xs
xsm
sm
md
lg

ผ่าพิรุธแผนสรรพากรเอาเงินหมื่นล้านคืน “ทักษิณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการออนไลน์ – สัก กอแสงเรือง ชี้พิรุธกรมสรรพากร ร้อนรนเร่งดำเนินการเอาภาษีคืนจาก ธ.ไทยพาณิชย์ ผิดปกติ แฉ คตส.ให้โอกาสสรรพากรประเมินภาษีมาตลอด แต่ไม่ทำ แต่กลับมาเร่งตอนนี้ ชี้ไม่รักษาผลประโยชน์ชาติ หนุนไทยพาณิชย์อย่ากลัวคำขู่ผิด กม. อธิบดีเตรียมแถลงบ่ายพรุ่งนี้

จากกรณีเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข่าวออกมาว่า ผู้มีอำนาจในกระทรวงการคลังได้สั่งการให้กรมสรรพากรทำจดหมายถึงธนาคารไทยพาณิชย์ให้คืนเงินที่ธนาคารอายัดบัญชีทรัพย์สินของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างน้อย 12,000 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นวงเงินภาษีบวกค่าปรับเงินเพิ่ม

ร่างจดหมายอ้างว่า เนื่องจากกรมสรรพากรมีคำสั่งเรียกเก็บภาษีพร้อมค่าปรับเงินเพิ่มรวม 12,000 ล้านบาท จากนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา เป็นวงเงินที่เกิดจากบริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนต์ ขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ให้แก่บุคคลทั้ง 2 จำนวน 329.2 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 ในราคาหุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาด 47.25 บาท ทำให้บุคคลทั้งสองมีกำไรกว่า 15,000 ล้านบาท เมื่อบุคคลทั้งสองไม่ยอมชำระภาษีดังกล่าว กรมสรรพากรจึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์ของบุคคลทั้งสอง แต่ติดปัญหาว่าทรัพย์สินจำนวน 76,000 ล้านบาทของบุคคลทั้งสองถูก คตส.อายัดไว้ กรมสรรพากรจึงต้องการให้ธนาคารส่งเงินจำนวนดังกล่าวมาให้ โดยกรมฯ ได้แนบหนังสือที่แจ้งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย

ขณะที่ในวันนี้ (24 ส.ค.) ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ออกหนังสือชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้รับหนังสือคำสั่งจากกรมสรรพากร เมื่อตอนบ่ายวันที่ 22 สิงหาคม 2551 ซึ่งธนาคารยินดีที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ตอนนี้เงินในบัญชีเงินฝากทั้งสองคนอยู่ภายใต้คำสั่งอายัดทรัพย์ของ คตส.เช่นกัน ซึ่งคำสั่งทั้งสองมีความขัดแย้งในทางปฏิบัติ และหากธนาคารปฏิบัติตามคำสั่งใดคำสั่งหนึ่งก็จะเป็นการฝ่าฝืนอีกคำสั่งหนึ่งซึ่งเป็นความผิดมีโทษทางอาญาได้ ดังนั้น นายกกรรมการธนาคาร จึงได้มีคำสั่งให้นำเรื่องหนังสือของกรมสรรพากรหารือในการประชุมคณะกรรมการธนาคารโดยเร็ว รวมทั้งธนาคารได้ทำคำร้องไปยังศาลปกครองและทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อขอความกระจ่างในการปฏิบัติ ในระหว่างนี้ธนาคารจะยังคงเก็บรักษาเงินในบัญชีดังกล่าวอยู่

“สัก” แฉข้อพิรุธสรรพากร

ล่าสุด นายสัก กอแสงเรือง อดีตโฆษก คตส.ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า ตนไม่ทราบว่าเหตุใดกรมสรรพากรจึงต้องมาเร่งดำเนินการในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่ คตส.มีคำสั่งให้ กรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บภาษีจากบุคคลทั้งสองตั้งแต่ก่อนเดือนพฤษภาคม 2550 โดยก่อนนี้กรมสรรพกรได้ดำเนินการยึดทรัพย์ของบุคคลทั้งสองไว้เป็นหุ้นจำนวนหนึ่ง พร้อมกับที่ดิน ซึ่งมีมูลค่าใกล้เคียงกับยอดที่ต้องถูกประเมินเรียกเก็บภาษี แต่กรมสรรพากรกลับมาสนใจเงินที่อยู่ในธนาคารพาณิชย์จำนวนกว่า 30,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เป็นเงินก้อนเดียวกันกับที่ คตส. มีมติอายัดไว้ ทั้งๆ ที่เงินก้อนดังกล่าวก็ไม่ได้หนีไปไหน จนกว่าศาลจะพิพากษาจนถึงที่สุด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่กรมสรรพากรอ้างถึงสาเหตุที่ต้องเร่งรัด เนื่องจากกรมสรรพากรจะต้องถอนอายัดภายใน 15 วัน เพราะหากไม่ดำเนินการจะทำให้เบี้ยปรับเงินเพิ่ม ซึ่งจะเกิดผลเสียกับผู้เสียภาษีสมเหตุสมผลหรือไม่ นายสัก ตอบว่า กรมสรรพากรมีหน้าที่รักษาเงินของแผ่นดิน เหตุใดจึงต้องมาเดือดร้อนแทนผู้ถูกอายัดทรัพย์ แทนที่กรมสรรพากรจะออกมาปกป้องรักษาสมบัติของชาติและไม่ใช่หน้าที่ของกรมสรรพากรในการออกมาดำเนินการแทนผู้ถูกกล่าวหา เพราะที่ผ่านมา คตส.ได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้วางหลักทรัพย์ค้ำประกันและต่อสู้เพื่อพิสูจน์ทรัพย์สินมาโดยตลอด แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับไม่ยอมปฏิบัติตาม

“คตส.ส่งเรื่องให้กรมสรรพากรดำเนินการมาตั้งนานแล้วแต่ไม่สนใจ จึงอยากให้กรมสรรพากรได้ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติด้วย โดยเฉพาะที่ คตส.ส่งเรื่องให้ประเมินเรียกเก็บภาษีบริษัทแอมเพิลริชฯ ที่มีเงินได้พึงประเมินในฐานะนิติบุคคล ต้องชำระหนี้กว่า 15,000 ล้านบาท เนื่องจากมีกรรมการเป็นคนไทย และมีรายได้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย รวมถึงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายอีก 5,000 ล้านบาท รวมเป็น 20,000 ล้านบาท โดยส่งเรื่องให้กรมสรรพากรดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2550 แต่ถึงขณะนี้กลับไม่มีความคืบหน้า” อดีตโฆษก คตส.กล่าว

ต่อกรณีที่กรมสรรพากร อ้างว่า จะดำเนินการตามกฎหมายข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่กับธนาคารไทยพาณิชย์ นายสัก กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของธนาคารจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะต้องปฏิบัติตามมติอายัดทรัพย์ของ คตส.ซึ่งธนาคารเคยทำหนังสือสอบถามไปยัง อัยการสูงสุด และ ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งทั้งสององค์กรระบุชัดว่าไม่สามารถถอนอายัดได้จนกว่ากระบวนการพิจารณาของศาลจะถึงที่สุด

“ธนาคารไทยพาณิชย์ อย่าไปกลัวคำขู่ของกรมสรรพากร เพราะธนาคารก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตามคำสั่งของอัยการ และ ป.ป.ช.เช่นเดียวกัน เมื่อกรมสรรพากรอ้างกฎหมายธนาคารก็อ้างกฎหมายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงต้องรอไปจนกว่าศาลจะตัดสิน ให้เป็นหน้าของศาลจะดีกว่า”

อนึ่งในวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) ช่วงบ่าย นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร แจ้งผ่านผู้สื่อข่าวว่าจะเปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น