“เทพทือก” รับกังวลใจหลังอาวุธสงครามถูกขโมยไปจากคลังแสงพัทลุง จี้กองทัพรีบสอบ ลั่นต้องมีคนรับผิดชอบ ขณะเดียวกัน กำชับผู้ว่าฯ ตรวจอาวุธทุกเส้นทางที่จะเข้ากรุงเทพฯ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีการที่อาวุธในคลังแสง จ.พัทลุง ถูกขโมยว่า ไม่สามารถกล่าวได้ว่าจะเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ว่าไม่ไว้ใจ จึงขอให้ทางกองทัพได้รีบสอบสวนหาข้อเท็จจริง เราจะได้ดูแลแก้ปัญหาต่อ แต่ในเวลานี้ยังไม่มีรายงานมาที่ตนเพราะยังสอบกันอยู่จึงยังไม่สามารถพูดอะไรได้ อย่างไรก็ตาม ตนมีความกังวลใจมากขึ้นว่าจะมีการฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อประชาชน ต่อบ้านเมือง
ส่วนที่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่าอาจจะมีคนในเกี่ยวข้องกับการที่คลังแสงหายไปนั้น นายสุเทพกล่าวว่า นายปณิธานอาจจะมีข้อมูลจึงสันนิษฐาน แต่ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปสันนิษฐานอะไรได้ แต่ถ้ามีคนในต้องดำเนินการเอาผิดอย่างไรต้องมีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว จู่ๆ อาวุธยุทโธปกรณ์ของหลวงหายไปต้องมีคนรับผิดชอบ แต่ให้เขาสอบสวนให้ชัดเจนก่อน ซึ่งคงจะใช้เวลา 3-4วัน แต่ถ้าจะให้เวลา 1 วันจะเร็วไป จากนั้นตนจะมาเรียนให้ทราบ
ต่อข้อถามว่าพื้นที่ที่ใกล้จังหวัดพัทลุงทางภาคใต้ อย่างเช่น จ. สงขลา ช่วงที่ใกล้วันชุมนุมจะมีการรักษาความปลอดภัยเช่นเดียวกับกรุงเทพมหานครหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยตรวจอาวุธทุกเส้นทางที่จะเข้ามาในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะมาโดยรถยนต์ รถไฟอย่างเข้มงวด ส่วนจังหวัดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ หรือสถานที่ท่องเที่ยว ต้องดูตามสถานการณ์ว่าจะเพิ่มการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวไม่ว่าจะเป็นสันติบาล ข่าวกรอง สภาความมั่นคง ศูนย์รักษาความปลอดภัยจะประมวลข่าวและรายงานให้เราทราบว่าพื้นที่ไหนน่าเป็นห่วงอย่างไร แต่ในเวลานี้หัวเมืองใหญ่ๆ ยังไม่มีข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่บอกว่าเป็นข้อกังวลว่าจะเกิดวินาศกรรมเกิดจากเรื่องการขโมยอาวุธออกจากคลังแสงหรือไม่ และยังมีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลจัดฉากสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อนำไปสู่การใช้กฎหมายพิเศษ นายสุเทพกล่าวว่า ตนมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ป้องกันทรัพย์สินของทางราชการ ป้องกันชีวิตของพี่น้องประชาชน ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างสถานการณ์ การประกาศใช้กฎหมายรัฐบาลมีสิทธิ มีอำนาจดำเนินการ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นฝ่ายตนต้องรับผิดชอบ ต้องถูกตำหนิติเตือนว่าบกพร่องอยู่ดี การที่ต้องเรียนชี้แจงประชาชนเป็นระยะๆ ยึดหลักบ้านเมืองเป็นของเราทุกคน เกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองต้องรู้ด้วยกัน และตนปรารถนาพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศได้ลุกขึ้นมาช่วยกันดูแลปกป้องรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพราะฉะนั้นการนำเสนอข้อมูลพยายามที่จะให้ประชาชนได้รู้ข้อเท็จจริงตรงไปตรงมา
ส่วนสถานการณ์ขณะนี้เห็นว่านายกรัฐมนตรีควรยกเลิกภารกิจต่างประเทศหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีวิจารญาณของท่าน ตัดสินได้เอง การที่ท่านตัดสินอะไรได้อยู่ที่ข้อมูลที่เราจะกราบเรียนรายงานขึ้นไป เมื่อรายงานแล้วท่านก็คงไปตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป