xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดใจมือเชือด “แม้ว” เศกสรรค์ บางสมบุญ“เราชนะเพราะข้อเท็จจริง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผลจากการอ่านคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านของ นช.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน หลายคนคงอยากรู้ว่าการทำคดี 'อภิมหาโคตรโกง' ครั้งนี้ มีความยากเย็นแสนเข็นเพียงไหน

เวลากว่าปีเศษๆ ที่ทีมงานอัยการสูงสุด ผู้เป็น 'ทนายของแผ่นดิน' ได้ลงไปคลุกกับคดีที่มีความสลับซับซ้อน ที่ต้องใช้สติปัญญา สมาธิ และความมานะอดทนเป็นอย่างสูงในการแกะรอยจับผิดสิบแปดมงกุฎ 'ตัวพ่อ' และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อมัด 'คนใจคดหน้าเหลี่ยม' ที่ลื่นยิ่งกว่า 'ปลาไหล' นำมาให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาตัดสิน

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ จะพาท่านผู้อ่านไปสนทนากับ 'เศกสรรค์ บางสมบุญ' อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ถึงก้นบึ้งเบื้องหลังการทำคดีดังที่สะท้านสะเทือนไปทั้งประเทศอยู่ในขณะนี้

**หลังจากสิ้นสุดคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ นักการเมือง รู้สึกโล่งใจ หายเหนื่อยหรือยัง

เป็นปกติธรรมดาในฐานะที่เป็นทนายของแผ่นดิน ผมถือว่าคณะทำงานทุกคนได้ทุ่มเทให้กับการทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน ผลคำพิพากษาออกมาเราก็พอใจ ก็เห็นว่าเป็นธรรม และคณะทำงานก็รอคำพิพากษาอยู่ เพราะว่ามีภาระที่ต้องทำต่อ โดยท่านอัยการสูงสุด (จุลสิงห์ วสันตสิงห์) ก็ให้ท่านวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เลือกคณะทำงานประชุม ทีนี้รายละเอียดในคำพิพากษายังไม่ได้มา ผมก็เลยเสนอที่ประชุมว่าขอให้รอคำพิพากษาก่อน เพราะว่าศาลท่านวินิจฉัยหลายประเด็นหลายขั้นตอน จะได้เป็นประโยชน์ในการที่จะวินิจฉัยดำเนินการ

คดีที่ยังไม่ได้ส่งให้กับพนักงานอัยการก็เป็นคดีที่ค้างอยู่ใน ป.ป.ช. ก็หลายเรื่อง ส่วนคดีที่ส่งให้อัยการและฟ้องไปแล้วก็มีคดีแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต คดีนี้ทางอัยการฟ้องไป ส่วนคดีเอ็กซิมแบงก์นั้น คณะทำงานของอัยการกับคณะทำงานของคตส. ความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งสองคดียังไม่ได้ตัวจำเลยมา คือ พ.ต.ท.ทักษิณ (ชินวัตร) มาดำเนินคดี ก็จำหน่ายคดีไว้ และออกหมายจับไว้

**ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาออกมา มีความมั่นใจมากขนาดไหนที่จะชนะคดีนี้

อย่างนี้ครับ คืออัยการพิจารณาดูตามพยานหลักฐานที่คตส.ส่งมา ก็มีหน้าที่เอาพยานหลักฐานทั้งหมดของคตส.ที่ส่งมาเอาไปพิสูจน์ในศาล การพิสูจน์ของพนักงานอัยการก็คือ นำพยานที่เคยเบิกความไว้ เคยให้การกับคตส.ไว้แล้ว มาเบิกความในประเด็นที่อาจจะขาดตกบกพร่อง หรือว่าอันไหนที่จะเพิ่มเติม ก็มีพยานหลายๆ ฝ่ายที่ทางพนักงานอัยการนำพยานเข้าเบิกความให้รับรองข้อเท็จจริงกรณีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีสู่ศาล ให้ศาลได้เห็นรายละเอียดเพิ่มขึ้น อันนี้เป็นกระบวนการที่ศาลได้ไต่สวน พยานก็ต้องตอบคำถามของศาลก่อน แล้วก็มาตอบคำถามของผู้ร้อง แล้วก็ตอบคำถามของผู้คัดค้าน และก็ยังมีพยานอีกสองสามคนที่ศาลเรียกมาเป็นพยานศาล ก็ได้ครบถ้วน ประมวลมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศาลถึงพิจารณาพิพากษาตัดสินคดี

**คิดว่าตรงจุดไหนที่ทำให้ชนะคดี

มันเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ปรากฏจากการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการทั้งห้าฐานที่ถือว่าทำให้หุ้นราคาสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีพรีเพด (PREPAID CARD) ไม่ว่าจะเป็นกรณีโรมมิ่ง (ROAMING) ไม่ว่าจะเป็นกรณีดาวเทียมไอพีสตาร์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยเงินกู้พม่า หรือไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ก็จะเห็นว่ามีกระบวนการขั้นตอนเกี่ยวข้องกับบริษัทชิน (บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป) ตลอด อันนี้คือข้อเท็จจริงที่ทางพนักงานอัยการเข้าไปไต่สวนและพิสูจน์ในศาลว่าเป็นอย่างไร

**หลังจากที่คำพิพากษาออกมาแล้ว จะมีการนำไปขยายผลสู่คดีอื่นๆ มากน้อยแค่ไหน

ต้องดูหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะว่าในคำพิพากษาของศาลท่านวินิจฉัยหลายประเด็น ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องทีโอทีก็มี ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการสื่อสารก็มี ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการแปลงภาษีสรรพสามิตก็ดี หรือว่าเกี่ยวกับเรื่องการอนุมัติต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องไอพีสตาร์ อะไรต่ออะไร ก็เป็นมูลที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การตรวจสอบ อาจจะยกขึ้นเป็นประเด็นมา อันนี้เป็นคำวินิจฉัยอยู่ในคำพิพากษาของศาล ก็มีหลายๆ คดี หลายๆ มุม หลายๆ ประเด็นที่ศาลวินิจฉัยอยู่ ผมทราบว่าทางป.ป.ช.ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ก็เป็นขั้นตอนที่อยู่ในป.ป.ช. ส่วนความเสียหายค่าเสียหายอะไร ก็เป็นเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่าจะมีความเสียหายหรือไม่ ก็จะดำเนินการ แล้วจึงส่งให้ทางพนักงานอัยการพิจารณา

**ในฐานะที่เป็นอัยการทำคดีนี้ กับการที่ศาลพิพากษายึดทรัพย์ไม่หมดตามที่ยื่นไป รู้สึกผิดหวังบ้างไหม

เป็นเรื่องที่คณะทำงานยอมรับในผลคำพิพากษา พอผลของคำพิพากษาออกมาเราก็พอใจ แต่ผมนำเรียนให้ทราบว่า ในผลของคำพิพากษา อัยการสูงสุด สมัยท่านชัยเกษม (นิติสิริ - อัยการสูงสุดในขณะนั้น) กับท่านจุลสิงห์ (วสันตสิงห์ - รองอัยการสูงสุดในขณะนั้น) ที่ไปประชุมร่วมกับป.ป.ช. ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา เกี่ยวกับเรื่องต้นทุนที่มีอยู่ก่อน ราคาหุ้นที่มีอยู่ก่อน ไปปรากฏรายละเอียดอยู่ในหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ ปรากฏอยู่ในสำนวนการตรวจสอบไต่สวนของคตส.ของป.ป.ช.ที่นำพิสูจน์ในศาล มันเป็นกรณีที่ทางอัยการแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปว่า ไม่ควรยึดทั้งหมด ควรดูจำนวนหุ้นกับราคาหุ้นก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เหมือนกับคำพิพากษาของศาล ผมนำเรียนได้ว่า การพิจารณาการดำเนินการของพนักงานอัยการ ได้ให้ความเป็นธรรม ไม่ว่าทางฝ่ายผู้คัดค้านก็ดี หรือฝ่ายผู้ร้องก็ดี เราไม่ได้หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องแพ้หรือชนะ เพียงแต่ว่ามีหน้าที่นำหลักฐานต่างๆ ที่ได้จากการไต่สวนของคตส.เข้าพิสูจน์ในศาลเท่านั้นเอง

**หลังจากคำพิพากษาออกมา ต่อไปหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องไปดำเนินการต่อ จะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ใช่ไหม เพราะต้องมีกระบวนการทั้งยึดทรัพย์ หรือว่าไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

ในส่วนของพนักงานอัยการ ถ้าได้คำพิพากษามาแล้ว เราก็จะแจ้งผลคำพิพากษาให้ป.ป.ช.ทราบว่าศาลพิพากษาอย่างไร ถึงตอนนั้นแล้วจึงจะถือเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาดูแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราคงไม่ไปแจ้งว่าต้องดำเนินการอะไรต่อ ทางพนักงานอัยการจะมีหน้าที่แจ้งผลคำพิพากษาให้ป.ป.ช.ทราบเท่านั้น เพราะว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา มีการไต่สวนเป็นคดีแพ่ง ศาลท่านวินิจฉัยว่าเป็นคดีแพ่ง เราก็จะแจ้งผลคำพิพากษาไป ส่วนต่อไปนั้นก็เป็นเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปวิเคราะห์ดูว่าจะทำอะไรหรือไม่อย่างไร

**อยากให้ช่วยเล่าความรู้สึกก่อนวันพิพากษายึดทรัพย์ ก่อนจะถึงวันนั้นท่านรู้สึกเครียดมากไหม

ไม่เครียดครับ คือการพิจารณาพยานหลักฐานของพนักงานอัยการดูจากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวน ไม่ได้พิจารณาจากกระแส อย่าคิดว่าคนนั้นจะต้องผิด คนนี้ไม่ผิด คนนั้นต้องผิดมาก คนนี้ผิดน้อย อะไรต่ออะไร ไม่ใช่หรอกครับ การพิจารณาจะฟ้องหรือไม่ฟ้องใคร ต้องดูตามพยานหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนเป็นหลัก ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด ต้องสั่งยกฟ้อง แต่ถ้าผิด แล้วก็ฟ้องไป ก็มีหน้าที่นำพยานเข้าสู่พิสูจน์ในศาลให้เห็นว่าเขาทำผิดตามที่วินิจฉัยแล้ว

ขั้นตอนไม่ได้เสร็จสิ้นที่พนักงานอัยการ จะต้องมีหน่วยงานที่สานต่อ ถ้าสั่งไม่ฟ้อง เสนอไป ถ้าเป็นคดีธรรมดาก็เสนอไปทางท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าท่านเห็นด้วยก็ยุติ ถ้าไม่เห็นด้วย ท่านแย้งมา คนที่จะชี้ให้ฟ้องหรือไม่ฟ้อง คือท่านอัยการสูงสุด

หลักของกฎหมายก็คือ ไม่มีกฎหมาย ไม่มีความผิด ต้องมีการกระทำความผิดในขณะที่กฎหมายใช้อยู่

**แล้วอย่างการเขียนสำนวนเพื่อที่จะไปยื่นฟ้องต่อศาลหลายสิบคดี ต้องใช้เวลานานมาก และยุ่งยากมากไหม

เราทำงานเป็นทีมครับ ตอนนั้นจะเห็นว่าเอกสารมาเยอะ ต้องใช้รถหกล้อขนไปส่งที่ศาล จะแยกเป็นทีมที่ร่างคำฟ้อง ทีมที่พิจารณาข้อกฎหมาย ส่วนทีมที่พิจารณาสุดท้าย ท่านอัยการสูงสุด (ในขณะนั้น) ท่านชัยเกษม (นิติสิริ) มีคำสั่งให้ท่านวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานคดีที่มาจากคตส.ทั้งหมด ก็มีการตั้งคณะทำงาน 8-10 คนขึ้นมาพิจารณา ก็แบ่งหน้าที่กัน ว่าคนนี้ไปดูประเด็นนั้นๆ หลายๆ ประเด็น แล้วมาสรุปประชุมกันอีกทีหนึ่ง เมื่อได้ข้อยุติว่าฟ้อง ก็ฟ้องเลย ถ้าได้ข้อยุติว่ามันยังไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่ว่าข้อยุติว่าไม่สมบูรณ์เราจะไม่ฟ้องนะครับ แต่เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ เพื่อใช้ประกอบในการส่งพิสูจน์ในศาล

**สิ่งที่ยุ่งยากที่สุดของคดียึดทรัพย์คืออะไร

เราประชุมร่วมกัน มีการแบ่งหน้าที่กันทำ เราก็ต้องพยามพิสูจน์ในศาลให้เห็นตามคำร้องของเรา ของพนักงานอัยการว่าได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น ก็เห็นด้วยกับประเด็นที่ทางคตส. ที่ทางอาจารย์แก้วสรร (อติโพธิ - อดีตกรรมการคตส.) ท่านไต่สวนมากับคณะทำงาน ว่ามีการแก้ไขสัมปทาน มีการปรับโรมมิ่ง พรีเพด มีการเอาดาวเทียมมาใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ มีการให้กู้โดยเชื่อว่ามีการเอื้อ เราก็ต้องมานั่งดูว่าเอกสารหลักฐานที่ทางคตส.ทำมาไปเข้าตรงไหนบ้าง แล้วก็จัดแยกเอกสารเป็นหมวดเป็นหมู่ เอกสารชุดนี้ควรจะต้องสืบพยานคนนี้ ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ถ้าเราไม่ทำ เกิดเอกสารหลุดไปโดยที่เราไม่มีการสืบพิสูจน์ก็จะทำให้เกิดผลเสียหายแก่คดี

ในคณะทำงานที่ทำมานี้ประสบการณ์แต่ละคนก็เป็นหลายสิบปีมาแล้ว เราก็ระดมความคิด ระดมมันสมองกัน จะเห็นว่าในการว่าความในการนำพยานเข้าไต่สวนในศาล ไม่ได้มีคนเดียว แต่ยังมีคนนั้นคนนี้สลับกันทำหน้าที่ ใครเชี่ยวชาญทางไหนก็ดำเนินการไป

**อย่างกรณีที่ศาลตัดสินว่า 'ซุกหุ้น' จุดที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ทำให้ศาลมองเห็นคือตรงไหน

ซุกหุ้นก็เกี่ยวกับเรื่องการโอนหุ้นให้ลูกให้น้องให้คุณบรรณพจน์ จุดที่ศาลวินิจฉัยผมว่าศาลท่านก็วินิจฉัยตามพยานเอกสาร ตามหลักฐานการโอนหุ้นนั่นเอง ว่ามียังไง อัยการก็พิสูจน์ว่าไม่ได้โอน ทางฝ่ายผู้คัดค้านก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าโอน แล้วศาลท่านก็วินิจฉัยว่าโอนหรือไม่โอน ท่านดูว่าไม่ได้โอน ก็ถือว่าหุ้นนี้ยังเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น