“มาร์ค” ตัดสินใจงดเดินทางไปออสเตรเลีย หลัง คตม.เตรียมเสนอ ครม.ใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงคุมแก๊งเสื้อแดงป่วน “สุเทพ” เผย นอกจากกรุงเทพฯแล้ว จะเสนอประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงบางอำเภอ ในจังหวัดปริมณฑล ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านเข้ากรุงเทพฯ พร้อมสั่ง “ปทีป” เจรจาแกนนำเสื้อแดง อย่านำรถอีแต๋นเข้ากรุงเทพฯ เพราะเป็นการทำผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดปัญหาการจราจร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ที่หอประชุมเล็กศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถึงความชัดเจนการเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลีย ในวันที่ 13-17 มี.ค.นี้ หลังจากคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) เตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม.ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง วันที่ 11 - 23 มี.ค.ว่า “ไม่ไปแล้วครับ”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคตม.เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ระหว่างวันที่ 12-14 มีนาคม ว่า ที่ประชุม คตม.ได้ประเมินถึงสถานการณ์การชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มีนาคมนี้ โดยผู้ชุมนุมจะมีการรวมตัวจากจังหวัดต่างๆ และเดินทางมารวมกันที่จุดนัดพบในแต่ละภูมิภาค ก่อนที่จะเคลื่อนตัวเข้ามายังกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่า จะมีผู้ชุมนุมประมาณ 1 แสนคน และมีการนำรถบรรทุกขนาดเล็ก รถอีแต๋น รถส่วนตัวเข้ามาจำนวนนับหมื่นคัน การที่มีผู้ชุมนุม และยานพาหนะจำนวนมากเข้ามาในกรุงเทพฯ ทำให้เกิดความกังวล ว่า จะเกิดปัญหาการจราจรในกทม.ที่ประชุมมีมติเห็นร่วมกันว่า ต้องมีการเจรจากับผู้ที่จะจัดการชุมนุม เพื่อขอความร่วมมือ เราเคารพสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญว่า ประชาชนสามารถชุมนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่ถ้าการชุมนุมก่อให้เกิดปัญหาการจราจร ทำให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ จะเข้าข่ายการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
นายสุเทพ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการ ผบ.ตร.ตั้งคณะไปเจรจาขอความร่วมมือกับผู้จัดการชุมนุม โดยจะขอความร่วมมือ คือ 1.พาหนะบางประเภทต้องไม่นำเข้ามาในกรุงเทพฯ เพราะขับเคลื่อนได้ช้า เป็นอันตรายกีดขวางการจราจร เช่น รถอีแต๋น รถบรรทุกขนาดเล็ก อยากให้ผู้จัดการชุมนุมจัดให้ประชาชนที่จะเข้ามาชุมนุมมาด้วยยานพาหนะสาธารณะ เช่น รถไฟ รถบัส ส่วนที่นำรถส่วนตัวมา ทางเจ้าหน้าที่จะจัดหาสถานที่จอดรถไว้ให้ที่ชานเมือง และจะจัดรถบริการให้มาบริเวณที่ชุมนุม อยากขอความร่วมมือเบื้องต้น ซึ่งประชาชนในกรณีที่ยังพยายามนำรถเข้ามา อาจเกิดความเสียหายจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม หากรถกีดขวางการจราจร เราจำเป็นต้องใช้รถยกออกไปให้พ้นผิวจราจร เพื่อไม่ให้กรุงเทพฯเป็นอัมพาต อาจทำให้รถเสียหาย และจะไม่มีผู้รับผิดชอบ เราได้สอบถามไปยังประกันภัยแล้ว เขาบอกจะไม่จ่ายหากเกิดกรณีการจลาจล
เรื่องที่ 2.ที่ประชุม คตม.พบความจริง ว่า ในการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม นปช.มีความแตกแยกกันเป็นหลายกลุ่ม หลายฝ่าย และไม่แน่ว่าจะควบคุมกันได้หรือไม่ ปัญหาที่ผู้ชุมนุมไม่สามารถควบคุมได้ ก่อให้เกิดความกังวลต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เพราะมีโอกาสที่จะทำให้กลุ่มที่ควบคุมไม่ได้ ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ผิดกฎหมาย จากการข่าวพบว่ามีหลายกลุ่มที่ส่อพฤติการณ์ และมีแนวคิดที่จะใช้ความรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของชาวกรุงเทพฯ เช่น การวางระเบิด การใช้ระเบิดขว้างปาไปในที่ทำการของรัฐ และเอกชน อย่างที่เคยเกิดเหตุปาระเบิด ธ.กรุงเทพ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้กระทำความผิด แล้วยอมรับว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นผู้จ้างวาน
ทั้งนี้ ยังพบว่าบางกลุ่มไม่ได้คิดจะมาชุมนุมที่สนามหลวง หรือตามจุดนัดพบต่างๆ แต่จะไปปิดล้อมสถานที่ราชการ และบ้านบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น บ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งในกรณีนี้ได้ศึกษาตามคำวินิจฉัยของศาลปกครอง เห็นว่า ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบตามที่รัฐธรรมนูญได้คุ้มครองไว้ แต่เป็นการคุกคามต่อความปลอดภัย และการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของบุคคลเหล่านั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ” ประธาน คตม. กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ คตม.จึงมีมติให้ตนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เพื่อขอใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายใน เพื่อแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และบางพื้นที่ในปริมณฑล เช่น บางอำเภอใน จ.ปทุมธานี อยุธยา และ จ.สมุทรปราการ แม้ว่าแกนนำผู้ชุมนุมประกาศจะใช้สนามหลวง และราชดำเนิน ในการชุมนุม แต่การข่าวพบว่ามีการเคลื่อนไหวในพื้นที่นอกเหนือที่มีการประกาศไว้ เพื่อก่อเหตุและสร้างสถานการณ์ให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตทรัพย์สินของประชาชน จึงจำเป็นต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อป้องกันเหตุและปกป้องประชาชนกรุงเทพฯ ให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ส่วนรายละเอียดจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง
นายสุเทพ กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง จะประกาศใช้ระหว่างวันที่ 11-23 มี.ค.เฉพาะในพื้นที่ กทม.และบางอำเภอในจังหวัดปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ ที่เป็นเส้นทางเข้ามาใน กทม.เฉพาะพื้นที่ที่เคยก่อเหตุขว้างระเบิด วันนี้ คตม.ได้รับฟังจากฝ่ายข่าวแล้ววิเคราะห์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ทำให้กังวลใจและภาวนาอย่างให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ดังนั้น จำเป็นต้องวางมาตรการป้องกันที่จำเป็นและให้รัดกุม ขอให้ประชาชนในกทม.อย่าตื่นตระหนก การประกาศ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง เพื่อให้มีกำลงเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ออกมาช่วยปฎิบัติช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และช่วงบ่ายวันนี้จะเชิญตัวแทนเจ้าหน้าที่ กทม.ทั้งหมดตั้งแต่ผู้ว่าฯ กทม. รองผู้ว่าฯ ผอ.เขต และหัวหน้าส่วนราชการ และ อพปร. ทหาร ตำรวจ มาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับมือสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยงานด้านการข่าวยืนยันจากข้อมูลใดว่าจะเกิดเหตุระเบิด นายสุเทพ กล่าวว่า ตรวจสอบข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวทุกแหล่งข่าวมีความกังวลในลักษณะเดียวกัน เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีการประกาศเป็นวันหยุดทางราชการหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า วันที่ 13-14 มี.ค.เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ หากรัฐบาลประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่ามีความจำเป็นรัฐบาลก็พร้อมจะดำเนินการอะไรก็ตามที่เห็นว่าจะทำให้เกิดความปลอดภัย ขณะนี้อย่าเพิ่งไปคาดการณ์
ส่วนหากประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงยังฝ่าฝืนนำรถอีแต๋น รถกระบะเข้ามาชุมนุมจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน เมื่อถามว่า คตม.ประเมินสถานการณ์อย่างไร ทำไมประกาศ 11-23 มี.ค.นายสุเทพ กล่าวว่า มาตรการที่คิดว่าเป็นการป้องกัน ดังนั้น ต้องคิดเผื่อเอาไว้ ถ้าหากบ้านเมืองเรียบร้อยก็พร้อมจะยกเลิก เพราะเราไม่ประสงค์จะทำให้อะไรให้ประชาชนไม่สบายใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเจรจากับระดับแกนนำหรือระดับพื้นที่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทำทุกระดับในส่วนของพื้นที่พยายามให้เจ้าหน้าที่พูดจาอธิบายให้ประชาชนที่ถูกชักจูง เข้ามาชุมนุมให้เข้าใจ ส่วนแกนนำใน กทม.จะส่งคนเข้าไปเจรจาถ้าเขาตั้งใจชุมนุมโดยสงบก็ขอความร่วมมือ อย่าทำอะไรให้ชาว กทม.เดือดร้อน หรือบ้านเมืองเสียหายโดยให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทีมเข้าไปเจรจา
นายสุเทพ กล่าวว่า การที่มีการขโมยระเบิดจากค่ายทหาร จ.พัทลุง ไปคงบอกไม่ได้ว่าจะเชื่อมโยงกับผู้ชุมนุมหรือไม่ ส่วนที่วิจารณ์กันว่าที่อาวุธหายอาจมีความขัดแย้งในกองทัพ หรือขบวนการค้าอาวุธเพื่อนำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ตนก็จะไม่ตัดประเด็นอะไรเลย สงสัยในทุกประเด็นแต่ในฐานะที่กลัวว่าจะเชื่อมโยงการชุมนุนมใน กทม.จึงมีความกังวลเฉพาะหน้า แต่มั่นใจว่ากองทัพมีประสิทธิภาพสามารถตรวจสอบได้ และต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงการชุมุนมจะซ้ำรอยเมื่อเดือน เม.ย.52 ที่ผ่านมาหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ใน คตม.แสดงความคิดเห็น ทุกคนเป็นห่วงบ้านเมืองและชีวิตความปลอดภัยของประชาชนและหน้าตาภาพพจน์ของประเทศที่จะปรากฏต่อชาวโลก เรามีมติให้กระทรวงการต่างประเทศ นัดประชุมทูตต่างประเทศ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และมาตรการป้องกันให้ทูตแต่ละประเทศแจ้งไปยังประเทศของตนเอง
ส่วนที่มีการส่งข่าวทางเอสเอ็มเอสให้ประชาชนไปถอนเงินจากธนาคา รเพราะเกรงว่าจะมีการก่อวินาศกรรมนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า มีรายงานข่าวมาแล้วว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้ส่งข้อมูลทางเอสเอ็มเอสให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษาไปถอนเงิน ตนถึงบอกว่ามีบางกลุ่มที่อาจจะเชื่อมโยงหรือไม่กับผู้ชุมนุม แต่มีบางกลุ่มจงใจให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองจริง ดังนั้น จึงต้องมีมาตรการป้องกันทุกอย่าง เรื่องนี้มอบให้รัฐมนตรีศึกษาฯไปชี้แจงตามโรงเรียน มหาวิทยาลัยต่างๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า พื้นที่ปริมณฑลที่ คตส.เสนอให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง ได้แก่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนจากทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ จะใช้เดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมี อ.บางไทร จ.ปทุมธานี และบางพื้นที่ในจังหวัดปริมณฑลที่จะเข้าสู่กรุงเทพฯ