ้นเวทีเพียงหนึ่งคืน ลูกสมุนเอกทักษิณ ชินวัตรอย่าง
สุทิน คลังแสง อดีตรองโฆษกพรรคไทยรักไทย
ขึ้นเวทีเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 22 มี.ค.53 โดยกล่าวปราศรัยแบบมีนัยยะแฝงเร้นอย่างเห็นได้ชัดชนิดไม่ต้องตีความให้ยุ่งยาก
“ บ้านนี้จะดีได้ต้องเริ่มที่พ่อและแม่ อย่ามาโทษคนเสื้อแดง เพราะคนเสื้อแดงถูกกระทำด้วยความไม่เป็นธรรมมาก่อน พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค และอีกไม่นานก็ต้องมายุบพรรคเพื่อไทยอีก เงินพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไปยึดเขาเพื่อเอาไปให้สีเหลือง ถ้าเปรียบบ้านนี้เหมือนว่า มีพ่อมีแม่ เสื้่อแดงก็เป็นลูกคนหนึ่งชื่อ ไอ้แดง มีพี่ชายคือพ.ต.ท.ทักษิณ เสื้อเหลืองก็เป็นลูกพ่อแม่อีกคน เรียกว่า ไอ้เหลือง มีอภิสิทธิ์ เป็นพี่ชาย
ไอ้แดงมันเป็นลูกพ่อแม่เดียวกันกับไอ้เหลือง แต่พ่อแม่ให้สิทธิ์ไอ้เหลืองมากกว่า มันเลยทำให้ไอ้แดงมันคิด "
ขณะที่ “แดงตัวพ่อ”ทักษิณ ชินวัตร ก็พอๆ กัน เพราะทั้งอภิวันท์-สุทิน คงไม่กล้าหาก ทักษิณ ไม่นำร่องเสียก่อน แต่ดีที่ตอนนี้ผู้คนเริ่มรู้ทันและถอดนัยยะการวีดีโอลิงค์ของทักษิณออกมาตีแผ่เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทัน นักโทษชายผู้จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงคนนี้อย่างทันท่วงที
นั่นคือ การวีดีโอลิงค์ของทักษิณเมื่อคืนวันที่ 15 มีนาคม 2553 ที่ว่า
"อยากจะบอกว่าอำมาตย์เลิกระแวง เลิกแทรกแซงเถอะ ปล่อยให้ประเทศนี้โปร่งใส อย่าให้ถอนหงอก โลกมันโตด้วยเทคโนโลยีก้าวไกล อำมาตย์ 80 กว่ายิ่งไม่เข้าใจใหญ่เลย
ส่วนคืนศุกร์ที่ 19 มี.ค. ก็ระบุว่า
"รัฐบาลนี้เหมือนต้นไม้ อำมาตย์เหมือนไม้ค้ำถ้าต้นไม้มีชีวิตก็ยืนต้นได้ด้วยตัวเองระดับหนึ่งไม้ค้ำระดับหนึ่ง ถ้าต้นไม้ตาย แรงดึงดูดไม้ค้ำก็จะหัก เราเสียดายไม้ค้ำ เราไม่เสียดายต้นไม้ ไม้ค้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เรารัก เราอยากเอาไม้ค้ำไว้ใช้ค้ำสิ่งใหม่ๆ"
จนทำให้รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางเอเอสทีวี ทีวีของประชาชน โดยพล.ร.ท. ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง ได้วิเคราะห์วาทกรรมดังกล่าวของทักษิณ อย่างน่าสนใจ
เช่นคำพูดของทักษิณที่ว่า“อำมาตย์อายุ 80 กว่าแล้ว อีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว” แต่ในข้อเท็จจริงคือ พล.อ.เปรมปัจจุบันอายุ 90 ปีเพราะเกิดปี พ.ศ.2463
หรือคำกล่าวที่ว่า “อำมาตย์ร่ำรวยแล้ว มีมรดกให้ลูกหลานอย่างพอเพียงแล้ว ปล่อยประชาชนไปเถอะ” ทว่าในข้อเท็จจริงก็คือ พล.อ. เปรม ไม่เคยแต่งงาน และไม่เคยมีบุตร เพราะฉะนั้นย่อมไม่มีทายาทและลูกหลาน
นอกจากนี้ พล.ร.ท. ประทีป ยังกล่าวถึง คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณระหว่างการวิดีโอลิงก์ ในช่วงหัวค่ำของวันศุกร์ที่ 19 มี.ค. 2553 ที่ระบุว่า
“กราบเรียนอำมาตย์ด้วย ความเคารพครับว่า ต้องหยุดรังสีอำมหิตของท่านได้แล้ว เพราะว่ามันชัดเกินไป มันชัดจนเห็นว่าท่านไม่มีความเป็นธรรม ใครๆ เขาก็หวังพึ่งความเป็นธรรมของท่าน แต่วันนี้ท่านไม่มีความเป็นธรรมเหลืออยู่เลยหรือ ผมเข้าใจได้ว่าท่านถูกเพ็ดทูล มีคนไปฟ้อง มีคนไปรายงานว่าเสื้อแดงนี้ อีกไม่นานมันก็ฝ่อ ถ้าอำมาตย์ท่านรักประชาชนจริง เพราะประชาชนก็รักท่านเป็นบุญอยู่แล้ว แต่ถ้าท่านรักประชาชนจริง ต้องเลิกอุ้มข้างเดียวแล้ว กระทืบอีกข้างหนึ่ง”
โดย พล.ร.ท.ประทีป ให้ข้อสังเกตในคำพูดที่ว่า “รักประชาชน” และ “เพ็ดทูล”นั้นมิใช่คำที่ประชาชนทั่วไปใช้แต่เป็นคำที่ใช้กับเจ้านาย!
สรุปสุดท้าย ใครจะคลั่งไคล้เสื้อแดง ทักษิณ ชินวัตร กันต่อไปแบบไม่ยอมใช้สมองแยกแยะ ก็คงยากจะฉุดรั้งกันได้ เพราะทุกวันนี้เห็นชัดว่า หลายอย่างในการเคลื่อนไหวของเสื้อแดง มันกู่ไม่กลับแล้ว
ก็ดูอย่างตอนนี้ หากใครไปเดินที่ถนนราชดำเนิน ที่เสื้อแดงปิดถนนอยู่ ตรงหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ จะพบว่าการวางขายหนังสือที่เพิ่งพิมพ์ออกมาสดๆร้อนๆ ชื่อ “ล้มเจ้า”ซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้จัดทำและเรียบเรียงอย่างเป็นทางการ อันเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวการลุกฮือของประชาชนในรัสเซียจนทำให้ราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียล่มสลาย อันเป็นเรื่องราวที่อภิวันท์ รองโรมานอฟจากเพื่อไทยมักนำมากล่าวอ้างและให้ข้อมูลแบบผิดๆกับประชาชนเสมอ
โดยกลุ่มผู้ผลิตมีการโฆษณาเชิญชวนคนเสื้อแดงที่ผ่านไปมาให้มาซื้อหนังสือด้วยการพูดขายหนังสืออย่างเผ็ดร้อน-ดุดัน อาทิ
“อ่านแล้วจะตาสว่าง จะได้รู้ว่าราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียมันชั่วอย่างไร ทำไมถึงโดนประชาชนโค่นล้ม”!
ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะถามกลับไปยังคนเสื้อแดงทั้งหลายว่า เมื่อไหร่จะรู้เท่าทัน ทักษิณ-แกนนำเสื้อแดง ทั้งหลายเสียทีว่า เมื่อไหร่จะตาสว่างเสียทีว่า ทักษิณกำลังทำอะไร ?
