ASTVผู้จัดการรายวัน - ป.ป.ช.ส่งหนังสือให้กระทรวงคลังยึดทรัพย์ "ทักษิณ" ตามคำพิพากษาได้ทันที ไม่ต้องรอผลยื่นอุทธรณ์ "กรณ์" เผยยังไม่เซ็นต์หนังสือแบงก์ชาติกรณีอนุญาตให้ขนเงินลงทุนนอก หวังสกัด "โอ๊ค-เอม" โอนเงินเข้าบัญชีบริษัทย่อยของแม้วที่ดูไบ แบงก์ชาติชี้โอนไม่เกินครั้งละ 100 ล้านเหรียญ แบงก์ทำได้เอง แต่ถ้าหากมีปัญหาหรือทำรายการเท็จต้องรับผิดชอบ
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่าได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้บังคับคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว จำนวน 46,373 ล้านบาท ตามคำสั่งศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้วเมื่อเช้านี้ (29 มี.ค.) โดยสามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องรอผลการยื่นอุทธรณ์ของจำเลย
"กระทรวงการคลังจะมอบหมายให้กรมบัญชีกลางดำเนินการตามกรอบกฎหมายทันที เพราะว่าหากไม่ดำเนินการก็จะมีความผิด ขณะนี้พร้อมจะเข้ายึดทรัพย์ได้ เพราะได้จัดทำบัญชีแยกทรัพย์สินของแต่ละแบงก์ไว้แล้วทั้งหมด แต่หากการยื่นอุทธรณ์แล้วที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับ กระทรวงการคลังก็พร้อมจะคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวทันทีเช่นกัน"
สำหรับทรัพย์สินส่วนที่เหลือจาก 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งศาลฯ สั่งถอนอายัดและขณะนี้เจ้าทรัพย์เร่งทยอยเบิกถอนเงินนั้น นายกรณืกล่าวว่า กังวลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากก่อนหน้านี้กรมสรรพากรได้อายัดทรัพย์สินไว้แล้วเพื่อนำมาชำระภาษีค้างจ่ายของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ซึ่งไปทับซ้อนกับเงินที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีให้ยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งอายัดไว้ แต่พบว่าศาลฯได้สั่งถอนอายัดเงินในบัญชีดังกล่าว เนื่องจากการอายัดทรัพย์สินของกรมสรรพากรไม่เกี่ยวข้องกับการอายัดทรัพย์ของคตส.
แม้ภายหลังกรมสรรพากรได้อายัดทรัพย์สินนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา เพิ่มเติม ซึ่งส่วนมากจะเป็นหุ้นที่ทั้งสองคนถืออยู่ แต่การทยอยถอนเงินสดจากบัญชีเงินสดที่บริษัทซึ่งทั้งสองเป็นกรรมการและมีอำนาจเซ็นต์อนุมัตินั้น อาจส่งผลกระทบให้มูลค่าหุ้นลดลงตามมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดลง การกระทำดังกล่าวจึงอาจเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา หากคดีค้างภาระภาษีสิ้นสุดลงซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้องต่อศาลภาษีอากร
"ผมกังวลว่าหากทยอยถอนเงินออกเช่นนี้จะทำให้ถึงที่สุดแล้วจะมีเงินเหลือน้อยจนไม่เพียงพอจะเสียภาษีที่ค้างอยู่เดิม 1.2 หมื่นล้านบาทได้ ซึ่งส่วนนี้ก็จะไปโทษธนาคารพาณิชย์ที่ให้ถอนไม่ได้เพราะเขาก็ทำตามหน้าที่และกฎหมาย ไม่มีสิทธิเลือกข้างฝ่ายใด"นายกรณ์กล่าว
ด้านนายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทที่นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทาเป็นกรรมการและมีอำนาจลงนามอนุมัติแล้วว่า การทยอยถอนเงินจะทำให้มูลค่าหุ้นลดลงหรือไม่
ส่วนนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ยอมรับว่าการทยอยถอนเงินที่ศาลสั่งให้ถอนอายัดอาจมีผลต่อเม็ดเงินที่จะนำมาชำระค่าความเสียหายของหน่วยงานรัฐ ทั้ง บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาความเสียหายจากการแก้สัญญาสัมปทานในช่วง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา จะผ่อนคลายให้นิติบุคคลสามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้โดยไม่จำกัดวงเงิน โดยได้ทำหนังสือเพื่อขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาและออกประกาศกระทรวงการคลังนั้น ขณะนี้นายกรณ์ยังไม่ได้ลงนามแต่อย่างใด เนื่องจากหวั่นว่าการตั้งบริษัทย่อยจำนวนมากในดูไบของพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงระยะนี้ อาจเพื่อรับโอนเงินจากบัญชีที่ศาลฯ สั่งถอนอายัด
แหล่งข่าว ธปท.ชี้แจงว่า ตามกฎหมายของ ธปท.ในขณะนี้ การโอนเงินจากบริษัทลูกไปบริษัทแม่ในต่างประเทศ หรือ บริษัทแม่ไปบริษัทลูกในต่างประเทศ มีวงเงินสูงสุดที่ ธปท.อนุญาตให้โอนได้ไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยไม่ต้องขออนุญาตธปท.เป็นกรณีพิเศษ โดยธนาคารพาณิชย์สามารถตกลงดำเนินการให้กับลูกค้าได้เลย หากตรวจสอบแล้วเป็นการทำธุรกรรมการส่งเงินเพื่อให้กู้ยืม หรือนำไปลงทุนตามปกติจริง แต่ธนาคารพาณิชย์จะต้องรับผิดชอบธุรกรรมดังกล่าวหากเกินปัญหาขึ้นภายหลัง หรือเป็นเท็จ เพราะการโอนเงินทุกครั้งของธนาคารพาณิชย์จะต้องมีการเก็บหลักฐานเพื่อให้ธปท.ตรวจสอบอยู่แล้ว.
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่าได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้บังคับคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว จำนวน 46,373 ล้านบาท ตามคำสั่งศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้วเมื่อเช้านี้ (29 มี.ค.) โดยสามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องรอผลการยื่นอุทธรณ์ของจำเลย
"กระทรวงการคลังจะมอบหมายให้กรมบัญชีกลางดำเนินการตามกรอบกฎหมายทันที เพราะว่าหากไม่ดำเนินการก็จะมีความผิด ขณะนี้พร้อมจะเข้ายึดทรัพย์ได้ เพราะได้จัดทำบัญชีแยกทรัพย์สินของแต่ละแบงก์ไว้แล้วทั้งหมด แต่หากการยื่นอุทธรณ์แล้วที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับ กระทรวงการคลังก็พร้อมจะคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวทันทีเช่นกัน"
สำหรับทรัพย์สินส่วนที่เหลือจาก 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งศาลฯ สั่งถอนอายัดและขณะนี้เจ้าทรัพย์เร่งทยอยเบิกถอนเงินนั้น นายกรณืกล่าวว่า กังวลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากก่อนหน้านี้กรมสรรพากรได้อายัดทรัพย์สินไว้แล้วเพื่อนำมาชำระภาษีค้างจ่ายของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ซึ่งไปทับซ้อนกับเงินที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีให้ยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งอายัดไว้ แต่พบว่าศาลฯได้สั่งถอนอายัดเงินในบัญชีดังกล่าว เนื่องจากการอายัดทรัพย์สินของกรมสรรพากรไม่เกี่ยวข้องกับการอายัดทรัพย์ของคตส.
แม้ภายหลังกรมสรรพากรได้อายัดทรัพย์สินนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา เพิ่มเติม ซึ่งส่วนมากจะเป็นหุ้นที่ทั้งสองคนถืออยู่ แต่การทยอยถอนเงินสดจากบัญชีเงินสดที่บริษัทซึ่งทั้งสองเป็นกรรมการและมีอำนาจเซ็นต์อนุมัตินั้น อาจส่งผลกระทบให้มูลค่าหุ้นลดลงตามมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดลง การกระทำดังกล่าวจึงอาจเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา หากคดีค้างภาระภาษีสิ้นสุดลงซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้องต่อศาลภาษีอากร
"ผมกังวลว่าหากทยอยถอนเงินออกเช่นนี้จะทำให้ถึงที่สุดแล้วจะมีเงินเหลือน้อยจนไม่เพียงพอจะเสียภาษีที่ค้างอยู่เดิม 1.2 หมื่นล้านบาทได้ ซึ่งส่วนนี้ก็จะไปโทษธนาคารพาณิชย์ที่ให้ถอนไม่ได้เพราะเขาก็ทำตามหน้าที่และกฎหมาย ไม่มีสิทธิเลือกข้างฝ่ายใด"นายกรณ์กล่าว
ด้านนายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทที่นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทาเป็นกรรมการและมีอำนาจลงนามอนุมัติแล้วว่า การทยอยถอนเงินจะทำให้มูลค่าหุ้นลดลงหรือไม่
ส่วนนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ยอมรับว่าการทยอยถอนเงินที่ศาลสั่งให้ถอนอายัดอาจมีผลต่อเม็ดเงินที่จะนำมาชำระค่าความเสียหายของหน่วยงานรัฐ ทั้ง บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาความเสียหายจากการแก้สัญญาสัมปทานในช่วง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา จะผ่อนคลายให้นิติบุคคลสามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้โดยไม่จำกัดวงเงิน โดยได้ทำหนังสือเพื่อขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาและออกประกาศกระทรวงการคลังนั้น ขณะนี้นายกรณ์ยังไม่ได้ลงนามแต่อย่างใด เนื่องจากหวั่นว่าการตั้งบริษัทย่อยจำนวนมากในดูไบของพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงระยะนี้ อาจเพื่อรับโอนเงินจากบัญชีที่ศาลฯ สั่งถอนอายัด
แหล่งข่าว ธปท.ชี้แจงว่า ตามกฎหมายของ ธปท.ในขณะนี้ การโอนเงินจากบริษัทลูกไปบริษัทแม่ในต่างประเทศ หรือ บริษัทแม่ไปบริษัทลูกในต่างประเทศ มีวงเงินสูงสุดที่ ธปท.อนุญาตให้โอนได้ไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยไม่ต้องขออนุญาตธปท.เป็นกรณีพิเศษ โดยธนาคารพาณิชย์สามารถตกลงดำเนินการให้กับลูกค้าได้เลย หากตรวจสอบแล้วเป็นการทำธุรกรรมการส่งเงินเพื่อให้กู้ยืม หรือนำไปลงทุนตามปกติจริง แต่ธนาคารพาณิชย์จะต้องรับผิดชอบธุรกรรมดังกล่าวหากเกินปัญหาขึ้นภายหลัง หรือเป็นเท็จ เพราะการโอนเงินทุกครั้งของธนาคารพาณิชย์จะต้องมีการเก็บหลักฐานเพื่อให้ธปท.ตรวจสอบอยู่แล้ว.