xs
xsm
sm
md
lg

คลังยึดทรัพย์แม้ว 4.6 หมื่นล้าน พบทั้งเงินสด-หุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – เปิดกรุสมบัตินักโทษชาย 4.6 หมื่นล้านเข้าคลังหลวง เป็นเงินสด 4 หมื่นล้าน หน่วยลงทุน-หุ้นใน 3 บลจ.วงเงิน 5.3 พันล้าน เล็งเปลี่ยนเป็นเงินสดทั้งหมด


แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ตัดสินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 4.6 หมื่นล้านบาทและให้ตกเป็นของแผ่นดินนั้นพบจากการตรวจสอบพบว่าเป็นส่วนของเงินสดประมาณ 4 หมื่นล้านบาทและเป็นหน่วยลงทุนและหุ้นที่ตระกูลชินวัตรถืออยู่ ประมาณ 5.3 พันล้านบาท ประกอบด้วย หน่วยลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไทยพาณิชย์ 2,237 ล้านบาท หน่วยลงทุน บลจ.กสิกรไทย 208 ล้านบาท หน่วยลงทุนบลจ.แอสเสท พลัส 172 ล้านบาท หุ้นที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2,722 ล้านบาท

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมบัญชีกลางและสำนักงานคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ(สคร.) กำลังตรวจสอบและพิจารณาแนวทางการโอนทรัพย์สินดังกล่าวมาที่กระทรวงการคลัง โดยจากการตรวจสอบของกรมบัญชีกลางในเบื้องต้นพบว่าจากทรัพย์สินที่อายัดไว้ 6.9 หมื่นล้านบาทนั้นมีส่วนของเงินสดเกินกว่า 4.6 หมื่นล้านบาทอยู่แล้ว จึงมีความเป็นไปได้ที่จะขอให้โอนทรัพยสินที่เป็นเงินสดทั้งหมดมาที่กระทรวงการคลังเพราะน่าจะดำเนินการได้ง่ายกว่าการรับโอนหุ้นและหน่วยลงทุน

“รัฐบาลและกระทรวงการคลังอยากให้การโอนทรัพย์สินเข้ามาเป็นของแผ่นดินทำได้เร็วและง่ายที่สุด หากจะโอนหุ้นและหน่วยลงทุนมาบริหารในระยะยาวอาจเป็นภาระและยุ่งยากในการโอนเปลี่ยนชื่อของผู้ถือครองหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเงินสดในธนาคารที่เกินกว่าจำนวนที่ตกเป็นของแผ่นดินอยู่แล้วก็น่าจะโอนเป็นเงินสดเข้ามาได้ทั้งหมดหลังพ้น 30 วันที่เปิดโอกาสให้จำเลยยื่นอุทธรณ์” แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาว่าจากคำตัดสินของศาลที่ให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินนั้น จะมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรเพราะกรณีนี้ไม่เหมือนคดีทั่วๆ ไปที่โจทย์นำเจ้าพนักงานไปบังคับคดียึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินก็จะโอนเงินเข้ามาที่คลังทันที ไม่ต้องเปิดเป็นบัญชีพิเศษ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อเสนอว่าให้เปิดบัญชีพิเศษที่สำนักงานปลัดก่อนจะนำมาฝากที่กรมบัญชีกลางเป็นเงินนอกงบประมาณ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ.
กำลังโหลดความคิดเห็น