**พวกส.ส.เพื่อไทย-นักธุรกิจ-ข้าราชการโดยเฉพาะสายคนมีสี ทั้งทหาร ตำรวจ–เครือข่ายระบอบทักษิณทุกชนชั้น พอรู้ที่หมายแน่นอนว่า ช่วง 15-17 มีนาคมนี้ ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าไปที่กัมพูชา
เพื่อปักหลักบัญชาการช่วยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในหลายต่อหลายเรื่อง บนการคาดหมายเช่น การแก้ปัญหาสินค้าแพง, การช่วยสกีนโครงการพัฒนาจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ถิ่นของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเข้าครม.สัญจร ที่ภูเก็ต 19 มีนาคมนี้ , การไปนั่งฟังการรายงานตัวของพวกส.ส.เพื่อไทย ที่จะไปเล่าสรุปสถานการณ์การเมืองให้ได้ยินเสียงกันชัดๆ ทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นต้น
มีข่าวว่า ส.ส.-แกนนำเพื่อไทย โดยเฉพาะพวก 111 ไทยรักไทย ตีตั๋วเตรียมบินไปคำนับทักษิณ รอบนี้ขบวนใหญ่ แต่เนื่องจากกัมพูชาไม่เหมือนฮ่องกง หรือที่อื่น ทักษิณ และคนที่ไปที่กัมพูชาต่างพยายามปิดข่าวกันเอาไว้ เพื่อไม่ให้เอิกเกริกจนเกินเหตุ
ทักษิณเองก็รู้จะมีคนไปเสนอหน้าเยอะ เลยอาจเปลี่ยนโปรแกรมการไปกัมพูชา แบบกระทันหันบางโปรแกรม เพื่อหลบหน้าพวกจะมาเอาใจ ขอตำแหน่ง อาทิ อาจจะเร่งวันการไปถึงกัมพูชาให้เร็วขึ้น จากเดิมที่มีข่าวจะไป 15 มีนาคม ก็มีข่าวว่าเข้าไปตั้งแต่ 13 มีนาคม แล้ว
ส่วนหนึ่งคงเพราะทักษิณไม่อยากให้ตกเป็นข่าวมากนัก จะได้ไม่ตกเป็นเป้าสื่อมวลชน ว่าไปกัมพูชาเพื่อพบกับฮุน เซน แล้วจะไปเจรจาผลประโยชน์ทางธุรกิจอะไรกัน เหมือนที่แล้วมาหรือไม่
โดยเฉพาะผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาล สูงกว่าผลประโยชน์จากธุรกิจโทรศัพท์มือถือมากมายนัก
ทักษิณ ก็ถูกจับตามองมาตลอดถึงเรื่องผลประโยชน์ที่จ้องอยู่ในธุรกิจพลังงานในกัมพูชา ซึ่งค่อนข้างมีอนาคตสดใส เห็นได้จากบริษัทธุรกิจพลังงานระดับโลกหลายแห่งที่ต้องการเข้าไปลงทุนอาทิ เชฟร่อน –บริษัทโคโนโก้ รอบนี้ ก็เลยอาจต้องมี
**ว.5 ที่กัมพูชากันบ้าง สำหรับการพบปะเจราจาของทักษิณ กับฮุน เซน
ยิ่งก่อนหน้านี้ มีการเสนอข่าวจากสื่อมวลชน เช่น พนมเปญโพสต์ จับจ้องการเคลื่อนไหวของทักษิณในการไปกัมพูชารอบนี้ว่า ดันมาเกิดขึ้นในช่วงที่ ฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา จะไปที่กรุงเฮก ในช่วงปลายสัปดาห์นี้เช่นกัน เพื่อส่งมอบเอกสารการสู้คดีเขาพระวิหาร หลังเกิดเหตุสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างหนักเมื่อปี 2554 และมีรายงานว่าศาลโลก เตรียมตัดสินคดีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
โดยบางกระแสก็วิเคราะห์กันไปว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ทักษิณ ต้องการเล่นบทนักเจรจาความ คือจะไปเจรจาให้กัมพูชาถอนคำร้องออกจากศาลโลก เพื่อไม่ให้ไปถึงวันที่ศาลจะมีคำพิพากษา
เพราะปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จนมีการยิงอาวุธหนักใส่กันหลายครั้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงปี 2554 เกิดสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มี กษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ แต่ปรากฏว่า มาสมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรมว.ต่างประเทศ สัมพันธ์ไทย-กัมพูชา มีแต่ ชื่นมื่น
ฮุน เซน ส่ง ฮุน มาเน็ต บุตรชายมาร่วมงานแต่งงาน พิณทองทา ชินวัตร ถึงกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้กัมพูชา ก็ยังเปิดสนามกีฬาจัดแข่งฟุตบอลการเมืองระหว่างคนในรัฐบาลกัมพูชา กับแกนนำเสื้อแดง หวดแข้ง กันสนุกสนาน
แล้วจะมาฟ้องร้องคดีกันทำไม กับเรื่องที่เกิดจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งเป็นศัตรูร่วมกันของทั้งทักษิณ และฮุน เซน
แถมหากผลออกมา ฝ่ายไหนชนะแล้วอีกฝ่ายแพ้ ก็มีแต่ทำให้ คะแนนนิยมของรัฐบาลต่อประชาชนในประเทศตัวเองลดลง และอาจเกิดปัญหาการเมืองตามมา อันเป็นเรื่องไม่ดีต่อทั้งทักษิณ และฮุน เซน ที่เป็นมากกว่าพันธมิตรทางการเมือง
**สู้จบเรื่องค้าความแล้ว มาเดินหน้า ค้าขาย ทำธุรกิจกันดีกว่า
**ถอนเรื่องออกไปแล้ว ก็มาจับมือตั้งโต๊ะกัน เพื่อบริหารจัดการพื้นที่แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน
ส่วนเรื่องที่ ทักษิณ จะช่วยเจรจาให้กัมพูชาปล่อยตัว วีระ สมความคิด ที่ตอนนี้ป่วยหนัก ดูแล้วคงยากจะเกิดขึ้น เพราะทักษิณ ใครก็รู้ดีว่า แยกมิตรแยกศัตรูชัดเจน
แล้วจะไปช่วยวีระ ที่ชอบตรวจสอบวิจารณ์ระบอบทักษิณอย่างเผ็ดร้อนทำไม หากจะทำก็อาจแกล้งสร้างภาพไปบ้าง แต่สำหรับความจริงใจแล้ว คงยากจะได้เห็น
เพราะหากทักษิณหรือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะช่วย เจรจาให้ ป่านนี้ วีระได้กลับประเทศนานแล้ว เพราะแค่ ฮุน เซน สั่งให้ปล่อยคำเดียว ก็ทำได้แล้ว สำหรับกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาที่ ฮุน เซน คือผู้มีอำนาจสูงสุด สั่งได้ทุกเรื่อง
กระนั้นก็เชื่อว่า ตัววีระ สมความคิด แม้จะป่วยไม่สบายอยู่ในเรือนจำกัมพูชา แต่วีระ ก็คงไม่คิดอยากได้ความช่วยเหลือจากทักษิณ ผู้ต้องหาคดีทุจริต คอร์รัปชันแน่นอน
** การไปกัมพูชาของทักษิณ เจ้าตัวก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไร ไม่ได้มาเจรจาอะไร มาพบเพื่อนเก่า เพราะของอย่างนี้ ไม่มีใครเขามาบอกกันหรอกว่า ไปปิดห้องเจรจาตกลงอะไรกัน
เพื่อปักหลักบัญชาการช่วยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในหลายต่อหลายเรื่อง บนการคาดหมายเช่น การแก้ปัญหาสินค้าแพง, การช่วยสกีนโครงการพัฒนาจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ถิ่นของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเข้าครม.สัญจร ที่ภูเก็ต 19 มีนาคมนี้ , การไปนั่งฟังการรายงานตัวของพวกส.ส.เพื่อไทย ที่จะไปเล่าสรุปสถานการณ์การเมืองให้ได้ยินเสียงกันชัดๆ ทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นต้น
มีข่าวว่า ส.ส.-แกนนำเพื่อไทย โดยเฉพาะพวก 111 ไทยรักไทย ตีตั๋วเตรียมบินไปคำนับทักษิณ รอบนี้ขบวนใหญ่ แต่เนื่องจากกัมพูชาไม่เหมือนฮ่องกง หรือที่อื่น ทักษิณ และคนที่ไปที่กัมพูชาต่างพยายามปิดข่าวกันเอาไว้ เพื่อไม่ให้เอิกเกริกจนเกินเหตุ
ทักษิณเองก็รู้จะมีคนไปเสนอหน้าเยอะ เลยอาจเปลี่ยนโปรแกรมการไปกัมพูชา แบบกระทันหันบางโปรแกรม เพื่อหลบหน้าพวกจะมาเอาใจ ขอตำแหน่ง อาทิ อาจจะเร่งวันการไปถึงกัมพูชาให้เร็วขึ้น จากเดิมที่มีข่าวจะไป 15 มีนาคม ก็มีข่าวว่าเข้าไปตั้งแต่ 13 มีนาคม แล้ว
ส่วนหนึ่งคงเพราะทักษิณไม่อยากให้ตกเป็นข่าวมากนัก จะได้ไม่ตกเป็นเป้าสื่อมวลชน ว่าไปกัมพูชาเพื่อพบกับฮุน เซน แล้วจะไปเจรจาผลประโยชน์ทางธุรกิจอะไรกัน เหมือนที่แล้วมาหรือไม่
โดยเฉพาะผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาล สูงกว่าผลประโยชน์จากธุรกิจโทรศัพท์มือถือมากมายนัก
ทักษิณ ก็ถูกจับตามองมาตลอดถึงเรื่องผลประโยชน์ที่จ้องอยู่ในธุรกิจพลังงานในกัมพูชา ซึ่งค่อนข้างมีอนาคตสดใส เห็นได้จากบริษัทธุรกิจพลังงานระดับโลกหลายแห่งที่ต้องการเข้าไปลงทุนอาทิ เชฟร่อน –บริษัทโคโนโก้ รอบนี้ ก็เลยอาจต้องมี
**ว.5 ที่กัมพูชากันบ้าง สำหรับการพบปะเจราจาของทักษิณ กับฮุน เซน
ยิ่งก่อนหน้านี้ มีการเสนอข่าวจากสื่อมวลชน เช่น พนมเปญโพสต์ จับจ้องการเคลื่อนไหวของทักษิณในการไปกัมพูชารอบนี้ว่า ดันมาเกิดขึ้นในช่วงที่ ฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา จะไปที่กรุงเฮก ในช่วงปลายสัปดาห์นี้เช่นกัน เพื่อส่งมอบเอกสารการสู้คดีเขาพระวิหาร หลังเกิดเหตุสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างหนักเมื่อปี 2554 และมีรายงานว่าศาลโลก เตรียมตัดสินคดีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
โดยบางกระแสก็วิเคราะห์กันไปว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ทักษิณ ต้องการเล่นบทนักเจรจาความ คือจะไปเจรจาให้กัมพูชาถอนคำร้องออกจากศาลโลก เพื่อไม่ให้ไปถึงวันที่ศาลจะมีคำพิพากษา
เพราะปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จนมีการยิงอาวุธหนักใส่กันหลายครั้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงปี 2554 เกิดสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มี กษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ แต่ปรากฏว่า มาสมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรมว.ต่างประเทศ สัมพันธ์ไทย-กัมพูชา มีแต่ ชื่นมื่น
ฮุน เซน ส่ง ฮุน มาเน็ต บุตรชายมาร่วมงานแต่งงาน พิณทองทา ชินวัตร ถึงกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้กัมพูชา ก็ยังเปิดสนามกีฬาจัดแข่งฟุตบอลการเมืองระหว่างคนในรัฐบาลกัมพูชา กับแกนนำเสื้อแดง หวดแข้ง กันสนุกสนาน
แล้วจะมาฟ้องร้องคดีกันทำไม กับเรื่องที่เกิดจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งเป็นศัตรูร่วมกันของทั้งทักษิณ และฮุน เซน
แถมหากผลออกมา ฝ่ายไหนชนะแล้วอีกฝ่ายแพ้ ก็มีแต่ทำให้ คะแนนนิยมของรัฐบาลต่อประชาชนในประเทศตัวเองลดลง และอาจเกิดปัญหาการเมืองตามมา อันเป็นเรื่องไม่ดีต่อทั้งทักษิณ และฮุน เซน ที่เป็นมากกว่าพันธมิตรทางการเมือง
**สู้จบเรื่องค้าความแล้ว มาเดินหน้า ค้าขาย ทำธุรกิจกันดีกว่า
**ถอนเรื่องออกไปแล้ว ก็มาจับมือตั้งโต๊ะกัน เพื่อบริหารจัดการพื้นที่แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน
ส่วนเรื่องที่ ทักษิณ จะช่วยเจรจาให้กัมพูชาปล่อยตัว วีระ สมความคิด ที่ตอนนี้ป่วยหนัก ดูแล้วคงยากจะเกิดขึ้น เพราะทักษิณ ใครก็รู้ดีว่า แยกมิตรแยกศัตรูชัดเจน
แล้วจะไปช่วยวีระ ที่ชอบตรวจสอบวิจารณ์ระบอบทักษิณอย่างเผ็ดร้อนทำไม หากจะทำก็อาจแกล้งสร้างภาพไปบ้าง แต่สำหรับความจริงใจแล้ว คงยากจะได้เห็น
เพราะหากทักษิณหรือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะช่วย เจรจาให้ ป่านนี้ วีระได้กลับประเทศนานแล้ว เพราะแค่ ฮุน เซน สั่งให้ปล่อยคำเดียว ก็ทำได้แล้ว สำหรับกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาที่ ฮุน เซน คือผู้มีอำนาจสูงสุด สั่งได้ทุกเรื่อง
กระนั้นก็เชื่อว่า ตัววีระ สมความคิด แม้จะป่วยไม่สบายอยู่ในเรือนจำกัมพูชา แต่วีระ ก็คงไม่คิดอยากได้ความช่วยเหลือจากทักษิณ ผู้ต้องหาคดีทุจริต คอร์รัปชันแน่นอน
** การไปกัมพูชาของทักษิณ เจ้าตัวก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไร ไม่ได้มาเจรจาอะไร มาพบเพื่อนเก่า เพราะของอย่างนี้ ไม่มีใครเขามาบอกกันหรอกว่า ไปปิดห้องเจรจาตกลงอะไรกัน
