ASTVผู้จัดการ - ท่านรองฯ อภิวันท์ ห้าวไม่เลิก ขึ้นเวทีเสื้อแดงอีก ปราศรัยพาดพิง-จาบจ้วงเบื้องสูงรุนแรง รักษายี่ห้อจอมกักขฬะเหนียวแน่น หมิ่นพร้อมแช่งป๋าเปรม เหิมเกริมบอกขอเป็นตัวแทนคนเสื้อแดงเจรจา แต่ไม่คุยกับ “มาร์ค” ขอคุยกับ “ป๋าเปรม” แทน
หลังจากเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2552 ที่ผ่านมา พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงจังหวัดสมุทรปราการ และกล่าวถ้อยคำอันไม่เหมาะสม จนทำให้ต่อมาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงการทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เพื่อเรียกร้องให้ พ.อ.อภิวันท์ พิจารณาตนเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมภายนอกที่ไม่เหมาะสมต่อตำแหน่งรองประธานรัฐสภา
ทั้งนี้ ส.ส.ปชป.ระบุว่า ในการขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ พ.อ.อภิวันท์มีการใช้คำพูดที่รุนแรงและหยาบคาย ประณาม เสียดสี กล่าวหาให้ร้ายบุคคลในหลายภาคส่วน ทั้งรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และโดยเฉพาะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นอกจากนี้ยังได้ใช้คำพูดหยาบคายที่เป็นคำผวนเปรียบใบหน้าของนายกฯ เหมือนอวัยวะเพศหญิง อีกทั้ง พ.อ.อภิวันท์ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาก่อความวุ่นวายที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550 ซึ่งอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง โดยได้เรียก พ.อ.อภิวันท์ไปรับทราบข้อกล่าวหาและยื่นฟ้องต่อศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ พ.อ.อภิวันท์ พิจารณาตัวเองด้วยการลาออกและต้องมีสำนึกทางจริยธรรมที่จะไม่ทำให้ตำแหน่งรองประธานรัฐสภา ฝ่ายนิติบัญญัติต้องมัวหมอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวันนี้ (23 มี.ค.53) พ.ท.อภิวันท์ได้ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงที่สะพานผ่านฟ้าอีกครั้ง โดยในการปราศรัยวันนี้ พ.อ.อภิวันท์ ได้กล่าวยืนยันถึงความเป็นคนเสื้อแดงของตัวเอง อีกทั้งยังคงรักษาความกักขฬะ และหยาบคายในการปราศรัยเอาไว้อย่างคงเส้นคงวา
“ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสมาร่วมเวทีเสื้อแดง ทั้งๆ ที่วิภูแถลง (พัฒนภูมิไทย แกนนำและโฆษกเวทีเสื้อแดง) บอกแล้ว แดงร้อยเปอร์เซ็นต์ฮะ ขนาดเมียยังต้องไปหาคนชื่อแดงมาเป็นเมีย เขาเรียกว่าแดงทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน (เสียงเฮจากคนเสื้อแดง) แต่ขอโทษประตูหลังไม่แดงนะครับ ถ้าประตูหลังแดงต้องไปแถวสี่เสาฯ” พ.ท.อภิวันท์กล่าวด้วยความคึกคะนอง
ในช่วงต่อมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้กล่าวจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรง โดยระบุว่า
“พี่น้องที่มารวมตัวกันอยู่นี่ มาเรียกร้องอะไรครับ มาเรียกร้องมาตรฐานของความเป็นธรรม ใช่ไหมครับ ใครทำผิดต้องถูกลงโทษ จตุพร ณัฐวุฒิ วีระ อภิวันท์จะถูกจับขังคุกกูไม่ว่า แต่มึงต้องจับ พระราชหลานเขย สนธิ ลิ้ม จำลอง และพันธมิตรฯ ติดคุกด้วย อันนี้คือความเป็นธรรมครับ”
จากนั้น พ.ท.อภิวันท์ ได้กล่าวต่อว่า จากข่าวที่มีแนวคิดจากหลายฝ่ายว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรจะเปิดเจรจากับแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตนขอฉันทามติจากคนเสื้อแดงที่อยู่หน้าเวทีในการเป็นตัวแทนไปเจรจากับฝ่ายอำมาตย์ แต่คนที่จะขอเจรจาด้วยไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ แต่เป็น พล.อ.เปรม ประธานองคมนตรี พร้อมกล่าวอย่างคึกคะนองว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ให้โทร.มาหาตนเองได้
“พี่น้องครับ ผมขออาสาพวกเราอย่างนึงได้มั้ยครับ ขอเป็นตัวแทนไปเจรจากับพวกมัน แต่ผมจะไม่เจรจากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะครับ เพราะว่านายอภิสิทธิ์ไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัวจริงครับพี่น้อง (เสียงเฮ) ... ผมจะขอเจรจากับคนคนเดียว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านเข้าโรงพยาบาล ฟังผม อย่าเพิ่งตายเสียก่อน … อย่าเพิ่งตายเสียก่อน!
ผมจะเจรจา 3 ข้อ โดยหลักของประชาธิปไตย เมื่อมีปัญหาต้องคืนอำนาจให้ประชาชน ผ่านการยุบสภา ข้อสอง คืนความเป็นธรรมให้กับบ้านเมือง และบรรดาไพร่ สามัญชน ข้อสาม พล.อ.เปรม ต้องลาออก เพื่อไม่ให้เป็นกรวดในรองพระบาท ท่านพร้อมเมื่อไหร่ให้คนโทรศัพท์มาตามผม ไม่ว่าสถานที่ใด ผมไม่เลือก ท่านเลือกเอง แล้วผมก็จะพูดแค่สามข้อ ถ้าท่านเห็นด้วยโทรศัพท์มาหาผม แต่ย้ำอีกที อย่าเพิ่งตายเสียก่อน ... (เสียงเฮ)”
ในช่วงท้ายของการปราศรัย พ.ท.อภิวันท์ ยังได้กล่าวอ้างถึงสถาบันเบื้องสูงด้วยว่า เช้าวันนี้ นายทหารราชองครักษ์ของพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์หนึ่งได้มาเยี่ยมเยียนการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทำให้ตนมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่กล้าใช้กำลังปราบปรามกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้จากข้อความดังกล่าวของนายอภิวันท์ ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงที่ขึ้นเวทีตามมาต่างนำข้อความดังกล่าวไปปราศรัยขยายความอย่างต่อเนื่อง
ชมและฟังกันชัดๆ “กูนี่แหละ แดง 100%” รองฯ อภิวันท์ กับสารพัดความหยาบ บนเวทีเสื้อแดง 20 พ.ย. 2552