xs
xsm
sm
md
lg

เรียกสื่อไทย-เทศแจงใช้พรบ.มั่นคง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้ (10 มี.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พล.ต.ดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายถนอม อ่อนเกตุพล โฆษกกทม. ร่วมกันแถลงข่าว ชี้แจงสื่อต่างประเทศ เกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรดูแลการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ระหว่างวันที่ 11-23 มี.ค.
ทั้งนี้ หลังการชี้แจงเหตุผลดังกล่าว ได้เปิดโอกาสให้สื่อต่างประเทศซักถาม โดยเริ่มจากคำถามที่ว่า มีเหตุชี้นำอะไรที่ทำให้รัฐบาลตัดสินใจประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ดูแลสถานการณ์ ซึ่งโฆษก กอ.รมน. ชี้แจงว่า ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ 1 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มเสื้อแดงมีความพยายามที่จะแสดงท่าทีให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีความสามารถที่จะดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมืองได้ เช่น การมีข่าวลือเรื่องการปฏิวัติ การสร้างสถานการณ์ด้วยการยิงลูกระเบิด ลอบวางระเบิดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐในการดูแลพื้นที่และในช่วงนี้ เป็นช่วงที่มีกำหนดว่าจะมีประชาชนจากต่างจังหวัดเข้ามาชุมนุมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราได้ข้อมูลว่า ทางแกนนำผู้ชุมนุม ยังมีทิศทาง แต่ละคนในลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งเกรงว่าจะมีบุคคลอื่น พยายามสร้างเหตุการณ์ให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่เข้ามาชุมนุม และพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นี้ จะเป็นเครื่องมือใช้ในการป้องกัน ระงับ ยับยั้ง การที่จะเกิดเหตุร้ายขึ้น ซึ่งเป็นการใช้อำนาจ ให้เจ้าหน้าที่สามารถดูแลได้ทั่วถึงมากขึ้น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้
ส่วนที่ถามว่า ฝ่ายความมั่นคงคิดว่าจะสามารถคุมสถานการณ์ได้ ด้วยกฎหมายนี้ หรือจะต้องยกระดับความแรงโดยนำกฎหมายอื่นมาใช้ พล.ต.ดิฎฐพร กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบกเคยกล่าวไว้ว่า ไม่น่าจะยกระดับการแก้ปัญหาจากการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไปสู่การประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เราคิดว่าสามารถดูแลได้ ในการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง
เมื่อถามว่า คิดว่าสถานการณ์จะเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับเหตุการณ์เดือนเม.ย. ปีที่ผ่านมา เกรงว่านักท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบ นายปณิธาน กล่าวว่า นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างประเทศไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของกลุ่มผู้ชุมนุม และเราพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ขอให้ระมัดระวังการเข้าไปในบางสถานการณ์ที่อ่อนไหว อย่างไรก็ตาม ทางการได้ดึงมวลชนเข้ามาเป็นอาสาสมัคร เข้ามาร่วมในการสอดส่องดูแลความผิดปกติด้วย
สำหรับทำเนียบรัฐบาลนั้น ถือเป็นสถานที่ที่ได้รับการปกป้องอยู่แล้ว เป็นเขตหวงห้ามไม่ให้มีการชุมนุม หากมีความพยายามที่เข้ามายึด ทางการจะมีการแก้ไขสถานการณ์ตามลำดับ เมื่อถามว่า การที่นายกฯ ยกเลิกการเดินทางไปเยือนออสเตรเลีย ทำให้สูญเสียความเป็นผู้นำหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่าไม่เกี่ยว เพราะเมื่อมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็ไม่เดินทางไปอยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นไร
ส่วนข่าวการลอบวางระเบิด 40 จุด ในพื้นที่กทม.นั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ ชี้แจงว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังประสานงานด้านการข่าวอยู่กับฝ่ายรัฐบาล ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ

**"สาทิตย์"ชี้แจงสื่อไทย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกันนี้ ที่กรมประชาสัมพันธ์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญตัวแทนสื่อมวลชนแขนงต่างๆ สถานีโทรทัศน์ วิทยุ เข้ารับมอบนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ และฟังบรรยายสรุปการเตรียมความพร้อมในการรับมือในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยนายสาทิตย์ กล่าวว่า ในช่วงวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์นี้ ที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง การปฎิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ในการนำเสนอข้อมูลสู่ประชาชน
ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมามีการเสนอข่าวค่อนข้างสับสน โดยในเวลานี้ประชาชนจำนวนมาก เกิดความกังวลเนื่องจากมีข่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ จะมีผู้ชุมนุมถึง 150,000 คน ซึ่งสื่อมวลชนถือว่ามีบทบาทอย่างมากในช่วง 2-3 วันนี้ ดังนั้นประชาชนไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ร่วมชุมนุมหรือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม อาจจะเกิดความไม่แน่ใจในแนวทางปฏิบัติในบางเรื่อง
นายสาทิตย์ กล่าวว่า จุดยืนของรัฐบาลในการชุมนุมที่รักษาความสงบ โดยเป็นไปตามหลักกฎหมาย ไม่ได้มองคู่ขัดแย้งเป็นศัตรู อำนาจของรัฐบาลในการสั่งเจ้าหน้าที่ควบคุม ยึดตามแนวทางของศาลปกครอง และหลักสากลอย่างเคร่งครัด และรัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

**หากมีเหตุรุนแรงไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล
การที่รัฐบาลตัดสินใจใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เหตุผลใหญ่สุด คือเพื่อรักษาความสงบ และไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือบานปลาย หรือการกระทำอะไรที่รุนแรง ซึ่งด้านการข่าวมีความชัดเจนว่าการชุมนุมครั้งนี้มีแนวโน้มใช้ความรุนแรง ดูได้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมาที่มีการขว้างระเบิดที่ธนาคารกรุงเทพ และพบว่ามีความพยายามปลุกระดม รวมถึงพบว่ามีบางฝ่ายจะฉกฉวยสถานการณ์ รัฐบาลจึงต้องใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่ทั้งนี้จะเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีย้ำแล้วว่า เจ้าหน้าที่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง และ หากเกิดความรุนแรงขึ้น ขอพูดตรงนี้เลยว่า ไม่ใช่การกระทำของรัฐอย่างเด็ดขาด เราไม่จำเป็นต้องสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า คืนวันที่ 10 มี.ค. ตั้งแต่เวลา 22.00-24.00 น. ช่อง 11 จะมีรายการพิเศษ และมีการเชื่อมสัญญาณดาวเทียมผ่านไปยังสถานีโทรทัศน์ต่างๆ เพื่อชี้แจงประชาชนให้เข้าใจในทางการปฏิบัติของรัฐบาล การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นการทำหน้าที่ของทุกฝ่าย และการเสนอข่าวของสื่อมวลชนทั้งสื่อไทย และสื่อเทศสามารถเสนอข่าวได้อย่างเสรี และรัฐบาลพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้ด้านการข่าว เพียงแต่รัฐบาลขอความร่วมมือในการเสนอข่าว เพราะที่ผ่านมามีการหยิบบางภาพไปเป็นเงื่อนไขในการชุมนุม เชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้จะมีสื่อลงภาคสนามจำนวนมาก โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ ที่ต้องมีการติดตั้งรถถ่ายทอด ก็ขอให้ระมัดระวัง หากเกิดการคุกคาม ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้
ทั้งนี้ในส่วนของข้อมูล จะมีการรวบรวมไว้ที่ ศอรส. รวมทั้งรัฐบาลได้มอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นศูนย์ในการชี้แจงข่าวต่างๆ หากมีความจำเป็น โดยใช้ช่อง 11 เป็นแม่ข่ายในการเผยแพร่ข่าว
นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า เป้าหมายในการชี้แจงของเราจะทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อจะได้เตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งจะได้รับรู้ว่ารัฐบาลเคารพสิทธิในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ แต่ถ้ามีความจำเป็น เจ้าหน้าที่ก็จะทำเท่าที่กรอบของกฎหมาย คำวินิจฉัยของศาลปกครอง และหลักสากลอนุญาตให้ทำ และจะต้องให้เหตุการณ์สงบโดยเร็ว
พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกอ.รมน.ได้บรรยายสรุปว่า เจตนาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.กอ.รมน. มุ่งเน้นมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง หากเกิดอะไรขึ้นต้องยับยั้งให้กลับคืนปกติโดยเร็ว ใช้หลักเมตตาธรรมคู่กับหลักนิติธรรม ดำเนินการด้วยความรอบคอบ และเหมาะสม และ การดำเนินการจะต้องไม่สร้างเงื่อนไขไปขยายสู่ความรุนแรง
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี 2-3 เดือน โดยเฉพาะในส่วนของนครบาล ได้ฝึกฝนมาเป็นปี ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ใช้อาวุธ จะมีเพียงอุปกรณ์ไว้ป้องกันตัว และ เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้การยิงแก๊สน้ำตา หากจำเป็นจะใช้แก๊สน้ำตาชนิดขว้าง และจะดำเนินการมาตรการเบาไปหนัก เริ่มจากการเจรจา แสดงกำลังผลักดัน และ ขั้นสุดท้ายจึงจะใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง

** วอนอย่าปิดล้อมโรงพยาบาล
น.พ.ไพจิตร วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากประสบการณ์เมื่อเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว ทางกระทรวงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการแพทย์ และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ซึ่งจะประกอบด้วยกระทรวงสาธารณสุข กทม. โรงพยาบาลของคณะแพทย์ และโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ได้มีการแบ่งออกเป็น 3 สถานการณ์ คือให้แต่ละโรงพยาบาลอยู่ในที่ตั้ง กรณีการชุมนุม 10,000 – 50,000 คนขึ้นไป จะออกหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน รวมทั้งเตรียมรถพยาบาลในกรณีนำส่งโรงพยาบาล หรือ กรณีเกิดเหตุการณ์รุนแรง ก็ได้มีการเตรียมโรงพยาบาล ทั้งในส่วนของ กทม. สาธารณสุข โรงพยาบาล คณะแพทย์ และ โรงพยาบาลเอกชน
ทั้งนี้ก่อนส่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล จะมีหน่วยแพทย์ฉุกเฉินเป็นผู้ลำเลียง และ ในส่วนของคณะแพทย์ และพยาบาล จะมีการเตรียมความพร้อม และจะทำงานในภาวะปกติอย่างเต็มที่ และสำรองครุภัณฑ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ ถังออกซิเจน เลือด ห้องผ่าตัด ทั้งใน กทม. และปริมณฑลทุกจังหวัด เผื่อไว้ในทุกจุดแล้ว โดยจะเปิดการให้บริการตามปกติแก่ประชาชนทั่วไป สำหรับหมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1669 จะเปิดรองรับ 24 ชั่วโมง
"อยากขอร้องผู้ชุมนุมว่าเพื่อไม่ให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อน ขอร้องอย่าปิดทางเข้าออกโรงพยาบาล เนื่องจากยังมีผู้ป่วยในโรคอื่นๆ อีกที่ยังต้องการรับบริการ" ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าว

**กทม.จัดรถน้ำ-สุขา บริการ
ด้านนายยศศักดิ์ คงมาก ผอ.ฝ่ายปกครอง และทะเบียนราษฎร์ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในส่วนของ กทม.จะอาศัย พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยจะมีการเตรียมความพร้อมในส่วนของอุปกรณ์ และยานพาหนะในการเข้าสนับสนุนในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในการเข้าดำเนินการได้อย่างทันท่วงที โดยผู้ว่าราชกรุงเทพมหานคร ได้มอบนโยบายให้บริการประชาชนไม่ว่าจะเป็นผู้ชุมนุมหรือเจ้าหน้าที่ ซึ่งในส่วนของผู้ชุมนุมจะมีการจัดรถน้ำ รถสุขา รถดับเพลิง รถพยาบาล ไว้คอยให้บริการ

**ศธ.ยันไม่เลื่อนสอบม.1-ม.4
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อประเมินติดตามสถานการณ์การ ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีตนเป็นประธาน เพื่อติดตามการสมัครเข้าศึกษาต่อของนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ในวันที่ 13-17 มี.ค.
ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการเลื่อนการสมัครสอบ เนื่องจากมีการกำหนดตารางเวลาไว้แล้ว ทั้งนี้ตนอยากขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมว่า อย่าขัดขวางการสมัครสอบของนักเรียน แต่เบื้องต้นทางกระทรวงศึกษาธิการ มีแนวทางและช่องทางในการรับสมัครเพิ่มเป็น 5 ช่องทาง คือ ทางอินเตอร์เน็ต ไปรษณีย์ โทรศัพท์ รับสมัครในเขตพื้นที่การศึกษาในกรุงเทพมหานคร 3 เขต และโรงเรียนในพื้นที่อื่น
สำหรับกรุงเทพมหานครชั้นใน มีโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ที่อยู่ในเส้นทางการชุมนุม 9 โรงเรียน ดังนั้นแนวทางในการรับสมัครต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บริหารการศึกษา ส่วนผลกระทบในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หากยืดเยื้อออกไปจนกระทบต่อการสอบ ในวันที่ 20-21 มี.ค.นั้น ทางกระทรวงศึกษาธิการ คงจะต้องมีการประเมินอีกครั้งหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น