“โฆษกมาร์ค” แฉจิตใต้สำนึก “แม้ว” สะท้อนเจตนา โฟนอินกระทบฐานันดรโยงชั้นยศพระบรมวงศานุวงศ์ เสี้ยมพรรคร่วมยก รธน.40 หวังสร้างอนุสรณ์ทางการเมืองให้แม้ว เตือน 3 แกนนำนอกคอก โจมตี “ป๋า-ชวน” หวั่นคนใต้ลุกฮือ เย้ย “นช.แม้ว” ตัวปั่นม็อบเสื้อแดงบุกเขายายเที่ยง
วันนี้ (10 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตเตอร์พาดพิงถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กรณีครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยงโดยกล่าวหารัฐบาลทำสองมาตรฐาน เทียบกับกรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ทำกับกับข้าวในรายการทีวีที่ไม่มีเจตนาว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามยกเรื่องเจตนาของ พล.อ.สุรยุทธ์ มาเทียบเคียงกับกรณีสองมาตรฐาน ซึ่งการที่จะชี้ว่าผู้ใดมีเจตนาต้องอยู่ในดุลยพินิจของศาล นายสมัคร ศาลวินิจฉัยว่ามีเจตนาที่กระทำผิดตามมาตรา 276 และมาตรา 182 วรรค 1 (7) และ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามพูดเพียงครึ่งเดียวมาโดยตลอด เช่นอ้างเรื่องการซื้อที่ดินรัชดาฯ ว่าผู้ขายและผู้ซื้อไม่ผิด แต่สามีที่เซ็นยินยอมผิด ตนไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ บิดเบือนเรื่องดังกล่าว และอยากให้กลับไปดูว่ากฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 เขียนว่าอย่างไร ถ้าไม่มีความผิดก็ไม่มีศาลใดลงโทษได้ ส่วนเรื่องการเจตนา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็นำเรื่องนี้มาอ้างในคดีการซุกหุ้น โดยระบุว่าบกพร่องโดยสุจริต และศาลรัฐธรรมนูญก็รับฟัง พร้อมพิจารณาให้ชนะคดีไป 8 ต่อ 7 จึงอยากถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่า การตัดสินครั้งนั้นเป็นสองมาตรฐานหรือไม่
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามเข้าไปผสมโรงกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เขายายเที่ยงว่า ขอตั้งข้อกล่าวหาว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีท่าทีเรื่องนี้ เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้กลุ่มคนเสื้อแดงไปบุกเขายายเที่ยงตามที่ได้ประกาศไว้ และพยายามให้คนเสื้อแดงขยายวงไปเรื่อยๆ จนมีการพูดขยายถึงที่ จ.พัทลุง โดยมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและเปิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงก์มา ถือเป็นพฤติกรรมที่แปลกและเป็นครั้งแรกที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมที่ภาคใต้ และกระทำโดยแกนนำ 3 คน ที่เป็นคนใต้ โดยกล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม เชื่อว่าคนใต้รับไม่ได้ เพราะเป็นการกล่าวบิดเบือน บุคคลทั้งสองเป็นปูชนียบุคคลของภาคใต้ แต่กลับถูกคนใต้นอกคอกมาย่ำยีโจมตีจนได้รับความเสียหาย แต่กลับไปเทิดทูนอดีตนายกฯ ที่ถูกดำเนินคดีว่า โกงชาติโกงแผ่นดิน จึงอยากให้สังคมไทยพิจารณาดู เพราะพฤติกรรมดังกล่าวคนใต้อาจรับไม่ได้จนเกิดความขัดแย้ง ไม่อยากให้ความขัดแย้งขยายวงไปพื้นที่ภาคใต้
นายเทพไทกล่าวว่า ตนติดใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าการเมืองบ้านเรากำลังเป็นการเมืองขั้นสุดท้าย เหมือนคนลงแดง การเมืองโสมมกำลังจะหมดไป เราจะช่วยกันวางอนาคตให้มีความเท่าเทียมกัน ไม่มีฐานันดร ซึ่งตนได้ไปเปิดพจนานุกรมพบว่า คำว่า ฐานันดร หมายความว่า ระดับชั้น หรือยศของพระบรมวงศานุวงศ์ไทยในสมัยโบราณ เทียบกับคำภาษาอังกฤษ คือ Royal Title จึงอยากถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าต้องการสื่อความหมายอะไร ถ้าหากจะแก้ตัวว่าไม่เข้าใจภาษาไทย ก็ไปดูภาษาอังกฤษดังกล่าว แต่หากจะอ้างว่าหมายถึงอำมาตย์หรือองคมนตรี ก็ให้ไปดูพจนานุกรม เขาให้ความหมายคำเหล่านี้ว่าบรรดาศักดิ์ ไม่ใช่ฐานันดรศักดิ์ จึงคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงจิตใต้สำนึกที่ตัวเองมีต่อสถาบันเบื้องสูงของไทยมาโดยตลอด
นายเทพไทกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคเพื่อไทยพยายามเสี้ยมให้พรรคร่วมรัฐบาลหยิบยกรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ ซึ่งจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาลชัดเจน คือ แก้เพียง 2 มาตรา ดังนั้น การหยิบรัฐธรรมนูญ 40 มาถือว่ามีเจตนาอำพรางที่จะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้หลุดคดีในศาล รวมถึงความผิดอื่นทั้งหมด และเนื้อหาในรัฐธรรมนูญ 40 และ 50 ไม่แตกต่างกัน รัฐธรรมนูญปี 50 เป็นการอุดรอยรั่วของรัฐธรรมนูญปี 40 มากกว่า ดังนั้น การที่พรรคเพื่อไทยคลั่งรัฐธรรมนูญปี 40 เพราะให้คุณประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเข้าสู่อำนาจ และใช้อำนาจนอกระบบ และเปิดโอกาสให้แทรกแซงองค์กรอิสระจนทำให้รัฐบาลเข้มแข็ง หาผลประโยชน์จากนโยบายทับซ้อนซึ่งเป็นต้นเหตุในการปฏิวัติ 19 ก.ย.49 และไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยดิ้นรนเอารัฐธรรมนูญปี 40 มาเป็นอนุสรณ์ทางการเมืองให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกต่อไป