xs
xsm
sm
md
lg

เก็บภาษีทักษิณ1.2หมื่นล. ปชป.บี้คลังก่อนหมดอายุความเดือนนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (9มี.ค.) นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ายื่นหนังสือกับนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง และนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการให้กรมสรรพากร เก็บภาษีภาษีหุ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุความในเดือนมี.ค.นี้ หากไม่ดำเนินการจะทำให้รัฐเกิดความเสียหาย
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมสรรพากร ตีความคำพิพากษาของศาลภาษี และ ศาลฎีกาแผนคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคลาดเคลื่อน และผิดพลาด ว่า ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นของนายพานท้องแท้ ชินวัตร และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร เป็นโมฆะ ทำให้หุ้นเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน มาตลอด และได้ขายให้กับกองทุนเทมาเส็กในตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่ต้องเสียภาษี
"ศาลฎีกาฯได้วินิจฉัยว่านายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา กระทำการแทนพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง ศาลไม่ได้บอกว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้น เป็นโมฆะ"นายสรรเสริญ กล่าว
ทั้งนี้ หากกรมสรรพากรปล่อยให้การเก็บภาษีดังกล่าวหมดอายุความ ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายสรรเสริญ กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้านายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรมว.คลัง ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ดำเนินการเอาผิดทางอาญากับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ที่แจ้งข้อมูลการถือหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น เป็นเท็จจำนวนหลายครั้งกับก.ล.ต. ซึ่งมีบางกรณีจะหมดอายุความในเดือนมี.ค.นี้เช่นกัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สมัยที่นายกรณ์ เป็นรมว.คลัง ได้สั่งการ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการก.ล.ต. ในขณะนั้นหลายครั้ง ให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว แต่นายธีระชัย ยืนยันว่า ทั้งหมดไม่มีความผิด
ด้านนายทนุศักดิ์ กล่าวภายหลังการรับหนังสือว่า จะสอบถามไปยังกรมสรรพากรว่าได้ดำเนินการเก็บภาษีหุ้นของคนในครอบครัวชินวัตร ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งคิดว่าการดำเนินการของกรมสรรพากรที่ผ่านมา มีความชัดเจนแล้ว แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติ ส.ส. ที่มายื่นเรื่องนี้ ก็ต้องดำเนินการสอบถามตามขั้นตอนอีกครั้ง
ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหนึ่งในทีมเศรษฐกิจและทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทีมกฎหมายของพรรคได้ตัดสินใจเข้ายื่นหนังสือ ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สํานักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อเร่งรัดให้มีการดําเนินคดีอาญา ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ที่มีการปกปิดและแสดงเท็จ ในเอกสารของบริษัท SHIN สืบเนื่องจากคําตัดสินคดียึดทรัพย์ ผู้มีส่วนร่วมปกปิด และแสดงเท็จครั้งนั้น มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย
นายวิรัตน์ กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคต้องเร่งรัดให้ยื่นหนังสือ เนื่องจากอายุความคดีจะหมดประมาณสิ้นเดือนมี.ค.นี้ ดังนั้นทางพรรคจึงต้องยื่นหนังสือทวงถามให้ดำเนินการ เพราะหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแล้ว ยืนยันว่าจะสามารถดำเนินการเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ทันเวลาอย่างแน่นอน หากรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ยอมดำเนินการ อาจฟ้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ทั้งนี้ทางพรรคได้ยื่นหนังสือใน 2 ประเด็น ได้แก่
1. ยื่นโดยนายกรณ์ จาติกวณิช และ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ให้เร่งรัดให้มีการดําเนินคดีอาญา ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ที่มีการปกปิด และแสดงเท็จในเอกสาร ของ บ.ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สืบเนื่องจากคําตัดสินคดียึดทรัพย์ และผู้มีส่วนร่วมปกปิดและแสดงเท็จครั้งนั้นมีชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมอยู่ด้วย
2. ยื่นโดย นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ให้ติดตามรักษาผลประโยชน์ของชาติให้ถึงที่สุด จากกรณีมีภาษี 12,000 ล้านบาท จากธุรกรรมหุ้นชินเกิดขึ้น หากไม่เก็บจากลูกทั้งสองคน เพราะศาลตัดสินว่า เป็นของพ่อ ก็ควรกลับไปตามเก็บจากพ่อ กลับมาให้คนไทยให้ครบ 12,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน คือเจ้าของหุ้นตัวจริง ไม่ใช่นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ซึ่งศาลภาษีอากรกลาง ได้นำคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ดังกล่าว มาเป็นเป็นบรรทัดฐาน ส่งผลให้ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าว เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่ธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริง
นายสรรเสริญ กล่าวว่า แม้ว่าหุ้นดังกล่าวจะไม่ใช่ของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำการซื้อขายหุ้นดังกล่าว จาก บริษัท แอมเพิลริช ในนามของบุคคลทั้งสอง ซึ่งเป็นบุตรของตนเอง ดังนั้นจึงได้ประโยชน์จากการซื้อหุ้นในราคาต่ำ และมีส่วนต่างต้องชำระภาษี
ขณะที่ กรมสรรพากร ตีความเกินคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ เพราะศาลฎีกาฯ ไม่ได้ระบุว่า ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นโมฆะ อีกทั้ง ยังระบุว่า การเรียกเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นดังกล่าว จากบุคคลทั้งสองคือ นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา เป็นการดำเนินการตามประมวลรัษฎากร ของกรมสรรพากร
นอกจากนี้ กรณีที่ก.ล.ต.ปรับเงินนายพานทองแท้ กรณีที่ถือหุ้นชินเกิน 25 % แล้วไม่ได้แจ้งต่อ ก.ล.ต. และแม้กรมสรรพากรจะวินิจฉัยว่า การซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นโมฆะ ก.ล.ต. ก็ยังไม่ได้คืนเงินค่าปรับดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าก.ล.ต.ไม่ได้มองว่า ธุรกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะ ดังนั้น จึงขอให้กรมสรรพากร ดำเนินการจัดเก็บภาษี 12,000 ล้านบาท จากพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ในฐานะที่เป็นผู้ซื้อหุ้นดังกล่าวในราคาต่ำกว่าราคาตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น