ASTVผู้จัดการรายวัน - “มาร์ค” วอนคนไทยเคารพกระบวนการยุติธรรม จี้ “แม้ว” เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม แนะเลิกพูดสินบน 5 พันล้าน “เทือก”สลดปูดข่าวซื้อตัวตุลาการทำลายภาพลักษณ์ มาตรฐานศาลไทยที่มีมานับร้อยปี ขณะที่ดีเอสไอพร้อมประสาน ป.ป.ง.ตรวจสอบเงินสินบน 5 พันล้าน ด้านศาลฎีกาฯ พาสื่อเยี่ยมชมขั้นตอนการพิจารณาคดี บช.น.พร้อมอารักขาเข้มจัดชุดจู่โจมเร็วรักษาความปลอดภัยใน 15 นาที
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองใหม่ ออกมาระบุว่ามีการเสนอให้สินบนคณะผู้พิพากษาคดียึกทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนละ 1,000 ล้านบาทรวมเป็นเงิน 5,000 ล้านบาทว่า ศาลออกมาปฏิเสธแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องที่จบไป ซึ่งทั้งหมดอยู่คำพิพากษา ที่ต้องมีคำอธิบายอยู่แล้วว่ามีเหตุผลอะไรในการตัดสิน ตนถึงได้เน้นย้ำว่าสัปดาห์นี้อย่าตื่นเต้นกัน ให้รอคำพิพากษาของศาล และศาลคงจะได้แจกแจงเหตุผลทั้งหมด เมื่อเรารับฟังเหตุผลของศาลและยอมรับทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไป
ส่วนที่คนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ยังโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยและบอกว่าจะไปฟ้องศาลโลกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ?ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าจะไปฟ้องในประเด็นไหนอย่างไร? เมื่อถามต่อว่า หลังจากมีการตัดสินคดีไปแล้วอาจจะมีเคลื่อนไหวตามมาอีก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันแก้ไข เพราะในสังคมเราต้องให้ความเคารพกระบวนการยุติธรรม ที่จริงแล้วเรามาสนใจเฉพาะคดีใดคดีหนึ่งไม่ได้หรอก ความจริงศาลมีการตัดสินหลายคดี หลายๆฝ่าย ที่อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็มีแพ้บ้างชนะบ้างแต่เวลาที่ใครไม่พอใจแล้ว หยิบยกขึ้นมา ก็ไปทำให้เกิดความเข้าใจว่าตัวเองแพ้ตลอดหรือชนะตลอดซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการทำให้คดีของบุคคลคนเดียวกลายมาเป็นปัญหาของชาติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เราก็ต้องไม่ให้เป็น เราก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งคดี และให้ผ่านพ้นในวันที่ 26 ก.พ.นี้ไป? เมื่อถามว่า จะอยากฝากบอกอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ อีกสักครั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เหมือนเดิม ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีที่มีกระแสข่าวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้คนกลุ่มฮาร์ดคอร์ของคนเสื้อแดงเดินทางเข้า มาในพื้นที่กทม.ในช่วงนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน
สุด"สลดใจ"ปล่อยข่าวซื้อศาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องน่าสลดใจอย่างยิ่งที่มีการปล่อยข่าวติดสินบนตุลาการในคดียึดทรัพย์ถึง 5,000 ล้านบาท เป็นการปล่อยข่าวทำลายภาพพจน์ของศาล ของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นมาตรฐานและมีมาเป็นร้อยๆ ปี พอมาพิจารณาคดีนี้ศาลเหนื่อยเลย
"ตามปกติการพิจารณาคดีในศาลซึ่งมีทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา องค์คณะก็จะมีเพียง 3 คนเท่านั้น แต่สำหรับคดีนักการเมือง รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า จะต้องมีการพิจารณาคดีที่เป็นการเฉพาะ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตัดสินจึงได้ใช้ศาลฎีกาเลย มีศาลเดียว แต่ก็มีระบบรองรับว่าจะต้องเกิดความเป็นธรรม คนที่จะมาเป็นผู้พิพากษาคดีของนักการเมืองจะใช้ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งนั้น เป็นศาลสูง และใช้ตั้ง 9 คนเป็นองค์คณะ ซึ่งทั้ง 9 กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เขาก็ต้องทำงานกันมาค่อนชีวิต มีประสบการณ์ในการใช้ วิชาชีพทางกฎหมายอย่างโชกโชน แม่นยำ เพราะฉะนั้นไว้ใจได้ เชื่อถือได้ ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบศาลของเรา อย่าไปหวั่นไหวกับข่าว ผมเชื่อว่าวิธีนั้นทำไม่ได้ในประเทศนี้ แม้ว่าจะมีคนพยายามจะทำก็ตาม อย่างที่มีการนำเงินใส่ถุงขนมไปติดสินบนศาล ก็ติดคุกันมาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่สำเร็จหรอก ผู้พิพากษาเหล่านี้ถ้าเขาไม่แน่จริง เขาไม่ไปถึงศาลสูงสุดหรอก"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองสิ่งที่พรรคการเมืองใหม่ออกมาปูดในขณะนี้อย่างไร จะมีการสอบถามหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่กล้าไปวิจารณ์เขาหรอก เพราะเดี๋ยวจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างตนกับพรรคการเมืองใหม่ไปอีก ?ขนาดผมไม่วิจารณ์เขายังเสนอปลดผมเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นขอไม่วิจารณ์ดีกว่า อย่างไรก็ตามเชื่อว่า คงมีการปล่อยข่าวอีกเยอะ ซึ่งก็น่าเห็นใจศาล แต่ศาลคงไม่ต้องการความเห็นใจอะไรจากเราเพราะท่านถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน และเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติยศที่สุด
ยังไม่เห็นหนทางฟ้องศาลโลกได้
ส่วนที่มีข่าวว่าหากถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปฟ้องศาลโลก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินว่าจะไปฟ้องศาลโลกได้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะให้มีสถานการณ์อย่างไรถึงจะนำไปสู่ตรงนั้น ซึ่งจุดประสงค์ของเขาต้องการอะไรนั้นต้องไปถามเขา แต่น่าเสียดายว่าเขาก็เป็นนักกฎหมาย เรียนกฎหมายมา
สำหรับการข่มขู่ที่ออกมามากในช่วงนี้ทั้งการขู่วางระเบิดที่กระทรวงศึกษาธิการ และการขู่ขนน้ำมันเผาสำนักพิมพ์แนวหน้า นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้มันเกิดความวุ่นวาย สับสนเพราะการเมือง และคนที่ทำก็มีเจตนาชัดเจนที่ต้องการให้เกิด เหตุวุ่นวาย สับสนใจบ้านเมืองจะได้เอามาเป็นข้ออ้างในการต่อสู้กับเขาต่อไป แต่ขอให้ประชาชนช่วยกันทำหน้าที่เจ้าของประเทศ เป็นหู เป็นตา เห็นอะไรที่แปลกหรือสงสัยก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งในกทม.ก็จะมีศูนย์ประสานงานอยู่
"เราเป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริง อย่ายอมให้คนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่งมาทำให้ บ้านเมืองเราเสียหาย วุ่นวาย สำหรับภาครัฐขณะนี้ได้เตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเฝ้าระวัง ดูแลความปลอดภัยสถานที่สำคัญและบุคคลสำคัญ และตั้งด่านตรวจอย่างเข้มงวดในขณะนี้"
ส่วนที่นาย วีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.ออกมาประกาศสร้างรัฐไทยใหม่ จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ ในประเทศเขาคงไม่เอาด้วยกับนายวีระ ประเทศไทยที่ดำรงอยู่ทุกวันนี้ดีอยู่แล้ว คนที่ไม่ดีก็คือคนที่ก่อกวน สร้างความวุ่นวายต่างหาก
"นพดล" ปัดลูกพี่ซื้อตุลาการ
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฏหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนได้คุยกับ พ.ต.ท. ทักษิณแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มีการวิ่งเต้นจ่ายเงินตุลาการคนละ 1,000 ล้าน 5 คน บาทรวมเป็นเงิน 5,000 ล้านบาทเพื่อล้มคดีหรือต่อรองคดียึดทรัพย์ตามที่พรรคการเมืองใหม่ให้ข่าวแน่นอน ส่วนข่าวที่ออกมาขณะนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ประเมินว่าเป็นการกุข่าวที่ออกมาจากพรรคการเมืองใหม่ จากรัฐบาล และสื่อบางส่วน เพื่อต้องการให้มีข่าวทางลบแก่พ.ต.ท. ทักษิณ ก่อนวันตัดสินคดี ทางศาลฎีกาฯ เองก็ปฎิเสธแล้วว่า ไม่มีการให้สินบนแก่ตุลาการคนใด ดังนั้นการที่ โฆษกพรรค การเมืองใหม่ออกมาเปิดประเด็น จึงเป็นการตีปลาหน้าไซ หวังผลทางการเมือง สร้างความสับสนให้กับสังคม ว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ต้องการจะล้มคดีเพื่อเอาทรัพย์สินคืน ก่อนหน้านี้ก็เคยปล่อยข่าวแล้วว่า คนเสื้อแดงจะสร้างสถานการณ์รุนแรงป่วนเมือง จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและทุกฝ่ายให้เลิกชี้นำกดดันศาล
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าถ้าแพ้คดีจะไปฟ้องศาลโลกนั้น นายนพดล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีรายละเอียดใดๆ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณได้ย้ำว่าจะขอฟังผลในศาลฎีกาฯ เสียก่อน เวลานี้ยังพูดอะไรไม่ได้ จะเป็นการคาดเดาผลของศาลก่อนคำตัดสิน แต่ในความหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ หมายความว่า จะต่อสู้ตามช่องทางของที่ กฎหมายทั้งในและนอกประเทศและทุกกฎหมายที่มีอยู่ในโลก หากมีช่องทางที่ให้ได้รับความเป็นธรรมก็จะสู้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมคำฟ้องต่อศาลโลกหรือยัง เพราะนายสุเทพ เองก็บอกว่าไม่น่าจะฟ้องได้ นายนพดล กล่าวว่าในส่วนนี้ตนไม่ได้รับผิดชอบ และยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดข้อมูลที่ลึกไปกว่านี้ได้ ขอให้ทุกฝ่ายรอฟังคำตัดสินของศาลฯ ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ก่อน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ในวันตัดสินคดี คนในครอบครัวอดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะไม่อยู่ในประเทศไทย นายนพดล กล่าวว่า ในวันที่ 26 ก.พ. อาจจจะมีสมาชิก ในครอบครัว พ.ต.ท. ทักษิณ บางคนไปฟังคำตัดสินเพราะไม่ใช่คดีที่จะต้องติดคุก แต่ในส่วนของคุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา ตนไม่แน่ใจว่าไปฟังผลหรือไม่ และก็ไม่มีข้อมูลว่า ในวันเวลาดังกล่าว คุณหญิงพจมาน จะเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่
ดีเอสไอพร้อมรับลูกสอบสินบน
นายธาริต พ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า การติดสินบน 5 พันล้านบาทให้องค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ เป็นข้อมูลที่ พรรคการเมืองใหม่เพิ่งเปิดเผย ซึ่งดีเอสไอจะนำเรื่องนี้ไปตรวจสอบ แต่เบื้องต้นยังไม่พบอะไรผิดปกติ เมื่อถามว่า ใช้เวลาตรวจสอบนานหรือไม่ นายธาริต ตอบว่า เราทำอย่างต่อเนื่อง โดยประสานการทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
นาย ธาริต เกล่าวถึงกระแสข่าวว่า แกนนำคนเสื้อแดงบางคนเดินทางไปรับเงินจากต่างประเทศว่า ดีเอสไอได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ ขณะนี้มอนิเตอร์เรื่องนี้ตลอด ยังไม่มีข้อมูลอะไรเป็นนัยยะสำคัญที่จะเรียนต่อสื่อมวลชน ยังอยู่ระหว่างติดตามอยู่ ซึ่งการติดตามที่ผ่านมาดูให้รอบด้านทุกมิติ ยังไม่มีข้อสรุปว่ามีผลอย่างไรบ้าง ดีเอสไอกำลังทำงานอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ดีเอสไอต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของ แกนนำเสื้อแดง นายธาริต กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่แต่จะดูว่า การนำเงินเข้ามาในประเทศนั้น ถูกนำไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเราจะดูจากการตรวจสอบ
กมม.ชี้ปูดสินบนหวังปรามให้หยุด
ด้าน นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวย้ำว่า มีข่าวเรื่องความพยายามวิ่งเต้นให้สินบนผู้พิพากษาในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ คนละกว่า 1,000 ล้านบาทจริง แต่รายละเอียดตนบอกไม่ได้ รู้เพียงว่าก่อนหน้านี้ เคยวิ่งเต้นเสนอ 200 กว่าล้านบาท แต่ไม่ได้ผลจึงต้องเพิ่มเงินสินบนเป็นคนละ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยอมรับยังไม่ได้เช็คข้อเท็จจริงกับศาล เพราะไม่อยากก้าวล่วง ที่สำคัญข่าวดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องที่ลือกันในหมู่นักวิชาการ นักกฎหมาย และทนายความเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการลือกันว่า ขณะนี้เขาได้ไป 4 เสียงแล้ว ขาดอีกเสียงเดียวคดีก็จะพลิกทันที ยืนยันที่ตนพูดไม่ใช่การกดดันศาล แค่หวังให้ทุกคนรู้ว่าศาลซื้อไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการตีปลาหน้าไซเพื่อให้คนมองว่าผู้พิพากษาคนใดบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ผิดเพราะได้สินบนหรือไม่ นายสำราญกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ การออกมาพูดเป็นเพียงการปรารภ หากมีกระบวนการดังกล่าวอยู่จริงก็ให้หยุด ทั้งนี้ ส่วนได้ยินข่าวเรื่องสินบนจากใครนั้นตนไม่ขอบอก แต่ได้ยินต่อๆ กันมา
***เปิดศาลพาสื่อชมห้องพิจารณา
วานนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในศาลฎีกา ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชน โดยกรมประชาสัมพันธ์ ที่เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงาน ขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ พร้อมกล่าวว่า สื่อมวลชนเป็นตัวแทนนำความรู้ไปสู่สังคม ขอให้นำความจริงจากการพิจารณาพิพากษาไปสู่สังคม ศาลฎีกาฯ เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งมีการพัฒนามาตามลำดับ ตัดสินคดีประวัติศาสตร์ไปหลายคดี การจัดองค์คณะไม่มีการกำหนดตัวผู้พิพากษา แต่ใช้ระบบการประชุมใหญ่และผู้พิพากษาเลือกกันเองโดยพิจารณาลับ
นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวว่า สื่อมวลชนมีพลังในการนำเสนอความจริงทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายไปสู่สังคม ขอให้สื่อเป็นพลังสำคัญในการสื่อสารให้สังคมเกิดสติ ศาลไม่เป็นหลัก สังคมจะอยู่ไม่ได้ สังคมต้องปล่อยให้ศาลมีโอกาสทำงาน ศาลไม่ใช่คู่กรณีของคู่ความ อยากเตือนสติประชาชนว่า ศาลไม่ใช่คู่กรณี การทำหน้าที่ของศาลไม่ได้ขึ้นอยู่ในวิสัยที่เป็นอคติที่ให้ผลคดีเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ศาลคือองค์กรตัดสินคดี ถ้าศาลไม่มีหลักน่าเชื่อถือ แล้วสังคมจะอยู่อย่างไร
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น. โฆษก บช.น. กล่าวถึงมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในวันอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้เรียกตำรวจที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่และรักษาความปลอดภัยองค์คณะผู้พิพากษา โดยได้สรุปประเด็นในการทำงานเพื่อให้ปฏิบัติตรงกันอย่างเคร่งครัดตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังมีการสั่งการให้ผู้กำกับการทุกสถานที่ดูแลบ้านพักองค์คณะผู้พิพากษาเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลความปลอดภัยองค์คณะผู้พิพากษาแต่ละท่าน ร่วมกับทหาร ทั้งที่ทำงานและบ้านพัก รวมถึงเส้นทางการเดินทางในแต่ละวันด้วย
“หากมีเหตุรุนแรงทางตำรวจก็เตรียมแผนปฏิบัติการให้ชุดจู่โจมเร็วเข้ารักษาความปลอดภัยภายใน 15 นาที จากนั้น หากเหตุรุนแรงเพิ่ม ต้องสามารถสนธิกำลังจากทหาร เทศกิจ เพื่อควบคุมเหตุการณ์ได้ภายใน 1 ชั่วโมง และหากจำเป็นต้องขอกำลังสนับสนุนจาก บช.ภ.1, 2, 7 ต้องทำได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ด้านพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนคร และคดีลอบวางระเบิดซีโฟร์ภายในรั้วศาลฎีกาว่า ขณะนี้มีพลเมืองได้โทรศัพท์เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี 2-3 ราย แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเชิงลึก เนื่องจากผู้ให้ข้อมูลเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตนเอง ส่วนเงินรางวัลนำจับจำนวน 1 ล้านบาท หากผู้ที่ให้ข้อมูลเบาะแสจนสามารถนำไปสู่การจับคนร้ายได้ทางเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะมอบเงินดังกล่าวให้
“ส่วนความคืบหน้าของคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยมีการตรวจไปแล้ว 3 รอบ เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายมีการมาดูลาดเลาบริเวณที่เกิดเหตุก่อนลงมือ นอกจากนี้ มีคนแจ้งเบาะแสทำให้มีพยานสามารถทำงานไปได้ถูกทางมากยิ่งขึ้น” ผบก.น.1 กล่าว.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองใหม่ ออกมาระบุว่ามีการเสนอให้สินบนคณะผู้พิพากษาคดียึกทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนละ 1,000 ล้านบาทรวมเป็นเงิน 5,000 ล้านบาทว่า ศาลออกมาปฏิเสธแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องที่จบไป ซึ่งทั้งหมดอยู่คำพิพากษา ที่ต้องมีคำอธิบายอยู่แล้วว่ามีเหตุผลอะไรในการตัดสิน ตนถึงได้เน้นย้ำว่าสัปดาห์นี้อย่าตื่นเต้นกัน ให้รอคำพิพากษาของศาล และศาลคงจะได้แจกแจงเหตุผลทั้งหมด เมื่อเรารับฟังเหตุผลของศาลและยอมรับทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไป
ส่วนที่คนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ยังโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยและบอกว่าจะไปฟ้องศาลโลกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ?ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าจะไปฟ้องในประเด็นไหนอย่างไร? เมื่อถามต่อว่า หลังจากมีการตัดสินคดีไปแล้วอาจจะมีเคลื่อนไหวตามมาอีก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันแก้ไข เพราะในสังคมเราต้องให้ความเคารพกระบวนการยุติธรรม ที่จริงแล้วเรามาสนใจเฉพาะคดีใดคดีหนึ่งไม่ได้หรอก ความจริงศาลมีการตัดสินหลายคดี หลายๆฝ่าย ที่อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็มีแพ้บ้างชนะบ้างแต่เวลาที่ใครไม่พอใจแล้ว หยิบยกขึ้นมา ก็ไปทำให้เกิดความเข้าใจว่าตัวเองแพ้ตลอดหรือชนะตลอดซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการทำให้คดีของบุคคลคนเดียวกลายมาเป็นปัญหาของชาติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เราก็ต้องไม่ให้เป็น เราก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งคดี และให้ผ่านพ้นในวันที่ 26 ก.พ.นี้ไป? เมื่อถามว่า จะอยากฝากบอกอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ อีกสักครั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เหมือนเดิม ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีที่มีกระแสข่าวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้คนกลุ่มฮาร์ดคอร์ของคนเสื้อแดงเดินทางเข้า มาในพื้นที่กทม.ในช่วงนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน
สุด"สลดใจ"ปล่อยข่าวซื้อศาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องน่าสลดใจอย่างยิ่งที่มีการปล่อยข่าวติดสินบนตุลาการในคดียึดทรัพย์ถึง 5,000 ล้านบาท เป็นการปล่อยข่าวทำลายภาพพจน์ของศาล ของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นมาตรฐานและมีมาเป็นร้อยๆ ปี พอมาพิจารณาคดีนี้ศาลเหนื่อยเลย
"ตามปกติการพิจารณาคดีในศาลซึ่งมีทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา องค์คณะก็จะมีเพียง 3 คนเท่านั้น แต่สำหรับคดีนักการเมือง รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า จะต้องมีการพิจารณาคดีที่เป็นการเฉพาะ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตัดสินจึงได้ใช้ศาลฎีกาเลย มีศาลเดียว แต่ก็มีระบบรองรับว่าจะต้องเกิดความเป็นธรรม คนที่จะมาเป็นผู้พิพากษาคดีของนักการเมืองจะใช้ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งนั้น เป็นศาลสูง และใช้ตั้ง 9 คนเป็นองค์คณะ ซึ่งทั้ง 9 กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เขาก็ต้องทำงานกันมาค่อนชีวิต มีประสบการณ์ในการใช้ วิชาชีพทางกฎหมายอย่างโชกโชน แม่นยำ เพราะฉะนั้นไว้ใจได้ เชื่อถือได้ ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบศาลของเรา อย่าไปหวั่นไหวกับข่าว ผมเชื่อว่าวิธีนั้นทำไม่ได้ในประเทศนี้ แม้ว่าจะมีคนพยายามจะทำก็ตาม อย่างที่มีการนำเงินใส่ถุงขนมไปติดสินบนศาล ก็ติดคุกันมาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่สำเร็จหรอก ผู้พิพากษาเหล่านี้ถ้าเขาไม่แน่จริง เขาไม่ไปถึงศาลสูงสุดหรอก"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองสิ่งที่พรรคการเมืองใหม่ออกมาปูดในขณะนี้อย่างไร จะมีการสอบถามหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่กล้าไปวิจารณ์เขาหรอก เพราะเดี๋ยวจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างตนกับพรรคการเมืองใหม่ไปอีก ?ขนาดผมไม่วิจารณ์เขายังเสนอปลดผมเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นขอไม่วิจารณ์ดีกว่า อย่างไรก็ตามเชื่อว่า คงมีการปล่อยข่าวอีกเยอะ ซึ่งก็น่าเห็นใจศาล แต่ศาลคงไม่ต้องการความเห็นใจอะไรจากเราเพราะท่านถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน และเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติยศที่สุด
ยังไม่เห็นหนทางฟ้องศาลโลกได้
ส่วนที่มีข่าวว่าหากถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปฟ้องศาลโลก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินว่าจะไปฟ้องศาลโลกได้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะให้มีสถานการณ์อย่างไรถึงจะนำไปสู่ตรงนั้น ซึ่งจุดประสงค์ของเขาต้องการอะไรนั้นต้องไปถามเขา แต่น่าเสียดายว่าเขาก็เป็นนักกฎหมาย เรียนกฎหมายมา
สำหรับการข่มขู่ที่ออกมามากในช่วงนี้ทั้งการขู่วางระเบิดที่กระทรวงศึกษาธิการ และการขู่ขนน้ำมันเผาสำนักพิมพ์แนวหน้า นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้มันเกิดความวุ่นวาย สับสนเพราะการเมือง และคนที่ทำก็มีเจตนาชัดเจนที่ต้องการให้เกิด เหตุวุ่นวาย สับสนใจบ้านเมืองจะได้เอามาเป็นข้ออ้างในการต่อสู้กับเขาต่อไป แต่ขอให้ประชาชนช่วยกันทำหน้าที่เจ้าของประเทศ เป็นหู เป็นตา เห็นอะไรที่แปลกหรือสงสัยก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งในกทม.ก็จะมีศูนย์ประสานงานอยู่
"เราเป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริง อย่ายอมให้คนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่งมาทำให้ บ้านเมืองเราเสียหาย วุ่นวาย สำหรับภาครัฐขณะนี้ได้เตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเฝ้าระวัง ดูแลความปลอดภัยสถานที่สำคัญและบุคคลสำคัญ และตั้งด่านตรวจอย่างเข้มงวดในขณะนี้"
ส่วนที่นาย วีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.ออกมาประกาศสร้างรัฐไทยใหม่ จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ ในประเทศเขาคงไม่เอาด้วยกับนายวีระ ประเทศไทยที่ดำรงอยู่ทุกวันนี้ดีอยู่แล้ว คนที่ไม่ดีก็คือคนที่ก่อกวน สร้างความวุ่นวายต่างหาก
"นพดล" ปัดลูกพี่ซื้อตุลาการ
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฏหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนได้คุยกับ พ.ต.ท. ทักษิณแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มีการวิ่งเต้นจ่ายเงินตุลาการคนละ 1,000 ล้าน 5 คน บาทรวมเป็นเงิน 5,000 ล้านบาทเพื่อล้มคดีหรือต่อรองคดียึดทรัพย์ตามที่พรรคการเมืองใหม่ให้ข่าวแน่นอน ส่วนข่าวที่ออกมาขณะนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ประเมินว่าเป็นการกุข่าวที่ออกมาจากพรรคการเมืองใหม่ จากรัฐบาล และสื่อบางส่วน เพื่อต้องการให้มีข่าวทางลบแก่พ.ต.ท. ทักษิณ ก่อนวันตัดสินคดี ทางศาลฎีกาฯ เองก็ปฎิเสธแล้วว่า ไม่มีการให้สินบนแก่ตุลาการคนใด ดังนั้นการที่ โฆษกพรรค การเมืองใหม่ออกมาเปิดประเด็น จึงเป็นการตีปลาหน้าไซ หวังผลทางการเมือง สร้างความสับสนให้กับสังคม ว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ต้องการจะล้มคดีเพื่อเอาทรัพย์สินคืน ก่อนหน้านี้ก็เคยปล่อยข่าวแล้วว่า คนเสื้อแดงจะสร้างสถานการณ์รุนแรงป่วนเมือง จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและทุกฝ่ายให้เลิกชี้นำกดดันศาล
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าถ้าแพ้คดีจะไปฟ้องศาลโลกนั้น นายนพดล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีรายละเอียดใดๆ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณได้ย้ำว่าจะขอฟังผลในศาลฎีกาฯ เสียก่อน เวลานี้ยังพูดอะไรไม่ได้ จะเป็นการคาดเดาผลของศาลก่อนคำตัดสิน แต่ในความหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ หมายความว่า จะต่อสู้ตามช่องทางของที่ กฎหมายทั้งในและนอกประเทศและทุกกฎหมายที่มีอยู่ในโลก หากมีช่องทางที่ให้ได้รับความเป็นธรรมก็จะสู้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมคำฟ้องต่อศาลโลกหรือยัง เพราะนายสุเทพ เองก็บอกว่าไม่น่าจะฟ้องได้ นายนพดล กล่าวว่าในส่วนนี้ตนไม่ได้รับผิดชอบ และยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดข้อมูลที่ลึกไปกว่านี้ได้ ขอให้ทุกฝ่ายรอฟังคำตัดสินของศาลฯ ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ก่อน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ในวันตัดสินคดี คนในครอบครัวอดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะไม่อยู่ในประเทศไทย นายนพดล กล่าวว่า ในวันที่ 26 ก.พ. อาจจจะมีสมาชิก ในครอบครัว พ.ต.ท. ทักษิณ บางคนไปฟังคำตัดสินเพราะไม่ใช่คดีที่จะต้องติดคุก แต่ในส่วนของคุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา ตนไม่แน่ใจว่าไปฟังผลหรือไม่ และก็ไม่มีข้อมูลว่า ในวันเวลาดังกล่าว คุณหญิงพจมาน จะเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่
ดีเอสไอพร้อมรับลูกสอบสินบน
นายธาริต พ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า การติดสินบน 5 พันล้านบาทให้องค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ เป็นข้อมูลที่ พรรคการเมืองใหม่เพิ่งเปิดเผย ซึ่งดีเอสไอจะนำเรื่องนี้ไปตรวจสอบ แต่เบื้องต้นยังไม่พบอะไรผิดปกติ เมื่อถามว่า ใช้เวลาตรวจสอบนานหรือไม่ นายธาริต ตอบว่า เราทำอย่างต่อเนื่อง โดยประสานการทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
นาย ธาริต เกล่าวถึงกระแสข่าวว่า แกนนำคนเสื้อแดงบางคนเดินทางไปรับเงินจากต่างประเทศว่า ดีเอสไอได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ ขณะนี้มอนิเตอร์เรื่องนี้ตลอด ยังไม่มีข้อมูลอะไรเป็นนัยยะสำคัญที่จะเรียนต่อสื่อมวลชน ยังอยู่ระหว่างติดตามอยู่ ซึ่งการติดตามที่ผ่านมาดูให้รอบด้านทุกมิติ ยังไม่มีข้อสรุปว่ามีผลอย่างไรบ้าง ดีเอสไอกำลังทำงานอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ดีเอสไอต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของ แกนนำเสื้อแดง นายธาริต กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่แต่จะดูว่า การนำเงินเข้ามาในประเทศนั้น ถูกนำไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเราจะดูจากการตรวจสอบ
กมม.ชี้ปูดสินบนหวังปรามให้หยุด
ด้าน นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวย้ำว่า มีข่าวเรื่องความพยายามวิ่งเต้นให้สินบนผู้พิพากษาในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ คนละกว่า 1,000 ล้านบาทจริง แต่รายละเอียดตนบอกไม่ได้ รู้เพียงว่าก่อนหน้านี้ เคยวิ่งเต้นเสนอ 200 กว่าล้านบาท แต่ไม่ได้ผลจึงต้องเพิ่มเงินสินบนเป็นคนละ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยอมรับยังไม่ได้เช็คข้อเท็จจริงกับศาล เพราะไม่อยากก้าวล่วง ที่สำคัญข่าวดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องที่ลือกันในหมู่นักวิชาการ นักกฎหมาย และทนายความเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการลือกันว่า ขณะนี้เขาได้ไป 4 เสียงแล้ว ขาดอีกเสียงเดียวคดีก็จะพลิกทันที ยืนยันที่ตนพูดไม่ใช่การกดดันศาล แค่หวังให้ทุกคนรู้ว่าศาลซื้อไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการตีปลาหน้าไซเพื่อให้คนมองว่าผู้พิพากษาคนใดบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ผิดเพราะได้สินบนหรือไม่ นายสำราญกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ การออกมาพูดเป็นเพียงการปรารภ หากมีกระบวนการดังกล่าวอยู่จริงก็ให้หยุด ทั้งนี้ ส่วนได้ยินข่าวเรื่องสินบนจากใครนั้นตนไม่ขอบอก แต่ได้ยินต่อๆ กันมา
***เปิดศาลพาสื่อชมห้องพิจารณา
วานนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในศาลฎีกา ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชน โดยกรมประชาสัมพันธ์ ที่เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงาน ขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ พร้อมกล่าวว่า สื่อมวลชนเป็นตัวแทนนำความรู้ไปสู่สังคม ขอให้นำความจริงจากการพิจารณาพิพากษาไปสู่สังคม ศาลฎีกาฯ เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งมีการพัฒนามาตามลำดับ ตัดสินคดีประวัติศาสตร์ไปหลายคดี การจัดองค์คณะไม่มีการกำหนดตัวผู้พิพากษา แต่ใช้ระบบการประชุมใหญ่และผู้พิพากษาเลือกกันเองโดยพิจารณาลับ
นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวว่า สื่อมวลชนมีพลังในการนำเสนอความจริงทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายไปสู่สังคม ขอให้สื่อเป็นพลังสำคัญในการสื่อสารให้สังคมเกิดสติ ศาลไม่เป็นหลัก สังคมจะอยู่ไม่ได้ สังคมต้องปล่อยให้ศาลมีโอกาสทำงาน ศาลไม่ใช่คู่กรณีของคู่ความ อยากเตือนสติประชาชนว่า ศาลไม่ใช่คู่กรณี การทำหน้าที่ของศาลไม่ได้ขึ้นอยู่ในวิสัยที่เป็นอคติที่ให้ผลคดีเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ศาลคือองค์กรตัดสินคดี ถ้าศาลไม่มีหลักน่าเชื่อถือ แล้วสังคมจะอยู่อย่างไร
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น. โฆษก บช.น. กล่าวถึงมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในวันอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้เรียกตำรวจที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่และรักษาความปลอดภัยองค์คณะผู้พิพากษา โดยได้สรุปประเด็นในการทำงานเพื่อให้ปฏิบัติตรงกันอย่างเคร่งครัดตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังมีการสั่งการให้ผู้กำกับการทุกสถานที่ดูแลบ้านพักองค์คณะผู้พิพากษาเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลความปลอดภัยองค์คณะผู้พิพากษาแต่ละท่าน ร่วมกับทหาร ทั้งที่ทำงานและบ้านพัก รวมถึงเส้นทางการเดินทางในแต่ละวันด้วย
“หากมีเหตุรุนแรงทางตำรวจก็เตรียมแผนปฏิบัติการให้ชุดจู่โจมเร็วเข้ารักษาความปลอดภัยภายใน 15 นาที จากนั้น หากเหตุรุนแรงเพิ่ม ต้องสามารถสนธิกำลังจากทหาร เทศกิจ เพื่อควบคุมเหตุการณ์ได้ภายใน 1 ชั่วโมง และหากจำเป็นต้องขอกำลังสนับสนุนจาก บช.ภ.1, 2, 7 ต้องทำได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ด้านพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนคร และคดีลอบวางระเบิดซีโฟร์ภายในรั้วศาลฎีกาว่า ขณะนี้มีพลเมืองได้โทรศัพท์เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี 2-3 ราย แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเชิงลึก เนื่องจากผู้ให้ข้อมูลเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตนเอง ส่วนเงินรางวัลนำจับจำนวน 1 ล้านบาท หากผู้ที่ให้ข้อมูลเบาะแสจนสามารถนำไปสู่การจับคนร้ายได้ทางเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะมอบเงินดังกล่าวให้
“ส่วนความคืบหน้าของคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยมีการตรวจไปแล้ว 3 รอบ เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายมีการมาดูลาดเลาบริเวณที่เกิดเหตุก่อนลงมือ นอกจากนี้ มีคนแจ้งเบาะแสทำให้มีพยานสามารถทำงานไปได้ถูกทางมากยิ่งขึ้น” ผบก.น.1 กล่าว.