ASTVผู้จัดการรายวัน - ”ศ.เสน่ห์ จามริก” เรียกร้องคนชนบทกลับไปต่อสู้เพื่อตัวเอง ให้หลุดพ้นถูกเอารัดเอาเปรียบ ชี้ไม่ควรตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง “มาร์ค”ปลุกคน กทม.ลุกสู้กับความรุนแรง ลั่นไม่มีสิทธิสั่งเผาทำเนียบ ด้าน“เทือก”เตรียมใช้กฎหมายป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนคุม กทม. ประเมินม็อบเต็มที่สัปดาห์เดียว ปูดบางกลุ่มเตรียมเผา-บึ้ม
วานนี้ (7 มี.ค.) ศ.เสน่ห์ จามริก นักวิชาการอิสระ กล่าวตอนหนึ่งงานเสวนา"ประเทศไทยหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์" ว่า ปัญหาที่แท้จริงของวิกฤตสังคมไทยขณะนี้ คนส่วนใหญ่ยังมองเพียงการแพ้หรือชนะ ดังนั้นจึงเรียกร้องให้คนชนบทที่เป็นคนส่วนใหญ่ที่จะเข้าร่วมชุมนุม กลับไปต่อสู้เพื่อตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกเอารัดเอาเปรียบในด้านต่างๆ และไม่ควรตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่า ได้มีการจับกุมคนร้ายที่ปาระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพ และคนที่ออกคลิปที่พูดถึงเรื่องของระเบิดแล้ว โดยมีการควบคุมตัว รวมทั้งคนอื่น ๆ ที่มีการกระทำความผิด เช่น ไม่มีใบอนุญาตพกพาอาวุธในที่สาธารณะ หรือช่วยเหลือผู้ต้องหาการการตับกุมของเจ้าพนักงาน รวมทั้งความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้มีการทำผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ จุดยืนของรัฐบาลในเรื่องของการชุมนุมทางการเมืองนั้นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่พึงกระทำได้ ถือเป็นการชุมนุมแสดงออกทางการเมือง แต่สิทธิตามรัฐธรรมนูญกำกับเอาไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยไม่สมควร ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นเข้มงวดในเรื่องของอาวุธ และจำเป็นที่จะต้องช่วยจัดระเบียบ โดยเฉพาะของการจราจรในกทม.และปริมณฑล
ดังนั้น ไม่ขัดข้องที่พี่น้องประชาชนอยากจะมาชุมนุมแสดงออกโดยสงบ แต่ขณะเดียวกันก็มีความชัดเจนว่ามีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งต้องการเห็นความวุ่นวาย ความรุนแรงเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ไม่ใช่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่จะมาชุมนุม แต่เป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งมีวาระแอบแฝง เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
"วันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับผู้ที่จะมาชุมนุม หรือคนเสื้อแดงไม่ได้เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมือง แต่วันนี้สิ่งที่ผมอยากจะเชิญชวนก็คือว่า อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ต่อสู้กับคนที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีแต่ความรุนแรงและความวุ่นวาย เพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเล็กๆ อยากจะขอความร่วมมือจากรัฐบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชนทั่วไป ผนึกกำลังกันมาต่อสู้กับคนที่ต้องการความรุนแรง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**จับคนขี่มอเตอร์ไซค์ปาบึ้มได้แล้ว
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงคำเชิญชวนประชาชนให้ออกมาต่อสู้กับคนที่ใช้ความรุนแรงว่า คำว่าต่อสู้ ในที่นี้ไม่ใช่การใช้กำลัง แต่หมายความว่า เราต้องสู้กับคนที่อยากใช้ความรุนแรง ฉะนั้นถ้าเราร่วมกันปฏิเสธความรุนแรง อย่าตกเป็นเหยื่อ เราก็จะฟันฝ่าไปได้
“คนที่จะต่อสู้กับความรุนแรงนั้น ผมขอเชิญชวนกับคนเสื้อแดงด้วยนะครับ เพราะคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ที่ต้องการความรุนแรง ไม่ใช่เสื้อแดงส่วนใหญ่" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามปลุกระดมอยู่ตอนนี้ เราไม่สามารถดำเนินการในเรื่องการโฟนอิน หรือการแพร่ภาพเข้ามาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในทางเทคนิคไม่ง่ายที่จะไปป้องกันไม่ให้ดำเนินการ แต่คงต้องดูหากว่าโฟนอิน วีดีโอลิ้งค์เข้ามา หรืออยู่เบื้องหลังของความรุนแรง ตนคิดว่าจะเป็นข้อหาที่หนักสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ
**“เทือก”ใช้ กม.ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การดูแลคนเสื้อแดงนั้นจะดูความจำเป็นและเหมาะสม ถ้าสามารถใช้กฎหมายปกติได้ก็ใช้ไป แต่ถ้าเห็นว่าเหตุการณ์เกินกว่าใช้กฎหมายธรรมดาได้ก็จะตัดสินใจ
ทั้งนี้ ภายหลังประชุม ร่วมกับผู้ว่า กทม.เจ้าหน้าที่กทม.ทุกเขต ทุกระดับในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ก็จะสรุปและรายงานต่อนายกฯ ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการสรุปอะไรหากคนเสื้อแดงดาวกระจายไปชุมนุมในที่ต่างๆ
นายสุเทพ กล่าวว่า ได้เชิญเจ้าหน้าที่ กทม.มาซักซ้อนในเรื่องกฎหมายป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพราะการชุมนุมหากเราเห็นว่าสร้างความเดือดร้อนและเป็นอันตรายต่อชาวกทม. ก็เอากฎหมายตัวนี้มาใช้ โดยให้เจ้าหน้าที่ กทม.เป็นผู้ดูแลพื้นที่ทั้งหมดในกทม.ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยในกทม. ส่วนการชุมนุมจะกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคของประชาชนหรือไม่ ซึ่งตนก็กำลังติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่
“หากหน่วยงานความมั่นคง และเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วพบว่าเชื่อมโยงนำไปสู่การก่อวินาศกรรม จะใช้กฎหมายป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อรักษาความสงบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร”
เมื่อถามว่า คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ระบุว่าการชุมนุมใหญ่อาจจะมีการก่อเหตุวินาศกรรม และฝ่ายความมั่นจะดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ก็มีการติดตามข่าวดังกล่าวอยู่เพื่อชั่งน้ำหนักว่า คนที่มาขว้างระเบิดในคืนวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา เราก็พยายามติดตามจับกุมตัวอยู่ ซึ่งตนคิดว่าอีก 2-3 วัน น่าจะได้เรียนให้ทุกคนทราบได้
ขณะเดียวกันยังม่มีมีการทบทวนกำหนดการเดินทางนายกฯใหม่ แต่ถ้าเหตุการณ์เปลี่ยนไปในทางที่น่าเป็นห่วง นายกฯก็จะต้องตัดสินใจ สำหรับตนจะสรุปเหตุการณ์ชั่วโมงต่อชั่วโมง และวันต่อวัน ซึ่งจะติดตามตลอด
เมื่อถามว่า ระหว่างนายกฯเดินทางไปประเทศออสเตรเลียและเกิดเหตุสำคัญนายกฯสามารถเดินทางกลับทันทีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า กลับได้ทันทีเลย เดิมทีตนคิดว่าการปรึกษากับนายกฯ เรามีภารกิจราชการปกติ เราก็ต้องปฏิบัติไปตามที่กำหนดไว้ ส่วนกรณีการชุมนุมเมื่อไหร่ก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ หากเกิดมาซ้อนมากัน ตนก็เตรียมการไว้ว่า ไม่ว่านายกฯจะไปปฏิบัติภารกิจที่ไหน ถ้าเกิดมีเหตุการณ์อะไร เราก็สามารถดูแลให้นายกฯกลับมาๆได้ทันที ส่วนการร้นระยะเวลากลับมาประชุมครม.ให้ทันวันที่ 16 มี.ค. นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่การพูดคุยไปไกลขนาดนั้น จะดูตามสถานการณ์
เมื่อถามว่า จะมีการติดตามดูพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ท่านอยู่ไกล และเกินอำนาจหน้าที่ของเราที่จะสามารถติดตามได้ แต่กับบรรดาลูกน้องที่เคลื่อนไหว ทางรัฐบาลก็จะจับตามอง ส่วนจุดไหนจะตกเป็นพื้นที่เคลื่อนไหว ทางหน่วยข่าวก็มีการประเมินรวมๆ เหมือนที่เคยบอกไปว่าเราประเมินจากคำพูดและการข่าวว่าจะมีการทำอะไรที่ไหนบ้าง เพราะการดำเนินการเคลื่อนไหวต่างๆมีการสอดประสานกันหลายแนวทาง อาทิ ส่วนหนึ่งชุมนุมตามปกติ และอีกกลุ่มไปทำอย่างอื่น ที่ขณะนี้รัฐบาลตรวจสอบอยู่
“หมายความว่า มีพวกที่มาชุมนุมปกติ แต่มีอีกพวกหนึ่งไปก่อวินาศกรรม ซึ่งตรงนี้เราต้องเฝ้าระวังและติดตาม”นายสุเทพ กล่าว
**ม็อบ"แดง"เต็มที่สัปดาห์เดียว
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้รัฐบาลจะเร่งกวดขันดำเนินการทางกฎหมายมากขึ้น ถ้ามาตรการต่างๆ ที่วางไว้เป็นไปด้วยดีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เท่าที่ประเมินผู้ชุมนุมส่วนใหญ่น่าจะอยู่นานกว่าที่เคยเข้ามา ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมจะมีมากน้อยขนาดไหน แต่เบื้องต้น 3-4 วันแรกไม่น่าจะมีปัญหา เพราะผู้ชุมนุมได้เตรียมการมาอย่างดี ทั้งอาหารและการอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ แต่หลังจากนั้นต้องประเมินอีกครั้งจะชุมนุมต่อไปหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบคนเสื้อแดงประกาศจะมาชุมนุม 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและสถานความเรียบร้อยต่างๆ
เมื่อถามว่า นักวิชาการบางคนออกมาโจมตีกรณีที่รัฐบาลโหมข่าวว่าการชุมนุมคนเสื้อแดงจะเกิดเหตุรุนแรง นายปณิธาน กล่าวว่า เนื่องจากประชาชนกังวลกันมาก ผลโพลล์หลายสำนักก็ระบุว่าประชาชนวิตก จึงต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่ชัดเจนว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันอย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจการรับมือการชุมนุม ยืนยันว่าสิ่งที่ทำไปเป็นการเตรียมการตามกฎหมาย โดยจัดระเบียบพร้อมเปิดกว้างให้มีการชุมนุม สิ่งที่รัฐบาลขอคืนความร่วมมือจากประชาชน โดยจะมีการจัดระเบียบชุมชนต่างๆในสัปดาห์หน้า ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายแต่ก็อยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันจัดการชุมนุมให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อต้านการชุมนุมคนเสื้อแดงจะทำให้เกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เรียกร้องเช่นนั้น เพียงแต่อยากให้ชุมชนต่างๆจัดระเบียบเพื่อเตรียมป้องกันเหตุแทรกซ้อน ทั้งหน่วยอาสาสมัคร หน่วยป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จะมีการประชุมหาวิธีป้องกันเหตุตามหน้าที่ เพราะกฎหมายก็ระบุให้มีการเตรียมป้องกันสาธารณภัย โดยวันที่ 8 มี.ค.จะมีการประชุมเพื่อจัดระเบียบชุมชนต่างๆที่ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อถามว่ารัฐบาลเตรียมประกาศให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้ยัง เพราะต้องดูความเป็นจริง เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบกับการทำมาหากิน เพราะการประกาศเป็นวันหยุดจะส่งผลกระทบต่อรายได้ แต่ก็ต้องประเมินว่าหากการชุมนุมทำให้เกิดปัญหาการจราจร ทั้งโรงเรียนและธุรกิจต่างๆอาจต้องมาจัดระเบียบกัน
เมื่อถามว่านายกฯยังยืนยันจะเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลียระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค.นี้อยู่หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเตรียมการ เบื้องต้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่นายกฯอาจเปลี่ยนกำหนดการบ้างเล็กน้อย โดยอาจเดินทางกลับเร็วนี้ เพราะต้องการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที 16 มี.ค. แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นคิดว่าคงไม่ทัน ส่วนกำหนดการทำงานอื่นๆของนายกฯ ยังต้องดูไปตามความเหมาะสม เช่นวันที่ 8 มี.ค.ก็มีหมายต้องเข้าเฝ้าฯทำให้เปลี่ยนกำหนดการเดิม ยืนยันว่า การทำงานทุกอย่างยังอยู่ในภาวะปกติ เมื่อถามว่าคู่สมรสนายกฯจะเดินทางไปที่ประเทศออสเตรเลียด้วยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่นะครับ
นายปณิธาน กล่าวว่า จากที่ติดตามฟังการให้ข่าวและโน้มน้าวชักจูงคนบางกลุ่ม ให้นำอาวุธหรือกระทำการต่างๆ เช่นพยายามวางเพลิง หรือทำระเบิด ซึ่งเรายืนยันว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ แต่เป็นฝีมือคนที่แอบแฝงเข้ามา เพื่อสร้างปั่นป่วน เมื่อถามถึงจุดยุทธศาสตร์ที่ต้องระวังจับตาเป็นพิเศษ นายปณิธาน กล่าวว่า นอกจากจุดเฝ้าระวังคราวที่แล้ว ก็มีจุดที่ต้องระวังเพิ่มขึ้นอีก แต่เปิดเผยไม่ได้ว่ามีที่ใดบ้าง กลัวประชาชนตื่นตระหนก
**“ณัฐวุฒิ”เหน็บ“สุเทพ”กลัว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ ระบุว่าจะประกาศใช้กฎหมายจราจร จัดการรถอีแต๋นว่า ส่วนใหญ่ผู้ชุมนุมเป็นเกษตรกร ที่เดินทางโดยรถอีแต๋น การเคลื่อนขบวนจะยึดหลักสงบ ป้องกันผลกระทบการจราจรมากที่สุด ดังนั้นกทม.เป็นเมืองหลวงของคนทุกคน ไม่ใช่เฉพาะชนชั้นสูง เมื่อคนยากจนอยากจะนำพาหนะกู้ชีพมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถึงสกัดอย่างไร คนก็จะยังมา ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดถนน แต่ถ้ารัฐบาลเป็นห่วงมาก ก็ให้ยุบสภาก่อนวันที่ 12 มี.ค. พวกตนจะได้ไม่เข้ามาชุมนุมที่ กทม.
** “นพเหล่”ชี้รัฐเล่นเกมป้ายสีฝ่ายตรงข้าม
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ทีมกฎหมายและทีมการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าจะมีกระบวนการโหมกระแสสร้างข่าวใส่ร้ายโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ จากสื่อของรัฐและพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะสร้างความวุ่นวาย หรือสร้างความรุนแรงเพื่อให้คนชั้นกลางและคนในกทม. หวาดกลัว เช่น กรณีของนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาพูดเรื่องระเบิดพลีชีพ ซึ่งเป็นการใส่ร้ายทางการเมืองโดยปราศจากข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ฝากบอกประชาชนทุกคนว่า ไม่ต้องกลัวว่าการชุมนุมจะเกิดความรุนแรง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ยึดหลักแนวทางสันติ สงบ ไม่มีการปลุกปั่นใดๆ ดังนั้นอยากเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า อย่าออกอาการต่อการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงให้มากนัก ก่อนหน้านี้ที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองชุมนุมพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยแสดงความวิตกกังวลใดๆ ซ้ำยังเห็นดีเห็นงามไปร่วมให้กำลังใจถึงที่ และเมื่อปรากฏว่า มีการทำผิดกฎหมาย ก็ไม่เร่งรัดให้ดำเนินการอะไรเลย
**ส.ส.หญิง กทม.เรียกร้องผู้หญิงสู้
ที่พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มส.ส.หญิง กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นางนาถยา เบญจศิริวรรณ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ร่วมกันแถลงข่าว โดยนางเจิมมาศกล่าวว่า ตัวแทนส.ส.หญิง กทม.เป็นห่วงเหตุการณ์ชุมนุมในช่วงสัปดาห์นี้ โดยประเมินจากเหตุการณ์ในช่วงเดือนเม.ย.2552 ที่ผ่านมา มีการใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้แต่เด็กและสตรี ทำให้แม่สูญเสียลูก ภรรยาสูญเสียสามี ดังนั้นขอให้สตรีช่วยกันออกมาต่อต้านความรุนแรง อย่าออกมาสนับสนุน
ด้าน น.ส.รัชดากล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่ามีการเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัดจำนวนมาก โดยเฉพาะ 2 วันที่ผ่านมา จึงอยากฝากเตือนประชาชนจากต่างจังหวัด ทั้งนี้คนในกทม.เกือบครึ่งหนึ่งเป็นคนต่างจังหวัด หากการชุมนุมส่งผลกระทบต่อสังคมหรือเศรษฐกิจ เท่ากับทำให้เกิดผลเสียกับตัวท่านและญาติพี่น้อองของท่านที่อยู่ในกทม.ส่วนนางนาถยา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ พบปะกับกลุ่มสตรี พบว่าไม่มีใครต้องการความรุนแรง คิดว่าหากลูกหลานเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบ
**7เหตุผลคนไม่ควรร่วมชุมนุม
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนมี 7 เหตุผลที่ประชาชนไม่ควรเข้าร่วมการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า 1.ไม่มีความปลอดภัย 2. ไม่มีผู้นำที่ชัดเจน 3. ไม่มีจุดยืนในการรเรียกร้อง 4.ไม่ได้ข้อเท็จจริง 5.พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถกลับมาเป็นนายกอีกได้ 6.การชุมนุมจะไม่มีโอกาสชนะ และ 7. เป็นการชุมนุมที่ไม่มีอารยธรรม
**เสื้อแดงใช้รถเร่เป็นหอกกระจายข่าวทั่วปริมณฑล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ชุมชนแฟลตดินแดงและชุมนุมใกล้เคียงได้ขึ้นป้ายผ้าจำนวนมากมีข้อความต่าง ๆว่า ให้ยุติความรุนแรง
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากชุมชน ภายใน จ.นนทบุรี และจังหวัดในปริมณฑล พบว่า ตลอดสัปดาห์มีการใช้รถกระจายเสียงเรียกร้องให้ประชาชนไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงในวันเวลาดังกล่าว ในลักษณะของรถเร่ขายของด้วย.
วานนี้ (7 มี.ค.) ศ.เสน่ห์ จามริก นักวิชาการอิสระ กล่าวตอนหนึ่งงานเสวนา"ประเทศไทยหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์" ว่า ปัญหาที่แท้จริงของวิกฤตสังคมไทยขณะนี้ คนส่วนใหญ่ยังมองเพียงการแพ้หรือชนะ ดังนั้นจึงเรียกร้องให้คนชนบทที่เป็นคนส่วนใหญ่ที่จะเข้าร่วมชุมนุม กลับไปต่อสู้เพื่อตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกเอารัดเอาเปรียบในด้านต่างๆ และไม่ควรตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่า ได้มีการจับกุมคนร้ายที่ปาระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพ และคนที่ออกคลิปที่พูดถึงเรื่องของระเบิดแล้ว โดยมีการควบคุมตัว รวมทั้งคนอื่น ๆ ที่มีการกระทำความผิด เช่น ไม่มีใบอนุญาตพกพาอาวุธในที่สาธารณะ หรือช่วยเหลือผู้ต้องหาการการตับกุมของเจ้าพนักงาน รวมทั้งความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้มีการทำผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ จุดยืนของรัฐบาลในเรื่องของการชุมนุมทางการเมืองนั้นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่พึงกระทำได้ ถือเป็นการชุมนุมแสดงออกทางการเมือง แต่สิทธิตามรัฐธรรมนูญกำกับเอาไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยไม่สมควร ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นเข้มงวดในเรื่องของอาวุธ และจำเป็นที่จะต้องช่วยจัดระเบียบ โดยเฉพาะของการจราจรในกทม.และปริมณฑล
ดังนั้น ไม่ขัดข้องที่พี่น้องประชาชนอยากจะมาชุมนุมแสดงออกโดยสงบ แต่ขณะเดียวกันก็มีความชัดเจนว่ามีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งต้องการเห็นความวุ่นวาย ความรุนแรงเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ไม่ใช่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่จะมาชุมนุม แต่เป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งมีวาระแอบแฝง เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
"วันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับผู้ที่จะมาชุมนุม หรือคนเสื้อแดงไม่ได้เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมือง แต่วันนี้สิ่งที่ผมอยากจะเชิญชวนก็คือว่า อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ต่อสู้กับคนที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีแต่ความรุนแรงและความวุ่นวาย เพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเล็กๆ อยากจะขอความร่วมมือจากรัฐบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชนทั่วไป ผนึกกำลังกันมาต่อสู้กับคนที่ต้องการความรุนแรง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**จับคนขี่มอเตอร์ไซค์ปาบึ้มได้แล้ว
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงคำเชิญชวนประชาชนให้ออกมาต่อสู้กับคนที่ใช้ความรุนแรงว่า คำว่าต่อสู้ ในที่นี้ไม่ใช่การใช้กำลัง แต่หมายความว่า เราต้องสู้กับคนที่อยากใช้ความรุนแรง ฉะนั้นถ้าเราร่วมกันปฏิเสธความรุนแรง อย่าตกเป็นเหยื่อ เราก็จะฟันฝ่าไปได้
“คนที่จะต่อสู้กับความรุนแรงนั้น ผมขอเชิญชวนกับคนเสื้อแดงด้วยนะครับ เพราะคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ที่ต้องการความรุนแรง ไม่ใช่เสื้อแดงส่วนใหญ่" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามปลุกระดมอยู่ตอนนี้ เราไม่สามารถดำเนินการในเรื่องการโฟนอิน หรือการแพร่ภาพเข้ามาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในทางเทคนิคไม่ง่ายที่จะไปป้องกันไม่ให้ดำเนินการ แต่คงต้องดูหากว่าโฟนอิน วีดีโอลิ้งค์เข้ามา หรืออยู่เบื้องหลังของความรุนแรง ตนคิดว่าจะเป็นข้อหาที่หนักสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ
**“เทือก”ใช้ กม.ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การดูแลคนเสื้อแดงนั้นจะดูความจำเป็นและเหมาะสม ถ้าสามารถใช้กฎหมายปกติได้ก็ใช้ไป แต่ถ้าเห็นว่าเหตุการณ์เกินกว่าใช้กฎหมายธรรมดาได้ก็จะตัดสินใจ
ทั้งนี้ ภายหลังประชุม ร่วมกับผู้ว่า กทม.เจ้าหน้าที่กทม.ทุกเขต ทุกระดับในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ก็จะสรุปและรายงานต่อนายกฯ ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการสรุปอะไรหากคนเสื้อแดงดาวกระจายไปชุมนุมในที่ต่างๆ
นายสุเทพ กล่าวว่า ได้เชิญเจ้าหน้าที่ กทม.มาซักซ้อนในเรื่องกฎหมายป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพราะการชุมนุมหากเราเห็นว่าสร้างความเดือดร้อนและเป็นอันตรายต่อชาวกทม. ก็เอากฎหมายตัวนี้มาใช้ โดยให้เจ้าหน้าที่ กทม.เป็นผู้ดูแลพื้นที่ทั้งหมดในกทม.ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยในกทม. ส่วนการชุมนุมจะกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคของประชาชนหรือไม่ ซึ่งตนก็กำลังติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่
“หากหน่วยงานความมั่นคง และเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วพบว่าเชื่อมโยงนำไปสู่การก่อวินาศกรรม จะใช้กฎหมายป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อรักษาความสงบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร”
เมื่อถามว่า คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ระบุว่าการชุมนุมใหญ่อาจจะมีการก่อเหตุวินาศกรรม และฝ่ายความมั่นจะดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ก็มีการติดตามข่าวดังกล่าวอยู่เพื่อชั่งน้ำหนักว่า คนที่มาขว้างระเบิดในคืนวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา เราก็พยายามติดตามจับกุมตัวอยู่ ซึ่งตนคิดว่าอีก 2-3 วัน น่าจะได้เรียนให้ทุกคนทราบได้
ขณะเดียวกันยังม่มีมีการทบทวนกำหนดการเดินทางนายกฯใหม่ แต่ถ้าเหตุการณ์เปลี่ยนไปในทางที่น่าเป็นห่วง นายกฯก็จะต้องตัดสินใจ สำหรับตนจะสรุปเหตุการณ์ชั่วโมงต่อชั่วโมง และวันต่อวัน ซึ่งจะติดตามตลอด
เมื่อถามว่า ระหว่างนายกฯเดินทางไปประเทศออสเตรเลียและเกิดเหตุสำคัญนายกฯสามารถเดินทางกลับทันทีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า กลับได้ทันทีเลย เดิมทีตนคิดว่าการปรึกษากับนายกฯ เรามีภารกิจราชการปกติ เราก็ต้องปฏิบัติไปตามที่กำหนดไว้ ส่วนกรณีการชุมนุมเมื่อไหร่ก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ หากเกิดมาซ้อนมากัน ตนก็เตรียมการไว้ว่า ไม่ว่านายกฯจะไปปฏิบัติภารกิจที่ไหน ถ้าเกิดมีเหตุการณ์อะไร เราก็สามารถดูแลให้นายกฯกลับมาๆได้ทันที ส่วนการร้นระยะเวลากลับมาประชุมครม.ให้ทันวันที่ 16 มี.ค. นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่การพูดคุยไปไกลขนาดนั้น จะดูตามสถานการณ์
เมื่อถามว่า จะมีการติดตามดูพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ท่านอยู่ไกล และเกินอำนาจหน้าที่ของเราที่จะสามารถติดตามได้ แต่กับบรรดาลูกน้องที่เคลื่อนไหว ทางรัฐบาลก็จะจับตามอง ส่วนจุดไหนจะตกเป็นพื้นที่เคลื่อนไหว ทางหน่วยข่าวก็มีการประเมินรวมๆ เหมือนที่เคยบอกไปว่าเราประเมินจากคำพูดและการข่าวว่าจะมีการทำอะไรที่ไหนบ้าง เพราะการดำเนินการเคลื่อนไหวต่างๆมีการสอดประสานกันหลายแนวทาง อาทิ ส่วนหนึ่งชุมนุมตามปกติ และอีกกลุ่มไปทำอย่างอื่น ที่ขณะนี้รัฐบาลตรวจสอบอยู่
“หมายความว่า มีพวกที่มาชุมนุมปกติ แต่มีอีกพวกหนึ่งไปก่อวินาศกรรม ซึ่งตรงนี้เราต้องเฝ้าระวังและติดตาม”นายสุเทพ กล่าว
**ม็อบ"แดง"เต็มที่สัปดาห์เดียว
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้รัฐบาลจะเร่งกวดขันดำเนินการทางกฎหมายมากขึ้น ถ้ามาตรการต่างๆ ที่วางไว้เป็นไปด้วยดีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เท่าที่ประเมินผู้ชุมนุมส่วนใหญ่น่าจะอยู่นานกว่าที่เคยเข้ามา ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมจะมีมากน้อยขนาดไหน แต่เบื้องต้น 3-4 วันแรกไม่น่าจะมีปัญหา เพราะผู้ชุมนุมได้เตรียมการมาอย่างดี ทั้งอาหารและการอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ แต่หลังจากนั้นต้องประเมินอีกครั้งจะชุมนุมต่อไปหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบคนเสื้อแดงประกาศจะมาชุมนุม 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและสถานความเรียบร้อยต่างๆ
เมื่อถามว่า นักวิชาการบางคนออกมาโจมตีกรณีที่รัฐบาลโหมข่าวว่าการชุมนุมคนเสื้อแดงจะเกิดเหตุรุนแรง นายปณิธาน กล่าวว่า เนื่องจากประชาชนกังวลกันมาก ผลโพลล์หลายสำนักก็ระบุว่าประชาชนวิตก จึงต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่ชัดเจนว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันอย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจการรับมือการชุมนุม ยืนยันว่าสิ่งที่ทำไปเป็นการเตรียมการตามกฎหมาย โดยจัดระเบียบพร้อมเปิดกว้างให้มีการชุมนุม สิ่งที่รัฐบาลขอคืนความร่วมมือจากประชาชน โดยจะมีการจัดระเบียบชุมชนต่างๆในสัปดาห์หน้า ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายแต่ก็อยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันจัดการชุมนุมให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อต้านการชุมนุมคนเสื้อแดงจะทำให้เกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เรียกร้องเช่นนั้น เพียงแต่อยากให้ชุมชนต่างๆจัดระเบียบเพื่อเตรียมป้องกันเหตุแทรกซ้อน ทั้งหน่วยอาสาสมัคร หน่วยป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จะมีการประชุมหาวิธีป้องกันเหตุตามหน้าที่ เพราะกฎหมายก็ระบุให้มีการเตรียมป้องกันสาธารณภัย โดยวันที่ 8 มี.ค.จะมีการประชุมเพื่อจัดระเบียบชุมชนต่างๆที่ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อถามว่ารัฐบาลเตรียมประกาศให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้ยัง เพราะต้องดูความเป็นจริง เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบกับการทำมาหากิน เพราะการประกาศเป็นวันหยุดจะส่งผลกระทบต่อรายได้ แต่ก็ต้องประเมินว่าหากการชุมนุมทำให้เกิดปัญหาการจราจร ทั้งโรงเรียนและธุรกิจต่างๆอาจต้องมาจัดระเบียบกัน
เมื่อถามว่านายกฯยังยืนยันจะเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลียระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค.นี้อยู่หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเตรียมการ เบื้องต้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่นายกฯอาจเปลี่ยนกำหนดการบ้างเล็กน้อย โดยอาจเดินทางกลับเร็วนี้ เพราะต้องการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที 16 มี.ค. แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นคิดว่าคงไม่ทัน ส่วนกำหนดการทำงานอื่นๆของนายกฯ ยังต้องดูไปตามความเหมาะสม เช่นวันที่ 8 มี.ค.ก็มีหมายต้องเข้าเฝ้าฯทำให้เปลี่ยนกำหนดการเดิม ยืนยันว่า การทำงานทุกอย่างยังอยู่ในภาวะปกติ เมื่อถามว่าคู่สมรสนายกฯจะเดินทางไปที่ประเทศออสเตรเลียด้วยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่นะครับ
นายปณิธาน กล่าวว่า จากที่ติดตามฟังการให้ข่าวและโน้มน้าวชักจูงคนบางกลุ่ม ให้นำอาวุธหรือกระทำการต่างๆ เช่นพยายามวางเพลิง หรือทำระเบิด ซึ่งเรายืนยันว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ แต่เป็นฝีมือคนที่แอบแฝงเข้ามา เพื่อสร้างปั่นป่วน เมื่อถามถึงจุดยุทธศาสตร์ที่ต้องระวังจับตาเป็นพิเศษ นายปณิธาน กล่าวว่า นอกจากจุดเฝ้าระวังคราวที่แล้ว ก็มีจุดที่ต้องระวังเพิ่มขึ้นอีก แต่เปิดเผยไม่ได้ว่ามีที่ใดบ้าง กลัวประชาชนตื่นตระหนก
**“ณัฐวุฒิ”เหน็บ“สุเทพ”กลัว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ ระบุว่าจะประกาศใช้กฎหมายจราจร จัดการรถอีแต๋นว่า ส่วนใหญ่ผู้ชุมนุมเป็นเกษตรกร ที่เดินทางโดยรถอีแต๋น การเคลื่อนขบวนจะยึดหลักสงบ ป้องกันผลกระทบการจราจรมากที่สุด ดังนั้นกทม.เป็นเมืองหลวงของคนทุกคน ไม่ใช่เฉพาะชนชั้นสูง เมื่อคนยากจนอยากจะนำพาหนะกู้ชีพมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถึงสกัดอย่างไร คนก็จะยังมา ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดถนน แต่ถ้ารัฐบาลเป็นห่วงมาก ก็ให้ยุบสภาก่อนวันที่ 12 มี.ค. พวกตนจะได้ไม่เข้ามาชุมนุมที่ กทม.
** “นพเหล่”ชี้รัฐเล่นเกมป้ายสีฝ่ายตรงข้าม
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ทีมกฎหมายและทีมการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าจะมีกระบวนการโหมกระแสสร้างข่าวใส่ร้ายโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ จากสื่อของรัฐและพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะสร้างความวุ่นวาย หรือสร้างความรุนแรงเพื่อให้คนชั้นกลางและคนในกทม. หวาดกลัว เช่น กรณีของนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาพูดเรื่องระเบิดพลีชีพ ซึ่งเป็นการใส่ร้ายทางการเมืองโดยปราศจากข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ฝากบอกประชาชนทุกคนว่า ไม่ต้องกลัวว่าการชุมนุมจะเกิดความรุนแรง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ยึดหลักแนวทางสันติ สงบ ไม่มีการปลุกปั่นใดๆ ดังนั้นอยากเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า อย่าออกอาการต่อการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงให้มากนัก ก่อนหน้านี้ที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองชุมนุมพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยแสดงความวิตกกังวลใดๆ ซ้ำยังเห็นดีเห็นงามไปร่วมให้กำลังใจถึงที่ และเมื่อปรากฏว่า มีการทำผิดกฎหมาย ก็ไม่เร่งรัดให้ดำเนินการอะไรเลย
**ส.ส.หญิง กทม.เรียกร้องผู้หญิงสู้
ที่พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มส.ส.หญิง กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นางนาถยา เบญจศิริวรรณ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ร่วมกันแถลงข่าว โดยนางเจิมมาศกล่าวว่า ตัวแทนส.ส.หญิง กทม.เป็นห่วงเหตุการณ์ชุมนุมในช่วงสัปดาห์นี้ โดยประเมินจากเหตุการณ์ในช่วงเดือนเม.ย.2552 ที่ผ่านมา มีการใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้แต่เด็กและสตรี ทำให้แม่สูญเสียลูก ภรรยาสูญเสียสามี ดังนั้นขอให้สตรีช่วยกันออกมาต่อต้านความรุนแรง อย่าออกมาสนับสนุน
ด้าน น.ส.รัชดากล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่ามีการเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัดจำนวนมาก โดยเฉพาะ 2 วันที่ผ่านมา จึงอยากฝากเตือนประชาชนจากต่างจังหวัด ทั้งนี้คนในกทม.เกือบครึ่งหนึ่งเป็นคนต่างจังหวัด หากการชุมนุมส่งผลกระทบต่อสังคมหรือเศรษฐกิจ เท่ากับทำให้เกิดผลเสียกับตัวท่านและญาติพี่น้อองของท่านที่อยู่ในกทม.ส่วนนางนาถยา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ พบปะกับกลุ่มสตรี พบว่าไม่มีใครต้องการความรุนแรง คิดว่าหากลูกหลานเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบ
**7เหตุผลคนไม่ควรร่วมชุมนุม
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนมี 7 เหตุผลที่ประชาชนไม่ควรเข้าร่วมการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า 1.ไม่มีความปลอดภัย 2. ไม่มีผู้นำที่ชัดเจน 3. ไม่มีจุดยืนในการรเรียกร้อง 4.ไม่ได้ข้อเท็จจริง 5.พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถกลับมาเป็นนายกอีกได้ 6.การชุมนุมจะไม่มีโอกาสชนะ และ 7. เป็นการชุมนุมที่ไม่มีอารยธรรม
**เสื้อแดงใช้รถเร่เป็นหอกกระจายข่าวทั่วปริมณฑล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ชุมชนแฟลตดินแดงและชุมนุมใกล้เคียงได้ขึ้นป้ายผ้าจำนวนมากมีข้อความต่าง ๆว่า ให้ยุติความรุนแรง
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากชุมชน ภายใน จ.นนทบุรี และจังหวัดในปริมณฑล พบว่า ตลอดสัปดาห์มีการใช้รถกระจายเสียงเรียกร้องให้ประชาชนไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงในวันเวลาดังกล่าว ในลักษณะของรถเร่ขายของด้วย.