xs
xsm
sm
md
lg

“เทือก” เบาใจจับ เสธ.แดง ยกแก๊ง อุณหภูมิป่วนเมืองเย็นลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รองนายกฯ ด้านฝ่ายความมั่นคง ยันการจะบังคับใช้ กม.พิเศษต้องขึ้นอยู่การประเมินสถานการณ์ทุกชั่วโมง ชี้ “เคทอง” ถูกจับไม่ใช่เข้ามอบตัว ส่วน “เสธ.แดง” มีสิทธิถูกคุมตัวสอบต่อหลังตรวจพกอาวุธ-ใช้ทะเทียนปลอม ยันยังไม่ได้รับรายงาน ภ.4 กรณีคลังแสงโดนปล้น เปรย 8 มี.ค.เรียกผู้ว่าฯ กทม.เข้าหารือกัน กทม.เดือด เชื่อรัฐจับ 7 ตัวหลักชุมนุม สถานการณ์เบาลง

วันนี้ (7 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยจะใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายว่า ยังติดตามประเมินสถานการณ์ดังกล่าวอยู่เรื่อยๆ จะดูทุกอย่างตามความจำเป็นและเหมาะสม ถ้าสามารถใช้กฎหมายปกติได้ก็ใช้ไป แต่ถ้าเห็นว่าเหตุการณ์เกินว่าใช้กฎหมายธรรมดาได้ก็จะตัดสินใจ

เมื่อถามว่าจะมาหารือกันในวันที่ 8 มี.ค.เพื่อประเมินท่าที นายสุเทพกล่าวว่า ใช่เพราะต้องรายงานนายกฯ เป็นประจำ และตนจะติดตามและประเมินสถานการณ์ ซึ่งในวันดังกล่าวก็จะสรุปและรายงานต่อนายกฯ เมื่อถามว่ามีอะไรเป็นข้อห่วงใหม่หรือไม่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสุเทพกล่าวว่า ตนกังวลใจอยู่บ้าง หากกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมโดยสงบ เป็นเรื่องการแสดงออกในทางประชาธิปไตยอย่างเดียวก็จะพยายามอำนวยความสะดวกให้ในการหาที่จอดรถหรือดูแลอะไรต่างๆ แต่หากทำในลักษณะอื่นและตนเห็นว่าเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองหรือประชาชนในวงกว้างก็จะต้องคิดหาทางป้องกันด้วยวิธีการอื่น

เมื่อถามว่า หากมีการดาวกระจายไปชุมนุมในที่ต่างๆจะยากต่อการติดตามหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการสรุปว่าจะมีอะไรกันบ้างกี่อย่าง หากเพียงแต่มาชุมนุมที่สนามหลวงและไม่ปิดกั้นการจราจรก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าทำหลายๆเรื่องและเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง เช่น พวกหนึ่งชุมนุมและมีอีกพวกหนึ่งไปปาระเบิด ก็ต้องคิดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ กำลังประเมินอยู่ เมื่อถามว่า กรณีนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ (เคทอง) ได้มีการรับรายงานอะไรบ้าง ต่อกรณีสถานการณ์การจับกุมหรือการดำเนินคดี นายสุเทพกล่าวว่า ในรายละเอียดของคดีดังกล่าวตนยังไม่ได้ลงไปเกี่ยวข้อง แต่เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมาที่ได้มีการจับกุมกลุ่มนี้ทั้งกลุ่มได้ ก็มีการรายงานให้ทราบและก็กำลังสอบสวนอยู่ ซึ่งการจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามหมายจับที่ศาลได้อนุมัติ เพราะเป็นผู้ที่ได้กระทำความผิดปรากฏ และศาลเห็นว่ามีเหตุผลที่ต้องจับกุมมาดำเนินคดี เมื่อไปจับกุมก็มีทั้งหมด 7 คน มีอาวุธ แม้ว่าอาวุธไม่ใช่อาวุธเถื่อนแต่ว่าคนเหล่านี้ไม่มีสิทธิพกพาอาวุธดังกล่าวเข้าไปในที่สาธารณะ นอกจากนั้นเป็นกลุ่มที่สงสัยว่าจะรวมกลุ่มเพื่อทำการอื่น ซึ่งขอยืนยันว่าเป็นการจับกุมไม่ได้เป็นการมอบตัว

เมื่อถามว่า กรณีที่เคทองระบุว่ามีการตัดต่อเทปเพื่อจับกุมนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ตนคงไม่ไปโต้แย้ง เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวนที่ดำเนินคดีอยู่ เพราะการดำเนินคดีต่อผู้ถูกกล่าวหา ต้องมีหลักฐานและพยาน และอย่ากังวลใจ เพราะเราจะดูอย่างรอบคอบ เมื่อถามว่า แต่กรณีของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก จะต้องประสานไปทางกองทัพหรือไม่ ในกรณีอาวุธปืนและเรื่องทะเบียนปลอม นายสุเทพกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ครบถ้วนก่อน ซึ่งตามกฎหมายคือเจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิควบคุมตัวได้ 48 ชม. แต่หากสอบสวนยังไม่เสร็จก็ต้องไปขออำนาจศาลเพื่อควบคุมตัวสอบสวนต่อไป เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าในวันที่ 8 มี.ค.นี้ก็จะไปขออำนาจศาลได้

เมื่อถามว่า ทั้ง 7 คนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่จับกุมเป็นที่จับตามองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า บางคน ซึ่งเราเห็นว่าคนเหล่านี้มีพฤติกรรมที่เป็นอันตราย มีการสะสมอาวุธ ออกมาพูดจาคุกคามต่อประชาชน เมื่อถามว่าเมื่อจับกุมได้จะทำให้สถานการณ์ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 ก.พ. เบาลงได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มั่นใจ เพราะคำสั่งที่ใช้มีมาหลายทาง และนี่อาจจะเป็นเพียงกลุ่มหนึ่ง ก็ต้องจับตาดูต่อไป

เมื่อถามว่า ส่วนกรณีคลังแสงที่กองพันทหารช่าง 401 กองทัพภาคที่ 4 ที่ถูกขโมยอาวุธ ทางฝ่ายความมั่นคงได้มีการรายงานแล้วหรือยัง นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานให้ทราบในรายละเอียด และเราก็พยายามติดตามดูว่ามีกลุ่มไหนที่เขาสะสมอาวุธที่อาจจะเป็นอันตรายต่อประชาชนและบ้านเมือง เราก็ต้องติดตาม ซึ่งเมื่อเห็นว่ามีความชัดเจนก็ต้องดำเนินการจับกุม

“ทั้งหมดก็เพื่อที่จะป้องกันเหตุร้าย ถ้าเราสามารถจับกุมอาวุธร้ายแรงที่เขาสะสมกันไว้ตามที่ต่างๆ ได้ก่อน มันก็ทำให้เรารู้สึกมีความปลอดภัยมากขึ้น” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ทั้งหมดพยายามโยงเข้าสู่การเมืองหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เชื่อมโยงอย่างไรก็ต้องสอบสวนต่อ แต่ว่าเราไม่ต้องการให้มีคนไปครอบครองอาวุธตามจุดต่างๆ ซึ่งอยู่ในแผนงานฝ่ายความมั่นคง และตำรวจทุกพื้นที่ได้รับคำสั่งตรวจค้นอาวุธ ติดตามและจับกุมในช่วงนี้ เพราะฉะนั้น อย่างที่ได้เรียนไป บางทีหากพี่น้องประชาชนที่ผ่านไปไหนมาไหนก็ต้องขออภัยในช่วงนี้ที่มีการตรวจค้นอาวุธ เพราะไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนย้ายอาวุธ แม้จะเป็นในต่างจังหวัดก็ตาม เพราะว่าสถานการณ์อย่างนี้ปล่อยให้คนถืออาวุธก็อันตราย

เมื่อถามว่า คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ระบุว่าการชุมนุมใหญ่อาจจะมีการก่อเหตุวินาศกรรม และฝ่ายความมั่นจะดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ก็มีการติดตามข่าวดังกล่าวอยู่เพื่อชั่งน้ำหนักว่า คนที่มาขว้างระเบิดในคืนวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา เราก็พยายามติดตามจับกุมตัวอยู่ ซึ่งตนคิดว่าอีก 2-3 วันน่าจะได้เรียนให้ทุกคนทราบได้ เมื่อถามว่าจะมีการทบทวนกำหนดการเดินทางนายกฯ ใหม่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี แต่ถ้าเหตุการณ์เปลี่ยนไปในทางที่น่าเป็นห่วง นายกฯ ก็จะต้องตัดสินใจ สำหรับตนจะสรุปเหตุการณ์ชั่วโมงต่อชั่วโมง และวันต่อวัน ซึ่งจะติดตามตลอด โดยวันที่ 8 มี.ค.จะสรุปเหตุการณ์ภาพรวมทั้งหมดให้นายกฯ

เมื่อถามว่า ระหว่างนายกฯ เดินทางไปประเทศออสเตรเรียและเกิดเหตุสำคัญนายกฯสามารถเดินทางกลับทันทีหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า กลับได้ทันทีเลย เดิมทีตนคิดว่าจากการที่ปรึกษากับนายกฯ เรามีภารกิจราชการปกติ เราก็ต้องปฏิบัติไปตามที่กำหนดไว้ ส่วนกรณีการชุมนุมเมื่อไหร่ก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ หากเกิดมาซ้อนมากัน ตนก็เตรียมการไว้ว่า ไม่ว่านายกฯจะไปปฏิบัติภารกิจที่ไหน ถ้าเกิดมีเหตุการณ์อะไร เราก็สามารถดูแลให้นายกฯกลับมาๆได้ทันที ส่วนการร่นระยะเวลากลับมาประชุมครม.ให้ทันวันที่ 16 มี.ค.นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยไปไกลขนาดนั้น จะดูตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม แม้นายกฯ จะเดินทางไปติดต่อราชการ แต่ตนก็สามารถติดต่อนายกฯ ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว กับผู้นำเหล่าทัพ ตนก็ทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด

เมื่อถามว่า สามารถจับกุมคนขับมอเตอร์ไซด์ ที่พาคนไปปาระเบิดที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม นายสุเทพกล่าวว่า ทราบแล้ว และกำลังดำเนินการ เมื่อถามว่าจะมีการติดตามดูพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรบ้าง นายสุเทพกล่าวว่า ท่านอยู่ไกล และเกินอำนาจหน้าที่ของเราที่จะสามารถติดตามได้ แต่กับบรรดาลูกน้องที่เคลื่อนไหว ทางรัฐบาลก็จะจับตามอง ส่วนจุดไหนจะตกเป็นพื้นที่เคลื่อนไหว ทางหน่วยข่าวก็มีการประเมินรวมๆ เหมือนที่เคยบอกไปว่า เราประเมินจากคำพูดและการข่าวว่าจะมีการทำอะไรที่ไหนบ้าง เพราะการดำเนินการเคลื่อนไหวต่างๆมีการสอดประสานกันหลายแนวทาง อาทิ ส่วนหนึ่งชุมนุมตามปกติ และอีกกลุ่มไปทำอย่างอื่น ที่ขณะนี้รัฐบาลตรวจสอบอยู่ เมื่อถามว่า อะไรที่อีกกลุ่มจะไปทำ นายสุเทพกล่าวว่า อย่างที่เราเห็นกันเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะตนรู้สึกว่ามีการเชื่อมโยงกันที่เห็นได้ชัด และรู้สึกว่าเป็นอันตราย

“หมายความว่า มีพวกที่มาชุมนุมปกติ แต่มีอีกพวกหนึ่งไปก่อวินาศกรรม ซึ่งตรงนี้เราต้องเฝ้าระวังและติดตาม” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาติงรัฐบาลเรื่องการออกมาโหมข่าวเรื่องการชุมนุมว่า จะมีความรุนแรง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาชน นายสุเทพกล่าวว่า ตนคงไม่คิดแบบเขา ตนคิดว่าหน้าที่ของรัฐบาลคือให้ประชาชนทุกคนรู้ข้อเท็จจริงว่าจะเกิดอะไรขึ้น การปิดบังประชาชนไม่เป็นประโยชน์ และประชาชนรู้ข้อเท็จจริง ก็จะช่วยเป็นหูเป็นตา ลำพังเจ้าหน้าที่รัฐไม่พอที่จะดูแลได้ทุกตารางนิ้ว และในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ตนจะเรียกเจ้าหน้าที่ กทม.ทุกเขต ทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ว่าฯ มาซักซ้อมในเรื่องกฎหมายป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพราะการชุมนุมหากเราเห็นว่าสร้างความเดือดร้อนและเป็นอันตรายต่อชาว กทม.ก็เอากฎหมายตัวนี้มาใช้ โดยให้เจ้าหน้าที่ กทม.เป็นผู้ดูแลพื้นที่ทั้งหมดใน กทม.ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยใน กทม. ส่วนการชุมนุมจะกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคของประชาชนหรือไม่ ซึ่งตนก็กำลังติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่

เมื่อถามว่า แกนนำคนเสื้อแดงพยายามนำเรื่องคลังแสงขึ้นมาจะสอดรับกับเรื่องวินาศกรรมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่ได้วิเคราะห์ไปถึงขนาดนั้น หากมีอะไรชัดเจนก็จะรายงานให้ทราบ

เมื่อถามว่า กรณีเสธ.แดงออกมาตำหนิเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองติดตามพฤติกรรมไม่แสดงตัว และทำให้เข้าใจผิดว่า นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีการส่งคนไปติดตามจริงหรือไม่ เพราะไม่ทราบวิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่การตัดสินใจติดตามใคร ก็ต้องมีพฤติกรรมแวดล้อมมีข้อน่าสงสัย เช่น กรณีนายเคทองแต่คงไม่มีบัญชีรายชื่อคนเป็นร้อย ตนมองว่าคนพวกนี้ชอบมาพูดดักคอ เจ้าหน้าที่ไว้ก่อนว่าอย่ามาตาม แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำตามหน้าที่ไม่ข่มเหงรังแกใคร คนดีๆ คงไม่มีใครไปติดตาม และที่สำคัญเราเองไม่มีเจ้าหน้าที่มากมายไปติดตาม แต่เราจะตามคนที่มีพฤติกรรมที่มีปัญหาและถูกส่อไว้ก่อนแล้วเช่นนายเคทอง


กำลังโหลดความคิดเห็น