ผู้จัดการออนไลน์ - ‘เลี้ยบ’ เร่งทำงานให้นายใหญ่ สั่งสรรพากรประชุมด่วนพิจารณาเรื่องขอคืนเงินอายัด 1.2 หมื่นล้านที่อยู่ใน ธ.ไทยพาณิชย์ ให้ ‘โอ๊ค-เอม’ ตั้งเป้ารวบรัดให้เสร็จในวันนี้ ก่อนที่วันจันทร์อัยการสูงสุดจะยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลฎีกาให้เงิน 76,000 ล้านตกเป็นของแผ่นดิน เผยสกัดทุกวิถีทางไม่ให้เรื่องผ่านไปถึง ป.ป.ช.
วันนี้ (22 ส.ค.) แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า จากกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวในบัญชีขายหุ้นชินคอร์ป และบัญชีอื่นทุกสถาบันการเงินวงเงินกว่า 76,000 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมาทางอัยการสูงสุดได้เห็นชอบกับการให้ยื่นฟ้องคดีอายัดทรัพย์ แต่ได้พิจารณาให้มีการปรับถ้อยคำในคำฟ้องบางส่วน และจะนำคำฟ้องยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ภายในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค.นี้
โดยสำนวนคดีร้องดังกล่าว ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งให้ทรัพย์สินจำนวน 76,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์ให้กับธุรกิจของครอบครัวชินวัตร หลังจากที่คณะกรรมการร่วมอัยการ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ (ป.ป.ช.) ได้ประชุมหารือกันแล้ว ป.ป.ช.ยืนยันต้องการให้อัยการส่งสำนวนยึดทรัพย์ทั้ง 76,000 ล้านบาท
ล่าสุดมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งให้กรมสรรพากรดำเนินการขอคืนเงินอายัดจำนวนดังกล่าวโดยด่วน ก่อนที่ทางอัยการสูงสุดจะยื่นคดีฟ้องร้องต่อศาลในวันจันทร์อันจะส่งผลให้ทางครอบครัวชินวัตรไม่สามารถเรียกคืนเงินมาได้อีกเลย
“ช่วงก่อนหน้านี้มีการสั่งการไปยังสรรพากร ภาค 1 ที่ดูแลพื้นที่ในเขตที่ตั้งของธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่อยู่ ให้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ส่งคืนเงินอายัดในส่วนของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตรมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท” แหล่งข่าวกล่าว นอกจากนี้ยังมีความพยายามกดดันผ่านทาง นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากรให้เร่งดำเนินการด้วย ทว่าตอนนี้นายศานิตได้พยายามหลบเลี่ยง และปัจจุบันเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ทำให้ นพ.สุรพงษ์ต้องอาศัย คนในกรมสรรพากรระดับรองอธิบดีและข้าราชการระดับสูงเข้ามาดำเนินการแทน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวต่อว่า “พอมีคำสั่งมา ทางข้าราชการสรรพากร ภาค 1 ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องจึงพยายามเสนอให้ทางสรรพากรทำจดหมายถาม ป.ป.ช.ก่อน แต่ทางรัฐมนตรีก็พยายามดึงเรื่องไม่ให้อธิบดีลงนามในจดหมาย และพยายามจะรวบรัดตัดตอนให้มีการคืนเงินเลย”
“วันนี้มีการเรียกประชุมในระดับผู้บริหารของสรรพากรโดยด่วน โดยเขามุ่งหวังว่าจะรวบรัดออกคำสั่งให้ ธ.ไทยพาณิชย์ โอนเงิน 12,000 ล้านบาทคืนให้กับกรมสรรพากร ก่อนที่วันจันทร์ทางอัยการจะส่งเรื่องฟ้องศาลฎีกา” แหล่งข่าวระบุ
สำหรับวิธีการดำเนินการถ่ายโอนเงินกลับไปให้ครอบครัวชินวัตรนั้น แหล่งข่าวระบุว่า มีการวางแผนให้คณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทาลงมติว่า บุคคลทั้งสองไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งกรมสรรพากรต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวที่อายัดไว้ให้ โดยวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการเดียวกับวิธีการที่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมของ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ใช้ขอคืนเงินภาษีจำนวน 546 ล้านบาท จากการซื้อหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จากกรมสรรพากรมาแล้ว (อ่านข่าว : คลังเผยคดีขาดอายุความ ต้องคืนเงินภาษี “บรรณพจน์” 546 ล. 3 มี.ค. 2551)