รมช.คลังเงาปชป. ยื่น ป.ป.ช.เอาผิด "กิตติรัตน์ -ทนุศักดิ์ - สาธิต" ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เรียกเก็บภาษีตระกูลชิน 1.2 หมื่นล้าน จี้ กรมสรรพากร แจง แม้ว-พจมาน ยื่น ภงด 91 ในปี 50 หรือไม่ เตรียมก๊อกสองฟ้องแพ่งทวงภาษีคืนประชาชนอีกยก
วันนี้ (4 เม.ย.)นายสรรเสริญ สมะลาภา รมช.คลังเงาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง และนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่กรมสรรพากรไม่ดูแลผลประโยขน์ประชาชนมีการกลับลำการปฏิบ้ติงานของกรมสรรพากรในรัฐบาลยุคนี้ โดยคดีภาษี 1.2 หมื่นล้านบาทเป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีการขายหุ้นในสองระดับ คือ จากแอมเพิลริชไปยังนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้อำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินว่าถือหุ้นแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ เป็นการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องเก็บภาษี จากนั้นจึงมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ให้เทมาเส็ก ซึ่งพรรคไม่ติดใจในส่วนนี้เพราะได้รับการยกเว้นการเก็บภาษี แต่ในส่วนการซื้อขายจากแอมเพิลริชไปยังบุตรชายและบุตรสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรายได้ที่ต้องจ่ายภาษีให้รัฐ ซึ่งในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ติดตามเรื่องนี้มาตลอด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ
อย่างไรก็ตามเมื่อรัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ กรมสรรพากรก็กลับลำโดยในเดือนสิงหาคมซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีคำสั่งไม่เก็บภาษี นายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ล่าสุดกรมสรรพากรก็ไม่เก็บภาษีจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน โดยอ้างว่าเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทำให้ได้รับการยกเว้นในการจัดเก็บภาษี ถือว่าเป็นการตัดตอนพฤติกรรมการซื้อขาย เพราะในส่วนแรกที่การซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์เกิดขึ้นซึ่งจะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าหุ้นดังกล่าวไม่ใช่ของนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา แต่รายได้เกิดขึ้นแล้วจึงต้องมีผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ จึงเห็นว่ากรมสรรพากรตีความกฎหมายเอื้อประโยขน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน
นายสรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากยื่นเรื่องให้ ป.ปช.ดำเนินการในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลทั้งสามแล้ว ยังจะดำเนินการทวงเงินภาษี 1.2 หมื่นล้านให้ประชาชนชาวไทย ในช่องทางอื่นควบคู่ไปด้วยเพราะเห็นว่า ยังไม่หมดหวังที่ประเทศจะได้เงินก้อนนี้กลับคืนมา เนื่องจากกรมสรรพากรยังไม่ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ยื่นแบบ ภงด 91 ในปี 2550 หรือไม่ เพราะในเวลานั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่างประเทศจึงมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ได้ยื่นเสียภาษี ซึ่งจะทำให้คดียังไม่หมดอายุความ แต่จะมีเวลาอีก 5 ปี ต่อจากนี้ที่จะดำเนินการทวงภาษีกลีบมาให้พี่น้องประชาชน และจะพิจารณาดำเนินการฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายจากกรณีที่รัฐต้องสูญเาียรายได้จากการจัดเก็บภาษี 1.2 หมื่นล้านบาทด้วย โดยในส่วนนี้จะรอดูการตอบรับของ ป.ป.ช.ก่อนว่าจะรับเรื่องที่ร้องเรียนไปพิจารณาหรือไม่ เพราะหาก ป.ป.ช.เห็นด้วยกับคำร้องของตนก็เท่ากับยืนยันว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริง น่าจะนำไปสู่การยื่นฟ้องในคดีแพ่งตามมาได้