xs
xsm
sm
md
lg

“เลิศรัตน์” ชี้เกลือเป็นหนอนอาวุธคลังแสงถูกฉก เชื่อมีใบสั่งพวกค้าอาวุธ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.
“เลิศรัตน์” ชี้อาวุธหายจากคลังแสงพัทลุงเกลือเป็นหนอน จี้ ผบ.ทบ.จัดการขั้นเด็ดขาด จวกการรักษาความปลอดภัยหละหลวม เชื่อใบสั่งแก๊งค้าอาวุธ ยันไม่เกี่ยวชุมนุมเสื้อแดง เตือนรัฐบาลอย่าปิดกั้น ใช้กฎหมายคุมม็อบต้องระวัง ฉะข่าวกรอง “ห่วยแตก” ทำงานไร้ฝีมือ

วันนี้ (8 มี.ค.) ที่รัฐสภา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีการขโมยอาวุธในคลังแสง ของกองพันทหารช่างที่ 401 จังหวัดพัทลุงว่า อาวุธที่หายในหน่วยทหารมีขึ้นเป็นระยะ คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย ผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการย้ายออกจากตำแหน่งไปก่อนเพื่อดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง จะต้องไม่รอมชอม ส่วนใหญ่อาวุธที่หายลักษณะเช่นนี้จะมีใบสั่งเข้ามาเพื่อนำไปขายในต่างประเทศ เป็นขบวนการค้าอาวุธข้ามชาติ คงไม่ใช่การเข้ามาปั่นป่วนในบ้านเรา เพราะว่าอาวุธสงครามที่มีกระจัดกระจายในบ้านเราส่วนใหญ่ก็มาจากต่างประเทศและชายแดน ส่วนหนึ่งก็เป็นการเก็บมาจากการฝึกของหน่วยทหาร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนมาก แต่ก็ทำการอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีผู้ครอบครองอาวุธสงครามเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตราย ต้องกำชับตรงนั้นด้วย ซึ่งมีการรั่วไหลมาจากหน่วยทหารหรือตำรวจที่ถือว่าได้จำหน่ายใช้ไปในการฝึกแล้ว แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ฝึกทั้งหมด แต่มีการลักลอบนำออกมา

พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวต่อว่า อาวุธที่หายจากคลังแสงก็มีบ้างเป็นครั้งคราวไม่บ่อยนัก แต่ถือว่ามีความหละหลวม เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ไม่น่าให้อภัย ต้องให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจัดการอย่างเด็ดขาด เพราะว่าถ้าไม่มีการร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ภายในกองรักษาการ เจ้าหน้าที่ประจำเวร กองร้อยต่างๆ คงไม่สามารถนำอาวุธเหล่านี้ออกมาได้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นในหน่วยทหารของเรา

เมื่อถามว่าเป็นฝีมือคนในใช่หรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า แน่นอน ทุกครั้งที่มีอาวุธหายจากคลังแสงต้องมีคนในมีส่วนรับรู้ ยกเว้นที่ถูกปล้น เช่น จากเหตุการณ์ที่นราธิวาส แต่หายในลักษณะเช่นนี้แสดงว่าต้องมีคนใน หรือคนในครอบครัวล่วงรู้ ยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือของผู้ที่จะนำมาก่อความรุนแรง คงไม่มีใครขนกระสุนอาวุธ ระเบิดจำนวนมากมาสู้กันบนถนนอย่างแน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่เคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ จะไม่ครอบครองอาวุธสงคราม ไม่อยากให้เราโยงเรื่องที่มันไม่มีเหตุมีผลจะเพิ่มความแตกแยกความรู้สึกที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนที่ปัญหาสำคัญของบ้านเมืองเรา ถ้าเราไม่หาทางออมชอมหรือสร้างความปรองดองกันมากขึ้น ซึ่งเมื่อสิ้นการชุมนุมในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนไทยจะกลับมารักใคร่กัน ซึ่งก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะยาวที่ยั่งยืน เราจะต้องช่วยกันโดยเฉพาะรัฐบาลที่มีอำนาจมีสิทธิที่จะดำเนินการเรื่องเหล่านี้ได้

เมื่อถามว่าผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไรบ้าง พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ผบ.พล แม่ทัพภาค ผู้นำเหล่าทัพ ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะต้องเอาจริงเอาจัง รับผิดชอบโดยหาผู้กระทำผิด ต้องลงโทษผู้บังคับหน่วยตามลำดับชั้นที่กระทำผิดให้จริงจัง ยิ่งเป็นการหายแบบนี้ยิ่งสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กับกองทัพ ในภาวะที่สถานการณ์บ้านเมืองทั้งในภาคใต้และภาพรวมมีความแตกแยกกันอยู่ จะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองขึ้นมาได้ หากเราไม่สามารถปกป้องรักษาได้จะจัดซื้อจัดหากันมาทำไมทุกวี่ทุกวัน

เมื่อถามว่าตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าทำไมชอบหายที่พื้นที่ภาค 4 พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ความจริงมันจะหายในหน่วยที่มีความหละหลวม ซึ่งหน่วยนี้ก็ไม่ใช่หน่วยรบเหมือนกองพันทหารราบต่างๆ ซึ่งจะมีความเข้มงวดมากกว่า

พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่าต้องมองจากทุกมุม ตนเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีบอกว่าจะไม่ปิดกั้นการชุมนุม เพราะจะไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว เราต้องยอมรับความจริง ยอมให้คนที่มีความคิดเห็นแตกต่าง ได้แสดงออกและรับฟังฃปัญหาและนำไปประเมิน และหาวิธีสนองต่อความรู้สึกของคน แม้จะเป็นจำนวนหนึ่งก็ถือว่าเป็นพลเมืองของประเทศ ส่วนวิธีการการชุมนุมตนเห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะผู้ชุมนุมได้ยืนยันว่าจะใช้สันติวิธี อหิงสา และมาตรการป้องกันต่างๆ ที่รัฐบาลจะดำเนินการก็เห็น เพราะว่าไม่มีใครอยากเห็น ไม่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยวิธีนอกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติเหมือนอดีตที่ผ่านมา หรือใช้ประชาชนกลุ่มหนึ่งมากดดันเพื่อให้รัฐบาลต้องเปลี่ยนแปลงไป ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวต่อว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมืองถือเป็นปัญหาที่คาราคาซังมานานแล้ว และไม่มีใครพยายามแก้ไข รัฐบาลที่อยู่ในจุดนี้ซึ่งถือว่าได้เปรียบก็ทำน้อย บางครั้งก็เป็นลักษณะในการสุมไฟ กระพือไฟให้แรงขึ้น โดยเฉพาะการพูดจาของคนที่มีอำนาจมีสื่ออยู่ในมือ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี ตนจึงอยากให้นายกฯ จะต้องดำเนินการให้มากกว่านี้ นอกจากจะป้องกันเหตุร้ายแล้ว การชุมนุมที่จะก่อให้เกิดจลาจล จะต้องสร้างความปรองดองสมานฉันท์อย่าท้อถอย ถ้าไม่แก้ไขในระยะยาว เมืองไทยก็ไม่มีทางสงบ

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ตนคิดว่ารัฐบาลอย่าปิดกั้นมากจนเกินไป ใช้มาตรการในการตรวจเข้ม ไม่ให้นำอาวุธเข้ามาแต่อย่าใช้วิธีการจนคนเดินทางเข้ามาไม่ได้ ไม่ใช่วิธีการ ถ้าเราไปปิดกั้นไม่เปิดใก้กาที่กำลังเดือดอยู่ เปิดโอกาสให้ไอได้พวยพุ่งออกไปบ้าง วันใดวันหนึ่งก็จะต้องระเบิดแน่นอน ฉะนั้น วันนี้ไม่ใช่สงครามของใคร เป็นเพียงการจุดเริ่มต้นตลอดเวลา รัฐบาลจะต้องระวังหากจะใช้กฏหมายหรือมาตรการอะไร เช่นหากประกาศว่าห้ามเข้ามาในถนนเส้นนี้โดยเด็ดขาด อาจเกิดความกดดัน การชุมนุมจะยิ่งเปลี่ยนรูปแบบทำให้การควบคุมยากขึ้น

พล.อ.เลิศรัตน์ยังกล่าวถึงการมีกระแสข่าวก่อวินาศกรรมว่า เราจะเห็นว่าบ้านเรามีข่าวลือข่าวลวง ยิ่งมีเหตุการณ์อย่างนี้ เจ้าหน้าที่การข่าวก็ยิ่งทำงานก็พยายามทำงานได้อะไรมาก็ไม่ได้กลั่นกรองมีอะไรก็รายงานข่าวให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งไม่เหมือนอดีต ผู้ใหญ่ก็พูดออกมาว่า 7 วันอันตราย 10 วันอันตรายนี่ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นนอกจากการขว้างระเบิด 1-2 ครั้ง คนที่เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องระมัดระวังการนำรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ตนยอมรับว่าการข่าวไม่มีประสิทธิภาพเหมือนในอดีต รายงานไป 10 ครั้งจะเกิดเหตุการณ์แค่ 1-2 ครั้ง ตรงนี้ถือว่าเป็นการรายงานเพื่อป้องกันตัวเองมากกว่า ตนคิดว่าอย่าทำให้ผู้ใหญ่ไปสร้างหรือกระพือเพื่อให้เกิดความแตกแยก เพิ่มรอยร้าวในสังคมมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น