ASTV ผู้จัดการรายวัน-คตม.ถกแนวทางรับมือม๊อบแดง 12-14 มี.ค. ห่วงมือที่สามทวางบอมส์ซ้ำ หวั่นจุดที่ทำการส่วนราชการ ศาลากลางจังหวัด สถานที่ขนส่ง ห้างสรรพสินค้า ตลาด เล็งใช้กฎเหล็ก คตม.บี้ “เคทอง”ประกันตัวไปแล้วยังก่อเหตุวุ่นวาย "มาร์ค"งงเสื้อแดงขึ้นแบล็กลิสต์สื่อเชียร์รบ. ยังเชื่อคุณภาพ”เทือก” ด้าน “สุริยะใส” ชี้ชุมนุมครั้งนี้เสื้อแดงพาคนไปตาย
ที่กองบัญชาการกองทัพบก บ่ายวันนี้(4 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) โดยใช้เวลาในการประชุม 3 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แถลงผลการประชุม คตม. ว่า เนื่องจากกลุ่ม นปช.วางแผนจะชุมนุมใหญ่วันที่ 12-14 มี.ค.นี้ คตม.ก็เรียกประชุมเพื่อประเมินเหตุการณ์ในช่วงนี้ว่า ควรจะเตรียมการอะไรเพื่อดูแลความเรียบร้อย การประชุมวันนี้เป็นการคุยกันทั่วไป และแสดงความห่วงใยในการดำเนินชีวิตของคนในกรุงเทพ ที่ส่วนใหญ่เผชิญปัญหารถติดว่า เราจะแก้ไขอย่างไร โดยประธาน คตม. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกทม.ไปร่วมกันพิจารณาแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาจราจรในช่วงการชุมนุม เพราะคาดว่าจะมีการนำยานพาหนะ นำคนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกทม.ไปวางแผนร่วมกันแล้ว จากนั้นคงจะประชุม คตม.อีกครั้ง เพื่อนำผลที่ได้มาวางแผนร่วมกัน
เมื่อถามว่า จะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อแก้ไขปัญหาหรือไม่ พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า ไม่มีการพูดถึง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพราะการประชุมนัดแรกได้ทำความเข้าใจกับทุกหน่วยแล้ว การประชุมวันนี้เน้นเรื่องปัญหาการจราจรเป็นหลัก หากมีการชุมนุมมีรถจากต่างจังหวัดเข้ามามาก มีคนเข้ามามาก คนกรุงเทพจะคิดอย่างไร ส่วนเรื่องอื่นประธาน คตม.จะชี้แจงเองในวันที่ 5 มีนาคมนี้ ส่วนการระวังป้องกันสถานที่สำคัญเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยจะรับผิดชอบเตรียมการอยู่แล้ว สำหรับปัญหาการปาหรือวางระเบิดสถานที่สำคัญ ในที่ประชุมไม่ได้หยิบยกประเด็นนี้มาหารือ
**เทพห่วงมือที่สามวางบอมบ์ซ้ำ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม คตม. นายสุเทพ มีความเป็นห่วงถึงการชุมนุมคนเสื้อแดงที่จะเดินทางมาชุมนุมในวันที่ 14 มี.ค.นี้ โดยนายสุเทพกำชับให้กองทัพดูแลความปลอดภัย เพราะอาจจะมีมือที่สามเข้ามาสร้างเหตุระเบิด ก่อวินาศกรรม ทั้งนี้ ที่ประชุมยังไม่พูดถึงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าในจันทร์หน้าจะมีการประชุม คตม. เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะนำผลประชุมรายงานให้นายกรัฐมนตรีว่าจะมีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ เพื่อนำเข้าที่ประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 9 มี.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุเทพ ห่วงการชุมนุมจะกระทบภาพลักษณ์ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ จึงได้สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจภูธร และนายอำเภอ โดยให้แม่ทัพภาค 1- 4 เป็นผู้กำกับดูแลไปทำความเข้าใจประชาชน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจขอร้องให้ประชาชนชุมนุมในพื้นที่ไม่เดินทางเข้ามาในกรุงเทพ รวมทั้งทำความเข้าใจผ่านวิทยุชุมชน สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังในพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น ที่ทำการส่วนราชการ ศาลากลางจังหวัด สถานที่ขนส่ง ห้างสรรพสินค้า ตลาด ซึ่งให้แต่ละจังหวัดประเมินการใช้เจ้าหน้าที่และแผนปฏิบัติให้เหมาะสม ทั้งนี้ นายสุเทพได้ถามทางสันติบาลถึงการดำเนินการกับนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ “เคทอง”ทอง"ที่โพสต์คลิปป่วนขู่วางระเบิด ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อให้ดำเนินการเป็นตัวอย่าง และหากใครเข้าข่ายกระทำความผิดใน 8 มาตรการของ คตม. สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ทันที
**มาร์คไม่หวั่นแบล๊คลิสต์
.ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คนเสื้อแดงจัดทำบัญชีดำสื่อที่สนับสนุนรัฐบาล รวมถึงบุคคลในรัฐบาลว่า ตนไม่ทราบว่ามีไว้ทำอะไร แต่ในส่วนของรัฐบาลที่มีการมากล่าวหาว่ามีการขึ้นบัญชีดำได้มีการตั้งกระทู้ถามเลยเถิดไปถึงจนถึงพระสงฆ์ซึ่งไม่จริง และขอย้ำว่าต้องช่วยกันระมัดระวังว่าข่าวที่เสนอขึ้นมาเพื่อจะให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มคนต่างๆไม่เป็นความจริง รัฐบาลไม่มีแนวคิดที่จะทำอะไรเลย ยกเว้นกลุ่มซึ่งทำผิดกฎหมาย และต้องมีการจับตามีการติดตามที่เป็นการทำงานตามปกติ ต้องตั้งคำถามว่าฝ่ายอื่นที่มาขึ้นบัญชีดำขึ้นทำอะไรอย่างไร เพราขณะนี้ที่เราเรียกร้องกันคนส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาประหัตประหาร เราดำเนินการอะไรทุกอย่างดำเนินการตามปกติ
**พร้อมดูแลครม.
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายก -รัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ทั้งที่ทำงาน และที่บ้านพักหลังกลุ่มเสื้อแดงเปิดบัญชีดำ 53 รายชื่อ และขู่ตามประกบคณะรัฐมนตรี โดย พล.ต.อ.ธานีสมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้ นอกจากนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคง ได้จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วประจำการตามจุดสกัดสำคัญต่างๆ รวมถึงบ้านพักบุคคลสำคัญ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ก็สามารถออกปฏิบัติการได้ทันที ทั้งนี้ คณะ-รัฐมนตรีมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลตามปกติอยู่แล้ว แต่หากใครมีความประสงค์ขอกำลังเพิ่มหรือ รถยนต์กันกระสุน ก็สามารถแจ้งความประสงค์มาได้
นายปณิธาน กล่าวแสดงความมั่นใจว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยได้ โดยได้วางมาตรการเข้มงวดมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะการตั้งจุดตรวจ 200 ด่าน ที่มีการสนธิกำลัง ทั้งตำรวจ ทหาร และเทศกิจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน
**”สุเทพ” รับเผยติดตาม “ไอ้กี้ร์-เสธ.แดง”
นายสุเทพ ยอมรับว่า แม้จะไม่มีการทำบัญชีแต่ก็มีการติดตามบุคคลที่มีประวัติคดีเคยทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เพราะมีการพูดที่ต่างๆชักชวนให้มาเผาสถานที่ราชการ จับลูกเมียคณะรัฐมนตรีเอามาเป็นตัวประกัน มีการบันทึกเทปเอาไว้มีข้อความชัดเจน แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ไม่ทำถือว่าละเว้น ไม่ได้แค่จะตามเท่านั้นแต่ถ้าเข้าองค์ประกอบเมื่อไหนจับแน่นอน หรือ คนที่ได้ฉายาว่า “เคทอง “ ติดตามตั้งใจจะเอาตัวมาดำเนินคดีเช่นกัน รวมไปถึงกรณีของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
**ยะใส ชี้ นปช.พาคนไปตาย
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) กล่าวว่า คิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้กำลังนำไปสู่ความรุนแรงการปลุกระดมมวลชนของแกนนำ นปช.และเครือข่ายเลยกรอบสันติวิธีไปถึงขั้นเตรียมการพร้อมอาจก่อจราจลหรือเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามด้วยความรุนแรง จนถึงวันนี้ยังไม่มีหลักประกันประการใดๆ ว่า นปช.จะเคลื่อนไหวด้วยแนวทางสันติวิธี มีเพียงคำพูด ซึ่งเชื่อถืออะไรไม่ได้
แกนนำ นปช.ต้องพิจารณาการชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ให้ดีระวังจะพาคนไปตาย เพราะแนวโน้มความรุนแรงมีสูงมาก และที่สำคัญจะเป็นความรุนแรงที่ควบคุมไม่อยู่และอาจมาจากพวกเดียวกันเอง เพราะหากกลุ่มปฏิบัติการรุนแรงถูกสกัดโดยอำนาจรัฐ กลุ่มกำลังดังกล่าวก็อาจหันมาใช้วิธีให้ประชาชนเป็นเหยื่อความรุนแรงเพื่อปลุกระดมให้มวลชนเสื้อแดงลุกฮือขับไล่เอาผิดรัฐบาลก็เป็นไปได้
**“ประชา”เชื่อม็อบแดงบุกกรุงครึ่งล้าน
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์คนเสื้อแดง-นปช. ที่จะมาชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯ วันที่14 มีนาคมนี้ว่าจากการประเมินหลังแกนนำ นปช.ได้ประกาศกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวที่ประกาศไว้จะมาล้านคนนั้น ขณะนี้ประเมินอย่างต่ำ เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมอย่างน้อย5 แสนคน หรือครึ่งล้าน อย่างแน่นอน รถเข้ามาเป็นแสนคนทุกสาขาอาชีพจะมาร่วมเต็มบ้านเต็มเมืองอาจเป็นล้าน จะทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพทุกทิศทุกทาง ทั้งทางบก รวมถึงทางน้ำที่จะมาทางเรือ จาก จ.อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรีและปริมณฑล นนทบุรี และสมุทรปราการ เชื่อว่ารัฐบาลไม่มีทางสกัดได้อย่างแน่นอน
**“สาทิตย์”จับตา “ทีวีเสื้อแดง”
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศปรับผังทีวีพร้อมรบของคนเสื้อแดง ได้เปลี่ยนแนวทางจากสันติมาสู่ความรุนแรง ดูจากป้ายข้างหลังจอที่ใช้ข้อความว่าล้มอำมาตย์ ซึ่งต่างจากที่ผ่านมาที่ทีวีดาวเทียมของคนเสื้อแดงเป็นการสื่อสารแบบหนึ่ง เราก็ไม่ได้เข้าไปจัดการ แต่เมื่อประกาศปรับผังพร้อมรบแล้วมีการไปดำเนินการอะไรที่ผิดกฎหมายเช่นมีการปลุกระดม ยุยงให้มีการเผาสถานที่ราชการ ก่อวินาศกรรม หรือมีการเผยแพร่คำพูดของนาย อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช.ให้เอาขวดน้ำมันติดตัวกันมา เหตุการณ์ก็จะเหมือนกับดีสเตชั่นเมื่อช่วง 12-13 เม.ย.ที่ผ่านมา จึงได้มอบหมายให้ตำรวจนครบาลติดตามและดำเนินการตามกฎหมายทันที
**แดงถ่อยสรุปวันเดินทาง
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ส่วนกลางได้ลงพื้นที่ประสานงานเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมแต่ละภูมิภาคโหมโรงก่อนชุมุนมใหญ่ โดยวันที่5มี.ค.พื้นที่ภาคอีสาน จะจัดกิจกรรมที่ลานย่าโม จ.นครราชสีมา ค่ำวันเดียวกันพ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดิโอลิ้งค์มาด้วย 7มี.ค.ภาคตะวันออก จัดเวทีจ.ระยอง 8 มี.ค.ภาคกลางจ.อ่างทอง 9 มี.ค.ภาคเหนือ จ.แพร่ เมื่อถึงวันที่ 10 มี.ค.จะหยุดความเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมความพร้อมเคลื่อนขบวนเข้ากทม.วันที่12มี.ค.เวลา 12.00 น. ภาคเหนือจะเดินทางมารวมพลจ.นครสวรรค์ ภาคอีสานที่ จ.นครราชสีมา ภาคตะวันออกและตะวันตกอาจเคลื่อนขบวนเข้าสู่กทม.ในช่วงเช้ามืดวันที่ 14 มี.ค.
ในส่วนของทัพเรือกว่า100ลำแต่ละลำมีคนมาร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า100คน ที่เดินทางมาจากพระนครศรีอยุธยา อาจจะเดินทางมาถึงในวันถัดไปเพราะต้องการให้การทำข่าวประโคมเพียงวันเดียว นอกจากนี้วันที่12มี.ค.กทม.จะมีการจัดเวที6จุด 1.อนุสาวรีย์ปราบกบฎ ย่านหลักสี่ 2.สน.ทุ่งสองห้อง 3.สี่แยกบางนา 4.สวนลุมพินี 5.สามเหลี่ยมดินแดง 6.วงเวียนใหญ่ บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน
ตั้งเวทีใหญ่ในกทม.บริเวณแยกผ่านฟ้า หันหลังให้ป้อมพระกาฬ โดยการตั้งเวทีไม่ได้ถือโชคลาง ถือเอาชัยภูมิเป็นสำคัญ และยังตั้งเป้าคนมาร่วมชุมนุม1ล้านคน คิดในอัตราส่วน1ใน3 จากผู้ที่มาร่วมลงชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ 3.5ล้านรายชื่อ
**ป๊อกเถิด เป็นห่วงสถานการณ์
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงประจำเดือนมีนาคมว่า ที่ประชุม พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง
“ผบ.ทบ.เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยไปชี้แจงสร้างความเข้าใจกับกำลังพลและครอบครัวในจุดยืนและบทบาทของกองทัพบกที่ยึดประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ ไม่มีสี ไม่มีฝ่าย นอกจากนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเผชิญกับทุกๆสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ให้ผู้บังคับหน่วยกำกับดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ตั้งหน่วยทหารให้รัดกุมและดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด”พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว
***ออกหมายจับ เคทอง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านการสอบสวนพนักงานสอบสวน แถลงข่าวศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับ “เคทอง” หรือนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ แล้วภายหลังพูดออกอากาศผ่านโปรมแกรมฟร็อกทางอินเทอร์เน็ต ในคืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ว่าจะเกิดสงครามกลางเมือง และมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นหลายพื้นที่ใน กทม.สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมือง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก บ่ายวันนี้(4 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) โดยใช้เวลาในการประชุม 3 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แถลงผลการประชุม คตม. ว่า เนื่องจากกลุ่ม นปช.วางแผนจะชุมนุมใหญ่วันที่ 12-14 มี.ค.นี้ คตม.ก็เรียกประชุมเพื่อประเมินเหตุการณ์ในช่วงนี้ว่า ควรจะเตรียมการอะไรเพื่อดูแลความเรียบร้อย การประชุมวันนี้เป็นการคุยกันทั่วไป และแสดงความห่วงใยในการดำเนินชีวิตของคนในกรุงเทพ ที่ส่วนใหญ่เผชิญปัญหารถติดว่า เราจะแก้ไขอย่างไร โดยประธาน คตม. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกทม.ไปร่วมกันพิจารณาแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาจราจรในช่วงการชุมนุม เพราะคาดว่าจะมีการนำยานพาหนะ นำคนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกทม.ไปวางแผนร่วมกันแล้ว จากนั้นคงจะประชุม คตม.อีกครั้ง เพื่อนำผลที่ได้มาวางแผนร่วมกัน
เมื่อถามว่า จะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อแก้ไขปัญหาหรือไม่ พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า ไม่มีการพูดถึง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพราะการประชุมนัดแรกได้ทำความเข้าใจกับทุกหน่วยแล้ว การประชุมวันนี้เน้นเรื่องปัญหาการจราจรเป็นหลัก หากมีการชุมนุมมีรถจากต่างจังหวัดเข้ามามาก มีคนเข้ามามาก คนกรุงเทพจะคิดอย่างไร ส่วนเรื่องอื่นประธาน คตม.จะชี้แจงเองในวันที่ 5 มีนาคมนี้ ส่วนการระวังป้องกันสถานที่สำคัญเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยจะรับผิดชอบเตรียมการอยู่แล้ว สำหรับปัญหาการปาหรือวางระเบิดสถานที่สำคัญ ในที่ประชุมไม่ได้หยิบยกประเด็นนี้มาหารือ
**เทพห่วงมือที่สามวางบอมบ์ซ้ำ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม คตม. นายสุเทพ มีความเป็นห่วงถึงการชุมนุมคนเสื้อแดงที่จะเดินทางมาชุมนุมในวันที่ 14 มี.ค.นี้ โดยนายสุเทพกำชับให้กองทัพดูแลความปลอดภัย เพราะอาจจะมีมือที่สามเข้ามาสร้างเหตุระเบิด ก่อวินาศกรรม ทั้งนี้ ที่ประชุมยังไม่พูดถึงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าในจันทร์หน้าจะมีการประชุม คตม. เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะนำผลประชุมรายงานให้นายกรัฐมนตรีว่าจะมีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ เพื่อนำเข้าที่ประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 9 มี.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุเทพ ห่วงการชุมนุมจะกระทบภาพลักษณ์ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ จึงได้สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจภูธร และนายอำเภอ โดยให้แม่ทัพภาค 1- 4 เป็นผู้กำกับดูแลไปทำความเข้าใจประชาชน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจขอร้องให้ประชาชนชุมนุมในพื้นที่ไม่เดินทางเข้ามาในกรุงเทพ รวมทั้งทำความเข้าใจผ่านวิทยุชุมชน สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังในพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น ที่ทำการส่วนราชการ ศาลากลางจังหวัด สถานที่ขนส่ง ห้างสรรพสินค้า ตลาด ซึ่งให้แต่ละจังหวัดประเมินการใช้เจ้าหน้าที่และแผนปฏิบัติให้เหมาะสม ทั้งนี้ นายสุเทพได้ถามทางสันติบาลถึงการดำเนินการกับนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ “เคทอง”ทอง"ที่โพสต์คลิปป่วนขู่วางระเบิด ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อให้ดำเนินการเป็นตัวอย่าง และหากใครเข้าข่ายกระทำความผิดใน 8 มาตรการของ คตม. สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ทันที
**มาร์คไม่หวั่นแบล๊คลิสต์
.ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คนเสื้อแดงจัดทำบัญชีดำสื่อที่สนับสนุนรัฐบาล รวมถึงบุคคลในรัฐบาลว่า ตนไม่ทราบว่ามีไว้ทำอะไร แต่ในส่วนของรัฐบาลที่มีการมากล่าวหาว่ามีการขึ้นบัญชีดำได้มีการตั้งกระทู้ถามเลยเถิดไปถึงจนถึงพระสงฆ์ซึ่งไม่จริง และขอย้ำว่าต้องช่วยกันระมัดระวังว่าข่าวที่เสนอขึ้นมาเพื่อจะให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มคนต่างๆไม่เป็นความจริง รัฐบาลไม่มีแนวคิดที่จะทำอะไรเลย ยกเว้นกลุ่มซึ่งทำผิดกฎหมาย และต้องมีการจับตามีการติดตามที่เป็นการทำงานตามปกติ ต้องตั้งคำถามว่าฝ่ายอื่นที่มาขึ้นบัญชีดำขึ้นทำอะไรอย่างไร เพราขณะนี้ที่เราเรียกร้องกันคนส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาประหัตประหาร เราดำเนินการอะไรทุกอย่างดำเนินการตามปกติ
**พร้อมดูแลครม.
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายก -รัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ทั้งที่ทำงาน และที่บ้านพักหลังกลุ่มเสื้อแดงเปิดบัญชีดำ 53 รายชื่อ และขู่ตามประกบคณะรัฐมนตรี โดย พล.ต.อ.ธานีสมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้ นอกจากนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคง ได้จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วประจำการตามจุดสกัดสำคัญต่างๆ รวมถึงบ้านพักบุคคลสำคัญ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ก็สามารถออกปฏิบัติการได้ทันที ทั้งนี้ คณะ-รัฐมนตรีมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลตามปกติอยู่แล้ว แต่หากใครมีความประสงค์ขอกำลังเพิ่มหรือ รถยนต์กันกระสุน ก็สามารถแจ้งความประสงค์มาได้
นายปณิธาน กล่าวแสดงความมั่นใจว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยได้ โดยได้วางมาตรการเข้มงวดมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะการตั้งจุดตรวจ 200 ด่าน ที่มีการสนธิกำลัง ทั้งตำรวจ ทหาร และเทศกิจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน
**”สุเทพ” รับเผยติดตาม “ไอ้กี้ร์-เสธ.แดง”
นายสุเทพ ยอมรับว่า แม้จะไม่มีการทำบัญชีแต่ก็มีการติดตามบุคคลที่มีประวัติคดีเคยทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เพราะมีการพูดที่ต่างๆชักชวนให้มาเผาสถานที่ราชการ จับลูกเมียคณะรัฐมนตรีเอามาเป็นตัวประกัน มีการบันทึกเทปเอาไว้มีข้อความชัดเจน แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ไม่ทำถือว่าละเว้น ไม่ได้แค่จะตามเท่านั้นแต่ถ้าเข้าองค์ประกอบเมื่อไหนจับแน่นอน หรือ คนที่ได้ฉายาว่า “เคทอง “ ติดตามตั้งใจจะเอาตัวมาดำเนินคดีเช่นกัน รวมไปถึงกรณีของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
**ยะใส ชี้ นปช.พาคนไปตาย
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) กล่าวว่า คิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้กำลังนำไปสู่ความรุนแรงการปลุกระดมมวลชนของแกนนำ นปช.และเครือข่ายเลยกรอบสันติวิธีไปถึงขั้นเตรียมการพร้อมอาจก่อจราจลหรือเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามด้วยความรุนแรง จนถึงวันนี้ยังไม่มีหลักประกันประการใดๆ ว่า นปช.จะเคลื่อนไหวด้วยแนวทางสันติวิธี มีเพียงคำพูด ซึ่งเชื่อถืออะไรไม่ได้
แกนนำ นปช.ต้องพิจารณาการชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ให้ดีระวังจะพาคนไปตาย เพราะแนวโน้มความรุนแรงมีสูงมาก และที่สำคัญจะเป็นความรุนแรงที่ควบคุมไม่อยู่และอาจมาจากพวกเดียวกันเอง เพราะหากกลุ่มปฏิบัติการรุนแรงถูกสกัดโดยอำนาจรัฐ กลุ่มกำลังดังกล่าวก็อาจหันมาใช้วิธีให้ประชาชนเป็นเหยื่อความรุนแรงเพื่อปลุกระดมให้มวลชนเสื้อแดงลุกฮือขับไล่เอาผิดรัฐบาลก็เป็นไปได้
**“ประชา”เชื่อม็อบแดงบุกกรุงครึ่งล้าน
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์คนเสื้อแดง-นปช. ที่จะมาชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯ วันที่14 มีนาคมนี้ว่าจากการประเมินหลังแกนนำ นปช.ได้ประกาศกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวที่ประกาศไว้จะมาล้านคนนั้น ขณะนี้ประเมินอย่างต่ำ เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมอย่างน้อย5 แสนคน หรือครึ่งล้าน อย่างแน่นอน รถเข้ามาเป็นแสนคนทุกสาขาอาชีพจะมาร่วมเต็มบ้านเต็มเมืองอาจเป็นล้าน จะทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพทุกทิศทุกทาง ทั้งทางบก รวมถึงทางน้ำที่จะมาทางเรือ จาก จ.อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรีและปริมณฑล นนทบุรี และสมุทรปราการ เชื่อว่ารัฐบาลไม่มีทางสกัดได้อย่างแน่นอน
**“สาทิตย์”จับตา “ทีวีเสื้อแดง”
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศปรับผังทีวีพร้อมรบของคนเสื้อแดง ได้เปลี่ยนแนวทางจากสันติมาสู่ความรุนแรง ดูจากป้ายข้างหลังจอที่ใช้ข้อความว่าล้มอำมาตย์ ซึ่งต่างจากที่ผ่านมาที่ทีวีดาวเทียมของคนเสื้อแดงเป็นการสื่อสารแบบหนึ่ง เราก็ไม่ได้เข้าไปจัดการ แต่เมื่อประกาศปรับผังพร้อมรบแล้วมีการไปดำเนินการอะไรที่ผิดกฎหมายเช่นมีการปลุกระดม ยุยงให้มีการเผาสถานที่ราชการ ก่อวินาศกรรม หรือมีการเผยแพร่คำพูดของนาย อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช.ให้เอาขวดน้ำมันติดตัวกันมา เหตุการณ์ก็จะเหมือนกับดีสเตชั่นเมื่อช่วง 12-13 เม.ย.ที่ผ่านมา จึงได้มอบหมายให้ตำรวจนครบาลติดตามและดำเนินการตามกฎหมายทันที
**แดงถ่อยสรุปวันเดินทาง
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ส่วนกลางได้ลงพื้นที่ประสานงานเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมแต่ละภูมิภาคโหมโรงก่อนชุมุนมใหญ่ โดยวันที่5มี.ค.พื้นที่ภาคอีสาน จะจัดกิจกรรมที่ลานย่าโม จ.นครราชสีมา ค่ำวันเดียวกันพ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดิโอลิ้งค์มาด้วย 7มี.ค.ภาคตะวันออก จัดเวทีจ.ระยอง 8 มี.ค.ภาคกลางจ.อ่างทอง 9 มี.ค.ภาคเหนือ จ.แพร่ เมื่อถึงวันที่ 10 มี.ค.จะหยุดความเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมความพร้อมเคลื่อนขบวนเข้ากทม.วันที่12มี.ค.เวลา 12.00 น. ภาคเหนือจะเดินทางมารวมพลจ.นครสวรรค์ ภาคอีสานที่ จ.นครราชสีมา ภาคตะวันออกและตะวันตกอาจเคลื่อนขบวนเข้าสู่กทม.ในช่วงเช้ามืดวันที่ 14 มี.ค.
ในส่วนของทัพเรือกว่า100ลำแต่ละลำมีคนมาร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า100คน ที่เดินทางมาจากพระนครศรีอยุธยา อาจจะเดินทางมาถึงในวันถัดไปเพราะต้องการให้การทำข่าวประโคมเพียงวันเดียว นอกจากนี้วันที่12มี.ค.กทม.จะมีการจัดเวที6จุด 1.อนุสาวรีย์ปราบกบฎ ย่านหลักสี่ 2.สน.ทุ่งสองห้อง 3.สี่แยกบางนา 4.สวนลุมพินี 5.สามเหลี่ยมดินแดง 6.วงเวียนใหญ่ บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน
ตั้งเวทีใหญ่ในกทม.บริเวณแยกผ่านฟ้า หันหลังให้ป้อมพระกาฬ โดยการตั้งเวทีไม่ได้ถือโชคลาง ถือเอาชัยภูมิเป็นสำคัญ และยังตั้งเป้าคนมาร่วมชุมนุม1ล้านคน คิดในอัตราส่วน1ใน3 จากผู้ที่มาร่วมลงชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ 3.5ล้านรายชื่อ
**ป๊อกเถิด เป็นห่วงสถานการณ์
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงประจำเดือนมีนาคมว่า ที่ประชุม พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง
“ผบ.ทบ.เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยไปชี้แจงสร้างความเข้าใจกับกำลังพลและครอบครัวในจุดยืนและบทบาทของกองทัพบกที่ยึดประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ ไม่มีสี ไม่มีฝ่าย นอกจากนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเผชิญกับทุกๆสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ให้ผู้บังคับหน่วยกำกับดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ตั้งหน่วยทหารให้รัดกุมและดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด”พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว
***ออกหมายจับ เคทอง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านการสอบสวนพนักงานสอบสวน แถลงข่าวศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับ “เคทอง” หรือนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ แล้วภายหลังพูดออกอากาศผ่านโปรมแกรมฟร็อกทางอินเทอร์เน็ต ในคืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ว่าจะเกิดสงครามกลางเมือง และมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นหลายพื้นที่ใน กทม.สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมือง