ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค” วอนประชาชนอย่าแตกตื่น มั่นใจก้าวผ่านสถานการณ์ช่วงนี้ได้ ระบุมือโทร.ขู่ ก.ศึกษาฯ แค่พวกนึกสนุก ปัดเครือข่ายครูใช้รถขนเสื้อแดงเข้ากรุง ยอมรับสังคมห่วง ขำ!โหร คมช.ชี้ นายกฯคนต่อไปชื่อย่อ “ป.” ลั่นไม่ถอดใจ ปิดประตูปฏิวัติ ด้านลิ่วล้อชี้นายใหญ่จ่อฟ้องศาลโลก ออกแถลงการณ์ 26 ก.พ. หลังรู้คำตัดสินยันมีช่องสู้ต่อ ส่วน ”นช.แม้ว” ทวิตรายวันเหน็บรัฐบาล อิงแต่ กม.ไม่อิงยุติธรรม ขณะที่โพลคนกรุงเชื่อวุ่นวาย
วานนี้ (21 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้รับรายงานจากนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ ถึงการถูกข่มขู่วางระเบิดกระทรวงศึกษาธิการเมื่อค่ำวันที่ 19 ก.พ.ทางโทรษศัพท์ว่าเป็นลักษณะของการก่อกวน และเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเรื่องนี้แล้ว ขณะที่นายชินวรณ์ก็เป็นกรรมการในคณะกรรมการติดตาม สถานการณ์ความมั่นคง (คตม.)
อย่างไรก็ตามได้ขอความร่วมมือจากประชาชนถึงสถานการณ์ในขณะนี้ว่ารัฐบาลพยายามดูแลความสงบเรียบร้อย และเป็นประโยชน์กับทุกคน จึงขอร้องว่าอย่าเห็นเป็นเรื่องสนุก เพราะเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักหลังงจากที่้รัฐบาลได้เปิดรับข้อมูลหลายช่องทาง ทั้งนี้เห็นว่า จะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายกับคนที่ข่มขู่ลักษณะนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงข่าวลือการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค จากเหตุไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมืองว่า คงไม่ถึงขั้นนั้น ประชาชนคงวิตกกังวลการชุมนุมในบางพื้นที่และคาดวาสไม่สะดวกในการจราจร หรือเกรงว่าจะมีการกระทบกระทั่งกัน เหมือนกับกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมที่ ถ.สีลม เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา
ส่วนที่หลายประเทศออกหนังสือเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์ที่สืบเนื่องมาจากการตัดสินคดียึดทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนคาดหมายมาตั้งแต่ต้นว่าจะเกิดความรู้สึกตึงเครียด ดังนั้นถ้าสังคมเราเคารพ ฟังและยอมรับสิ่งที่ศาลจะดำเนินการ ทุกอย่างก็จะเดินต่อไปได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา ดังนั้นประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนก
ต่อข้อถามว่ารัฐบาลจะก้าวข้ามปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือไม่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า สังคมต้องก้าวให้พ้นปัญหาได้อยู่แล้ว เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมีปัญหาวังวนอยู่อย่างนี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเชิญชวนประชาชนจากต่างจังหวัดให้เดินทางเข้ามาชุมนุมใน กทม.นั้น เห็นว่าสามารถทำได้ แต่ต้องถามว่าเพื่ออะไร หากเป็นปัญหาเดือดร้อน หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็มีหลายช่องทาง แต่ถ้าจะเคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ส่วนบุคคล มันไม่เกิดประโยชน์อะไร และช่วยอะไรไม่ได้ ซึ่งเจ้าตัวคงต้องดิ้นรนเป็นปกติ
ส่วนกระแสข่าวว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยได้ และได้รับคืนทรัพย์สินคืนทั้งหมดประชาชนจะได้รับเงินคนละ 1 แสนบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ หัวเราะและกล่าวว่า “ความเป็นจริงก็คงจะรู้กันว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น” เมื่อถามว่ากรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง เดินทางไปดูไบเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา จะมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในขณะนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าตัวก็ชัดเจนว่าเขาทำงานให้ใคร ดังนั้นเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานจะต้องตรวจสอบ ว่ามีการกระทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหว ได้มีการรายงานมาปละปลาย ซึ่งได้มีการตรวจสอบและเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่านายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ ออกมาระบุว่าจะมีการนำรถของสถาบันราชภัฏขนคนจากต่างจังหวัดเข้ามาชุมนุมในกทม. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพราะอย่างนี้ รมว.ศึกษาธิการถึงได้อยู่ในคณะกรรมการ คตม. เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาได้ และไม่ได้หมายความว่าเครือข่ายครูทั้งหมดจะเป็นเครือข่ายที่มีปัญหา เราอย่าไประบุว่าเป็นเครือข่ายนั้นเครือข่ายนี้ แต่ต้องยอมรับว่าในทุกวงการจะมีบุคคลที่ฝักใฝ่การเมือง ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ไม่ควรเอาเรื่อง ของเครือข่ายหรือราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่านักธุรกิจลงขันตั้งรางวัลนำจับมือวางระเบิดแสดงว่าไม่เชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงเป็นความปรารถนาดี เพราะทุกคนอยากให้มีการดำเนินการได้ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ในส่วนของรัฐบาลกำลังดำเนินการติดตามเรื่องนี้อยู่ และตนได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่า เวลาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องดำเนินการให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับความเชื่อมั่น และจะถูกนำไปขยายผล ส่วนความเชื่อมั่นโดยรวมทางเศรษฐกิจนั้น หากรัฐบาลสามารถ บริการสถานการณ์ตรงนี้ได้ ทุกอย่างกำลังไปในทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขต่างๆ และในวันที่ 22 ก.พ. นี้ ทางสภาพัฒน์ฯ ก็จะมีการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ซึ่งคาดว่าจะเป็นตังเลขที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพบก ยังมีการพูดถึงเรื่องการปฏิวัติอยู่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่ามันไม่มีเหตุผลอะไร และมองไม่เห็นว่าการปฏิวัติรัฐประหารจะไปแก้ไขปัญหาให้ใครได้ มีแต่ทำให้เกิดความ ขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบัน และรัฐบาลถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปกป้องสถาบันหลักของชาติ แต่การดำเนินการ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและไม่ตกเป็นเหยื่อของฝ่ายที่ไม่หวังดีต่อสถาบัน จะคิดทำอะไรต้องคิดให้ครบถ้วนทุกด้าน
ส่วนที่โหร คมช.ออกมาระบุว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะมีชื่ออักษรย่อ ป. นายกรัฐมนตรี หัวเราะและกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่กลัวคนจะไปเปลี่ยนชื่อเป็น ป.กันหมด
**มาร์คย้ำแดงป่วนหนักก็ไม่ถอดใจ
ขณะที่รายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตี ระบุว่าการทีมีคนจำนวนหนึ่งไปชุมนุมต่อต้านอะไรต่าง ๆ เวลาตนปฏิบัติภารกิจ ตนค่อนข้างสมาธิดี เพราะฉะนั้นทำภารกิจอะไรก็ปฏิบัติภารกิจนั้นต่อไป ก็ฟังไม่ใช่ไม่ฟัง แล้วก็ได้ยินด้วย ก็ถือเป็นข้อมูลอย่างหนึ่ง เพราะว่าทำให้ทราบว่าเขาคิดอะไร ยกตัวอย่างเช่นที่ไปทำพิธีเททองยกช่อฟ้าอยู่ เริ่มต้นขึ้นมาคำแรกก็ตะโกนว่าฆาตกร อันนี้ก็ทำให้ทราบว่าอย่างน้อยรู้แล้วว่ามีไปให้ข้อมูลเขาผิดว่าไปสั่งฆ่าประชาชนอะไรต่าง ๆ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นก็ฟัง ก็ได้ยิน
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไร นายกฯกล่าวว่า "บอกได้ว่ามนุษย์ทุกคนคงไม่ต่างกันครับคงไม่มีใครฟังแล้วสนุก แต่ว่าเราก็ต้องรู้ว่าเราต้องอดทน อดกลั้น และผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมมั่นใจอย่างนั้นเพราะว่าจริง ๆ ทุกที่ที่ไปคนส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แล้วคนไทยส่วนใหญ่พูดตรง ๆ แม้แต่เวลาไม่ชอบใคร โดยปกติก็ไม่เป็นอย่างนี้ครับ คนไทยส่วนใหญ่ไปที่บ้านเขานะครับ บางทีเขาไม่ชอบเขาก็ต้อนรับ มันก็เป็นนิสัยของคนไทยซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ดั้งเดิม เพราะฉะนั้นผมก็เห็นใจว่าบางคนคงได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน แล้วก็เลยมีความโกรธ แต่ว่าเราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจต่อไป แต่ว่าไม่ถอดใจไม่ถอดครับ ไม่มีประโยชน์อะไรจะไปถอดใจละครับ ถอดใจเขาก็ไม่หยุดด่าครับ"
**"เสมา 1"ชี้ขู่วางระเบิดศธ.แค่ป่วน
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการขู่วางระเบิดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 ก.พ.ได้มีผู้โทร.เข้ามาที่สายด่วน 1579 ของกระทรวงศึกษาธิการโดยพูดขู่จะวางระเบิดศธ. เชื่อว่าเป็นการก่อกวนเพราะเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ได้มีการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.)และตนเป็นหนึ่งในกรรมการคตม.ด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาตนได้ไปอยู่ที่ศธ.ทั้งวันแต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น ทั้งนี้ได้กำชับ รมช.ทั้ง 2 คนและผู้บริหารหน่วยงานต่างๆของศธ.ให้ดูแลรักษาความปลอดภัยตามมาตรการที่กำหนดขึ้น และดูเวรยาม หลังจากเกิดขึ้นขู่วางระเบิดและทมางปลัดศธ.ได้ประชุมเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนกรณีที่นายชัยวุฒิ บรรณาวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการระบุว่าไม่อยากให้มีผู้ยืมรถของมหาวิทยาลัยราชภัฏขนคนมาชุมนุมในกรุงเทพฯนั้นเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้วที่มีการชุมนุม แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่ได้กำชับไปแล้ว
**แม่ทัพ1ระบุสถานการณ์ยังปกติดี
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ล่าสุด ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด หลังสนธิกำลัง ทั้งทหาร ตำรวจ และเทศกิจ ตั้งจุดตรวจ 200 ด่าน ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า สัปดาห์สุดท้าย ก่อนตัดสินคดียึดทรัพย์นั้น ตำรวจไม่ได้เพิ่มกำลัง จากที่เคยวางแผน เอาไว้แต่อย่างใด เนื่องจาก แผนที่กำหนดไว้เพียงพอแล้ว ส่วนในการฝึกซ้อมควบคุม ฝูงชน เมื่อวันที่ 20 ก.พ"ถือเป็นการซ้อมใหญ่ และจะไม่มีการซ้อมแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไป หน่วยรับผิดชอบแต่ละหน่วย จะปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับหมอบหมาย
** “เทพไท” ชี้แม้วเชื่อเลข 6 ทำหัวคะมำ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังวันที่ 26 ก.พ. จะมีการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงเพราะหากทำก่อนจะไม่มีน้ำหนักในการเรียกมวลชน จึงต้องรอผลการตัดสินศาลเพื่อใช้เป็นประเด็นในการเคลื่อนไหวใหญ่ แต่แกนนำยังมีลักษณะค่อนข้างแตกแยกกันพอสมควร ดังนั้นคนทำงานหนักน่าจะเป็นนายใหญ่ โดยเฉพาะจะต้องประสานผลประโยชน์ให้ลงตัวในหมู่แกนนำ
ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศว่าจะไม่มีการชุมนุม แต่จะเป็นสิทธิ์คนเสื้อแดงที่จะไปชุมนุมที่ศาลฎีกา เห็นว่า คนเสื้อแดงประกาศโดยไม่รับผิดชอบต่อมวลชนของตัวเอง คนเหล่านี้ พยายามป้องกันตัวเองว่าถ้าหากมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้นที่ผิดกฎหมาย แต่ที่ไม่สบายใจคือ มีคนในระบอบทักษิณเพียงกลุ่มเดียว ที่พยายามจะออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะทำนายผลการตัดสิน รวมไปถึงท่าที่ที่จะกดดันคำพิพากษา
“ในช่วงวันที่ 26 ก.พ. และอยากให้ทุกคนอยู่บ้าน ที่ทำงาน ไม่จำเป็นต้องไปชุมนุมหรือรอฟังคำพิพากษาที่ศาล เพราะมีสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ได้ถ่ายทอดสดการอ่านคำพิพากษาอยู่แล้ว หากดูท่าที่ของพ.ต.ท.ทักษิณในช่วงใกล้โค้งสุดท้ายที่ดูว้าวุ่น การให้ความหวังกับคนต่างจังหวัดว่า 6 เดือน จะปลดหนี้ ปราบยาเสพติด ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ พยายามใช้เลข 6 เป็นเลขนำโชคตัวเอง และสมัยเมื่อเล่นการเมืองใหม่ๆ ประกาศว่า 6 เดือนจะแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพให้ได้ ถ้าเป็นรัฐบาล 6 ปี จะไม่มีคนจน สุดท้ายเป็นนายกฯได้ 6 ปี พ.ต.ท.ทักษิณ ก็หกคะเมนตีลังกา ไปอยู่ที่ดูไบจริงๆ”
นายเทพไท กล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ทำพิธีทางไสยศาสตร์ โดยทำพิธีสืบชะตาหลวง ที่ จ.ลำพูน ว่า ตนคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณทำทุกวิถีทาง ที่จะให้ตัวเองชนะ โดยพึ่งหมดทั้งวิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ พอมีทหารในกองทัพหลายคนออกมาตบเท้าออกมายืนยันความจงรักภักดีพ.ต.ท.ทักษิณก็ออกมายื่นรับหน้าชื่นตาบาน แต่เมื่อมีอดีตนายทหารออกมายืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรม ต้องการล้มล้างคนที่อยู่เหนือกว่าพล.อ.เปรม กลับมาด่านายทหารอย่างสาดเสียเทเสีย โดยใช้คำไม่สุภาพ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของพ.ต.ท.ทักษิณ
** “แดงดารา” ขุดมุกทหารรอทุบแดง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้รับทราบจากผู้หวังดีว่าอาจมีการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายในหลายจุด จากกลุ่มคนมีสีที่ใกล้ชิดรัฐบาลใน 5 วันนี้ และโยนความผิดให้แก่ฝ่านค้าน รวมถึงคนเสื้อแดง เพื่อหวังทำลายความชอบธรรมการชุมนุม และสกัดกั้นมิให้ประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุม รวมไปถึงจะเป็นข้ออ้างให้รัฐบาลประกาศกฎหมายพิเศษในการปราบปรามและควบคุมประชาชนโดยมีการนำกำลังทหารหน่วยรบจากต่างจังหวัด เข้ามาอยู่ประจำการในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวนมาก ล่าสุด มีการฝึกซ้อมที่กรมทหารราบ 11 บางเขน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ใช้ทหารตำรวจ เกือบ 4,000 นายพร้อมใช้อาวุธ ขณะที่เห็นว่าคำพูดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ว่าพร้อมใช้กำลังอาวุธจัดการกับผู้ชุมนุม หากมีเหตุการณ์รุนแรง เกิดขึ้นนั้น แสดงให้เห็นถึงการบ้าอำนาจอย่างชัดเจน ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หาทางป้องกันไม่ให้สถานการณ์ก่อเหตุนำไปสู่ความรุนแรง
**“แม้ว”ทวิตเหน็บรัฐบาล อิงแต่กม.ไม่อิงยุติธรรม
ขณะที่ช่วงเที่ยงวันเดียวกันพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เขียนข้อความลงทวิตเตอร์ว่า “รัฐบาลชอบพูดถึงกฎหมายมากกว่าความยุติธรรมซึ่งอยู่คนละมิติกัน rule by law จะอยู่กับการใช้อำนาจ rule of law จะอยู่กับกระบวนการสร้างความยุติธรรม กฎหมายเป็นสิ่งที่กำหนดขึ้นเพื่อให้เกิดกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและถูกบังคับใช้ด้วยความเสมอภาค ยุติธรรม สังคมจึงจะมีความร่มเย็นและสันติสุข กฎหมายเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจให้เขียนขึ้นมา ถ้าขาดมิติแห่งความยุติธรรมทั้งเนื้อหาและการบังคับใช้ก็จะเติมความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น”
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้ทวิตข้อความโต้ตอบกับผู้ใช้ทวิตเตอร์และแฟนคลับคนเสื้อแดงถึงคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทด้วย โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะถูกปล้นเงิน พ.ต.ท.ทักษิณจึงโต้ตอบกลับไปว่า “ถ้าเป็นจริงต่อไปนี้ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาทุจริตโดยยังไม่ได้พิสูจน์ก็ถูกยึดทรัพย์ของตนเองและครอบครัวได้”
ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายหนึ่งระบุว่า จะถึงวันตัดสินคดีแล้วจะให้ช่วยอะไรหรือไม่ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณได้ทวิตข้อความกลับไปว่า “ขอบคุณมาก ผมเตรียมแนวทางการต่อสู้ไว้แล้วครับ ก็อย่างที่ผมบอกไว้ว่าจะแสวงหาความยุติธรรมให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะหาจนเจอ” อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งซึ่งใช้ชื่อว่า c narongsak ได้โพสต์ข้อความถึงพ.ต.ท.ทักษิณว่า “ผู้บังคับใช้กฎหมายคงต้องคิดหนัก เพราะที่ผ่านมาก็ทำในสิ่งที่คาใจกันมากอยู่แล้ว ยิ่งทำเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อระบบ” พ.ต.ท.ทักษิณจึงทวิตข้อความกลับไปว่า “สถาบันยุติธรรมไทยใช้เวลาสร้างมาหลายชั่วอายุคน แต่ถูกทำลายความน่าเชื่อถือลงอย่างรวดเร็ว เพราะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง”
**“นพดล”ย้อน“บุญเลิศ”ผูกขาดรักชาติ
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาแถลงปฏิเสธแทนนายใหญ่ถึงกรณีที่พล.อ.บุญเลิศ ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายเล่นงานคนที่สูงกว่าพล.อ.เปรม ซึ่งนายนพดล ระบุว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการดิสเครดิตพ.ต.ท.ทักษิณ ใส่ร้าย ทำให้คนอื่นเข้าใจไปในทางเสียหาย โดยอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมา ไม่เคยคิดก้าวล่วง คนที่ทำลายสถาบันถือเป็นคนเลวประเภทหนึ่ง และคนที่ดึงฟ้าต่ำ นำสถาบันมาทำลายคนอื่นก็ถือเป็นคนเลวประเภทหนึ่ง อยากให้พล.อ.บุญเลิศเปิดพื้นที่ให้คนอื่นบ้าง อย่าผูกขาดความรักชาติคนเดียว
ส่วนกรณีที่นายเทพไท ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้เงิน 1,000 ล้านบาทเพื่อการชุมนุมนั้น นายนพดลกล่าวว่า เป็นการใส่ร้ายเช่นเดียวกัน เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นม็อบอุดมการณ์ ไม่ใช่ม็อบรับจ้าง นายเทพไทขยันเต้าข่าวทุกสัปดาห์ในเรื่องอะไรที่มันเลวๆ ตัวตนของนายเทพไทเป็นอย่างไรนั้นคนแต่งตั้งให้เป็นโฆษกส่วนตัวก็เป็นลักษณะเดียวกัน
สำหรับกรณีที่นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีเงิน 1.4 แสนล้านบาทอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้น นายนพดลกล่าวว่า เป็นการนำความเท็จมาทำให้เป็นข่าว เนื่องจากไม่มีความจริงจะเล่นงานพ.ต.ท.ทักษิณ ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่มี ถ้าหากมีจริงพ.ต.ท.ทักษิณก็บอกแล้วว่าจะยกให้ทั้งหมด อยากให้ผู้ใหญ่ในพรรคเช่นนายชวน หลีกภัย ออกมาตักเตือนบ้าง
**เผย“แม้ว”ออกแถลงการณ์ 26 ก.พ.
นายนพดล กล่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวอยู่ระหว่างรอความหวัง รอความยุติธรรม เพราะไม่เพียงทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรีที่จะเข้าสู่การพิจารณาของศาล ทรัพย์สินของครอบครัวก็จะมีการพิจารณาด้วยเช่นเดียวกัน และย้ำเสมอว่า รวยมาก่อนเล่นการเมือง ตอนนี้ทำได้เพียงรอความหวัง รอความเมตตาจากศาล และรอความยุติธรรม เชื่อว่า การตัดสินที่ยุติธรรมจะนำไปสู่ความปรองดอง ทั้งนี้ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณมีมาตรการรองรับเอาไว้แล้ว เป็นแนวทางของกฎหมาย แนวทางสันติ ไม่มีอะไรรุนแรงแน่นอน และหลังทราบผลพ.ต.ท.ทักษิณคงจะมีท่าทีอะไรออกมา อาจเป็นแถลงการณ์หรือดูช่องทางการให้สัมภาษณ์ที่เป็นไปได้
**เสธ.แดงย้ำนช.แม้วฟ้องศาลโลกแน่
ด้านพล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง กล่าวปฏิเสธข่าวทะเลาะกับนายวีระ มุสิกพงศ์ เรื่องเงินค่าการ์ด โดยพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าคลี่คลายให้หมดแล้ว รวมไปถึงกรณีของนายนพดล ปัทมะ นพ.เหวง โตจิราการ และเชื่อว่าวันที่ 26 ก.พ.นี้ จะไม่มีอะไร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นของเขา และเป็นเงินที่บริสุทธิ์ ไม่ได้มาจากการทุจริตฉ้อฉล ดังนั้น จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ คืน อายัด และยึดไม่ได้ เขายืนยันว่า หากมีการยึดทรัพย์หรืออายัด จะมีการฟ้องศาลโลก เพื่อขอความยุติธรรม ดังนั้นถ้านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย หรือกลุ่มเสื้อน้ำเงิน เข้ามามั่ว มึงโดนแน่ และถ้าทหารคิดจะตั้งข้าศึกสมมุติเปลี่ยนเป็นม็อบแดง หวังจะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มึงโดนแน่ ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ฝากให้ทุกคนรักกัน สามัคคีกัน รักษาสันติและยังได้กำชับเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้ดี อย่าให้มือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์เหมือนช่วงเดือนเมษายน
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกัน มีผู้ชายอ้างตัวว่าเป็นพลเมืองดีโทรศัพท์มาที่โอเปอร์เรเตอร์ ของบริษัท หนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด พร้อมระบุว่า เห็นคนบรรทุกน้ำมันจำนวน 5 แกลลอน และจะเดินทางมาที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าคืนนี้ ก่อนจะตัดสายไป
**เตือนทุกฝ่าย “อดทน-อดกลั้น”
ขณะที่ “เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง”ได้ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง โดยมีความห่วงใยว่า จะมีความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้จากความพยายามในการยั่วยุของฝ่ายต่าง ๆ ทั้งนี้ เรียกร้องทุกฝ่ายต้องไม่ใช้ ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายทั้งกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวและฝ่ายรัฐบาลให้มีความอดทนอย่างถึงที่สุด เพราะความรุนแรง ที่เกิดขึ้นจะสร้างความบอบช้ำให้กับประเทศมากยิ่งขึ้น และเป็นห่วงทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งต้อง ไม่นำเสนอข่าวยั่วยุ หรือนำเสนอข้อมูลเพื่อชี้นำไปในทางที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง ต้องยึดมั่นในการทำหน้าที่เสนอข่าว อย่างรอบด้านและเป็นธรรม รวมทั้งเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่าย
**คนกทม. กว่าครึ่งเชื่อวุ่นวายเหมือนเดิม
วันเดียวกัน เอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจภาคสนามเรื่อง "ความทรงจำของคนกทม. ต่อสถานการณ์การเมืองในปีที่แล้ว กับความคิดเห็นต่อ ผลที่จะตามมาหลังคดียึดทรัพย์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" พบว่าคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยร้อยละ 11.7 กังวลมากจนถึงขั้นจะกักตุนอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ขณะที่ ร้อยละ 49.2 คิดว่าจะวุ่นวายเหมือนเดิม และร้อยละ 44.2 จะวุ่นวายมากขึ้น
ที่น่าเป็นห่วงคือ ความรู้สึกของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายหลังการพิพากษาคดียึดทรัพย์สินที่พบว่า ร้อยละ 95.4 ระบุว่าถ้าเกิดสถานการณ์การเมืองวุ่นวายรุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมาอีก ตนเองจะเดือดร้อนมากกว่า นอกจากนี้ร้อยละ 61.4 คิดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองบางกลุ่ม
วานนี้ (21 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้รับรายงานจากนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ ถึงการถูกข่มขู่วางระเบิดกระทรวงศึกษาธิการเมื่อค่ำวันที่ 19 ก.พ.ทางโทรษศัพท์ว่าเป็นลักษณะของการก่อกวน และเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเรื่องนี้แล้ว ขณะที่นายชินวรณ์ก็เป็นกรรมการในคณะกรรมการติดตาม สถานการณ์ความมั่นคง (คตม.)
อย่างไรก็ตามได้ขอความร่วมมือจากประชาชนถึงสถานการณ์ในขณะนี้ว่ารัฐบาลพยายามดูแลความสงบเรียบร้อย และเป็นประโยชน์กับทุกคน จึงขอร้องว่าอย่าเห็นเป็นเรื่องสนุก เพราะเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักหลังงจากที่้รัฐบาลได้เปิดรับข้อมูลหลายช่องทาง ทั้งนี้เห็นว่า จะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายกับคนที่ข่มขู่ลักษณะนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงข่าวลือการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค จากเหตุไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมืองว่า คงไม่ถึงขั้นนั้น ประชาชนคงวิตกกังวลการชุมนุมในบางพื้นที่และคาดวาสไม่สะดวกในการจราจร หรือเกรงว่าจะมีการกระทบกระทั่งกัน เหมือนกับกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมที่ ถ.สีลม เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา
ส่วนที่หลายประเทศออกหนังสือเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์ที่สืบเนื่องมาจากการตัดสินคดียึดทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนคาดหมายมาตั้งแต่ต้นว่าจะเกิดความรู้สึกตึงเครียด ดังนั้นถ้าสังคมเราเคารพ ฟังและยอมรับสิ่งที่ศาลจะดำเนินการ ทุกอย่างก็จะเดินต่อไปได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา ดังนั้นประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนก
ต่อข้อถามว่ารัฐบาลจะก้าวข้ามปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือไม่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า สังคมต้องก้าวให้พ้นปัญหาได้อยู่แล้ว เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมีปัญหาวังวนอยู่อย่างนี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเชิญชวนประชาชนจากต่างจังหวัดให้เดินทางเข้ามาชุมนุมใน กทม.นั้น เห็นว่าสามารถทำได้ แต่ต้องถามว่าเพื่ออะไร หากเป็นปัญหาเดือดร้อน หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็มีหลายช่องทาง แต่ถ้าจะเคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ส่วนบุคคล มันไม่เกิดประโยชน์อะไร และช่วยอะไรไม่ได้ ซึ่งเจ้าตัวคงต้องดิ้นรนเป็นปกติ
ส่วนกระแสข่าวว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยได้ และได้รับคืนทรัพย์สินคืนทั้งหมดประชาชนจะได้รับเงินคนละ 1 แสนบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ หัวเราะและกล่าวว่า “ความเป็นจริงก็คงจะรู้กันว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น” เมื่อถามว่ากรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง เดินทางไปดูไบเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา จะมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในขณะนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าตัวก็ชัดเจนว่าเขาทำงานให้ใคร ดังนั้นเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานจะต้องตรวจสอบ ว่ามีการกระทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหว ได้มีการรายงานมาปละปลาย ซึ่งได้มีการตรวจสอบและเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่านายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ ออกมาระบุว่าจะมีการนำรถของสถาบันราชภัฏขนคนจากต่างจังหวัดเข้ามาชุมนุมในกทม. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพราะอย่างนี้ รมว.ศึกษาธิการถึงได้อยู่ในคณะกรรมการ คตม. เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาได้ และไม่ได้หมายความว่าเครือข่ายครูทั้งหมดจะเป็นเครือข่ายที่มีปัญหา เราอย่าไประบุว่าเป็นเครือข่ายนั้นเครือข่ายนี้ แต่ต้องยอมรับว่าในทุกวงการจะมีบุคคลที่ฝักใฝ่การเมือง ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ไม่ควรเอาเรื่อง ของเครือข่ายหรือราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่านักธุรกิจลงขันตั้งรางวัลนำจับมือวางระเบิดแสดงว่าไม่เชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงเป็นความปรารถนาดี เพราะทุกคนอยากให้มีการดำเนินการได้ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ในส่วนของรัฐบาลกำลังดำเนินการติดตามเรื่องนี้อยู่ และตนได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่า เวลาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องดำเนินการให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับความเชื่อมั่น และจะถูกนำไปขยายผล ส่วนความเชื่อมั่นโดยรวมทางเศรษฐกิจนั้น หากรัฐบาลสามารถ บริการสถานการณ์ตรงนี้ได้ ทุกอย่างกำลังไปในทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขต่างๆ และในวันที่ 22 ก.พ. นี้ ทางสภาพัฒน์ฯ ก็จะมีการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ซึ่งคาดว่าจะเป็นตังเลขที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพบก ยังมีการพูดถึงเรื่องการปฏิวัติอยู่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่ามันไม่มีเหตุผลอะไร และมองไม่เห็นว่าการปฏิวัติรัฐประหารจะไปแก้ไขปัญหาให้ใครได้ มีแต่ทำให้เกิดความ ขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบัน และรัฐบาลถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปกป้องสถาบันหลักของชาติ แต่การดำเนินการ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและไม่ตกเป็นเหยื่อของฝ่ายที่ไม่หวังดีต่อสถาบัน จะคิดทำอะไรต้องคิดให้ครบถ้วนทุกด้าน
ส่วนที่โหร คมช.ออกมาระบุว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะมีชื่ออักษรย่อ ป. นายกรัฐมนตรี หัวเราะและกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่กลัวคนจะไปเปลี่ยนชื่อเป็น ป.กันหมด
**มาร์คย้ำแดงป่วนหนักก็ไม่ถอดใจ
ขณะที่รายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตี ระบุว่าการทีมีคนจำนวนหนึ่งไปชุมนุมต่อต้านอะไรต่าง ๆ เวลาตนปฏิบัติภารกิจ ตนค่อนข้างสมาธิดี เพราะฉะนั้นทำภารกิจอะไรก็ปฏิบัติภารกิจนั้นต่อไป ก็ฟังไม่ใช่ไม่ฟัง แล้วก็ได้ยินด้วย ก็ถือเป็นข้อมูลอย่างหนึ่ง เพราะว่าทำให้ทราบว่าเขาคิดอะไร ยกตัวอย่างเช่นที่ไปทำพิธีเททองยกช่อฟ้าอยู่ เริ่มต้นขึ้นมาคำแรกก็ตะโกนว่าฆาตกร อันนี้ก็ทำให้ทราบว่าอย่างน้อยรู้แล้วว่ามีไปให้ข้อมูลเขาผิดว่าไปสั่งฆ่าประชาชนอะไรต่าง ๆ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นก็ฟัง ก็ได้ยิน
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไร นายกฯกล่าวว่า "บอกได้ว่ามนุษย์ทุกคนคงไม่ต่างกันครับคงไม่มีใครฟังแล้วสนุก แต่ว่าเราก็ต้องรู้ว่าเราต้องอดทน อดกลั้น และผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมมั่นใจอย่างนั้นเพราะว่าจริง ๆ ทุกที่ที่ไปคนส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แล้วคนไทยส่วนใหญ่พูดตรง ๆ แม้แต่เวลาไม่ชอบใคร โดยปกติก็ไม่เป็นอย่างนี้ครับ คนไทยส่วนใหญ่ไปที่บ้านเขานะครับ บางทีเขาไม่ชอบเขาก็ต้อนรับ มันก็เป็นนิสัยของคนไทยซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ดั้งเดิม เพราะฉะนั้นผมก็เห็นใจว่าบางคนคงได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน แล้วก็เลยมีความโกรธ แต่ว่าเราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจต่อไป แต่ว่าไม่ถอดใจไม่ถอดครับ ไม่มีประโยชน์อะไรจะไปถอดใจละครับ ถอดใจเขาก็ไม่หยุดด่าครับ"
**"เสมา 1"ชี้ขู่วางระเบิดศธ.แค่ป่วน
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการขู่วางระเบิดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 ก.พ.ได้มีผู้โทร.เข้ามาที่สายด่วน 1579 ของกระทรวงศึกษาธิการโดยพูดขู่จะวางระเบิดศธ. เชื่อว่าเป็นการก่อกวนเพราะเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ได้มีการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.)และตนเป็นหนึ่งในกรรมการคตม.ด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาตนได้ไปอยู่ที่ศธ.ทั้งวันแต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น ทั้งนี้ได้กำชับ รมช.ทั้ง 2 คนและผู้บริหารหน่วยงานต่างๆของศธ.ให้ดูแลรักษาความปลอดภัยตามมาตรการที่กำหนดขึ้น และดูเวรยาม หลังจากเกิดขึ้นขู่วางระเบิดและทมางปลัดศธ.ได้ประชุมเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนกรณีที่นายชัยวุฒิ บรรณาวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการระบุว่าไม่อยากให้มีผู้ยืมรถของมหาวิทยาลัยราชภัฏขนคนมาชุมนุมในกรุงเทพฯนั้นเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้วที่มีการชุมนุม แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่ได้กำชับไปแล้ว
**แม่ทัพ1ระบุสถานการณ์ยังปกติดี
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ล่าสุด ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด หลังสนธิกำลัง ทั้งทหาร ตำรวจ และเทศกิจ ตั้งจุดตรวจ 200 ด่าน ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า สัปดาห์สุดท้าย ก่อนตัดสินคดียึดทรัพย์นั้น ตำรวจไม่ได้เพิ่มกำลัง จากที่เคยวางแผน เอาไว้แต่อย่างใด เนื่องจาก แผนที่กำหนดไว้เพียงพอแล้ว ส่วนในการฝึกซ้อมควบคุม ฝูงชน เมื่อวันที่ 20 ก.พ"ถือเป็นการซ้อมใหญ่ และจะไม่มีการซ้อมแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไป หน่วยรับผิดชอบแต่ละหน่วย จะปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับหมอบหมาย
** “เทพไท” ชี้แม้วเชื่อเลข 6 ทำหัวคะมำ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังวันที่ 26 ก.พ. จะมีการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงเพราะหากทำก่อนจะไม่มีน้ำหนักในการเรียกมวลชน จึงต้องรอผลการตัดสินศาลเพื่อใช้เป็นประเด็นในการเคลื่อนไหวใหญ่ แต่แกนนำยังมีลักษณะค่อนข้างแตกแยกกันพอสมควร ดังนั้นคนทำงานหนักน่าจะเป็นนายใหญ่ โดยเฉพาะจะต้องประสานผลประโยชน์ให้ลงตัวในหมู่แกนนำ
ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศว่าจะไม่มีการชุมนุม แต่จะเป็นสิทธิ์คนเสื้อแดงที่จะไปชุมนุมที่ศาลฎีกา เห็นว่า คนเสื้อแดงประกาศโดยไม่รับผิดชอบต่อมวลชนของตัวเอง คนเหล่านี้ พยายามป้องกันตัวเองว่าถ้าหากมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้นที่ผิดกฎหมาย แต่ที่ไม่สบายใจคือ มีคนในระบอบทักษิณเพียงกลุ่มเดียว ที่พยายามจะออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะทำนายผลการตัดสิน รวมไปถึงท่าที่ที่จะกดดันคำพิพากษา
“ในช่วงวันที่ 26 ก.พ. และอยากให้ทุกคนอยู่บ้าน ที่ทำงาน ไม่จำเป็นต้องไปชุมนุมหรือรอฟังคำพิพากษาที่ศาล เพราะมีสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ได้ถ่ายทอดสดการอ่านคำพิพากษาอยู่แล้ว หากดูท่าที่ของพ.ต.ท.ทักษิณในช่วงใกล้โค้งสุดท้ายที่ดูว้าวุ่น การให้ความหวังกับคนต่างจังหวัดว่า 6 เดือน จะปลดหนี้ ปราบยาเสพติด ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ พยายามใช้เลข 6 เป็นเลขนำโชคตัวเอง และสมัยเมื่อเล่นการเมืองใหม่ๆ ประกาศว่า 6 เดือนจะแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพให้ได้ ถ้าเป็นรัฐบาล 6 ปี จะไม่มีคนจน สุดท้ายเป็นนายกฯได้ 6 ปี พ.ต.ท.ทักษิณ ก็หกคะเมนตีลังกา ไปอยู่ที่ดูไบจริงๆ”
นายเทพไท กล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ทำพิธีทางไสยศาสตร์ โดยทำพิธีสืบชะตาหลวง ที่ จ.ลำพูน ว่า ตนคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณทำทุกวิถีทาง ที่จะให้ตัวเองชนะ โดยพึ่งหมดทั้งวิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ พอมีทหารในกองทัพหลายคนออกมาตบเท้าออกมายืนยันความจงรักภักดีพ.ต.ท.ทักษิณก็ออกมายื่นรับหน้าชื่นตาบาน แต่เมื่อมีอดีตนายทหารออกมายืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรม ต้องการล้มล้างคนที่อยู่เหนือกว่าพล.อ.เปรม กลับมาด่านายทหารอย่างสาดเสียเทเสีย โดยใช้คำไม่สุภาพ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของพ.ต.ท.ทักษิณ
** “แดงดารา” ขุดมุกทหารรอทุบแดง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้รับทราบจากผู้หวังดีว่าอาจมีการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายในหลายจุด จากกลุ่มคนมีสีที่ใกล้ชิดรัฐบาลใน 5 วันนี้ และโยนความผิดให้แก่ฝ่านค้าน รวมถึงคนเสื้อแดง เพื่อหวังทำลายความชอบธรรมการชุมนุม และสกัดกั้นมิให้ประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุม รวมไปถึงจะเป็นข้ออ้างให้รัฐบาลประกาศกฎหมายพิเศษในการปราบปรามและควบคุมประชาชนโดยมีการนำกำลังทหารหน่วยรบจากต่างจังหวัด เข้ามาอยู่ประจำการในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวนมาก ล่าสุด มีการฝึกซ้อมที่กรมทหารราบ 11 บางเขน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ใช้ทหารตำรวจ เกือบ 4,000 นายพร้อมใช้อาวุธ ขณะที่เห็นว่าคำพูดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ว่าพร้อมใช้กำลังอาวุธจัดการกับผู้ชุมนุม หากมีเหตุการณ์รุนแรง เกิดขึ้นนั้น แสดงให้เห็นถึงการบ้าอำนาจอย่างชัดเจน ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หาทางป้องกันไม่ให้สถานการณ์ก่อเหตุนำไปสู่ความรุนแรง
**“แม้ว”ทวิตเหน็บรัฐบาล อิงแต่กม.ไม่อิงยุติธรรม
ขณะที่ช่วงเที่ยงวันเดียวกันพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เขียนข้อความลงทวิตเตอร์ว่า “รัฐบาลชอบพูดถึงกฎหมายมากกว่าความยุติธรรมซึ่งอยู่คนละมิติกัน rule by law จะอยู่กับการใช้อำนาจ rule of law จะอยู่กับกระบวนการสร้างความยุติธรรม กฎหมายเป็นสิ่งที่กำหนดขึ้นเพื่อให้เกิดกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและถูกบังคับใช้ด้วยความเสมอภาค ยุติธรรม สังคมจึงจะมีความร่มเย็นและสันติสุข กฎหมายเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจให้เขียนขึ้นมา ถ้าขาดมิติแห่งความยุติธรรมทั้งเนื้อหาและการบังคับใช้ก็จะเติมความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น”
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้ทวิตข้อความโต้ตอบกับผู้ใช้ทวิตเตอร์และแฟนคลับคนเสื้อแดงถึงคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทด้วย โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะถูกปล้นเงิน พ.ต.ท.ทักษิณจึงโต้ตอบกลับไปว่า “ถ้าเป็นจริงต่อไปนี้ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาทุจริตโดยยังไม่ได้พิสูจน์ก็ถูกยึดทรัพย์ของตนเองและครอบครัวได้”
ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายหนึ่งระบุว่า จะถึงวันตัดสินคดีแล้วจะให้ช่วยอะไรหรือไม่ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณได้ทวิตข้อความกลับไปว่า “ขอบคุณมาก ผมเตรียมแนวทางการต่อสู้ไว้แล้วครับ ก็อย่างที่ผมบอกไว้ว่าจะแสวงหาความยุติธรรมให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะหาจนเจอ” อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งซึ่งใช้ชื่อว่า c narongsak ได้โพสต์ข้อความถึงพ.ต.ท.ทักษิณว่า “ผู้บังคับใช้กฎหมายคงต้องคิดหนัก เพราะที่ผ่านมาก็ทำในสิ่งที่คาใจกันมากอยู่แล้ว ยิ่งทำเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อระบบ” พ.ต.ท.ทักษิณจึงทวิตข้อความกลับไปว่า “สถาบันยุติธรรมไทยใช้เวลาสร้างมาหลายชั่วอายุคน แต่ถูกทำลายความน่าเชื่อถือลงอย่างรวดเร็ว เพราะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง”
**“นพดล”ย้อน“บุญเลิศ”ผูกขาดรักชาติ
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาแถลงปฏิเสธแทนนายใหญ่ถึงกรณีที่พล.อ.บุญเลิศ ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายเล่นงานคนที่สูงกว่าพล.อ.เปรม ซึ่งนายนพดล ระบุว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการดิสเครดิตพ.ต.ท.ทักษิณ ใส่ร้าย ทำให้คนอื่นเข้าใจไปในทางเสียหาย โดยอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมา ไม่เคยคิดก้าวล่วง คนที่ทำลายสถาบันถือเป็นคนเลวประเภทหนึ่ง และคนที่ดึงฟ้าต่ำ นำสถาบันมาทำลายคนอื่นก็ถือเป็นคนเลวประเภทหนึ่ง อยากให้พล.อ.บุญเลิศเปิดพื้นที่ให้คนอื่นบ้าง อย่าผูกขาดความรักชาติคนเดียว
ส่วนกรณีที่นายเทพไท ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้เงิน 1,000 ล้านบาทเพื่อการชุมนุมนั้น นายนพดลกล่าวว่า เป็นการใส่ร้ายเช่นเดียวกัน เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นม็อบอุดมการณ์ ไม่ใช่ม็อบรับจ้าง นายเทพไทขยันเต้าข่าวทุกสัปดาห์ในเรื่องอะไรที่มันเลวๆ ตัวตนของนายเทพไทเป็นอย่างไรนั้นคนแต่งตั้งให้เป็นโฆษกส่วนตัวก็เป็นลักษณะเดียวกัน
สำหรับกรณีที่นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีเงิน 1.4 แสนล้านบาทอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้น นายนพดลกล่าวว่า เป็นการนำความเท็จมาทำให้เป็นข่าว เนื่องจากไม่มีความจริงจะเล่นงานพ.ต.ท.ทักษิณ ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่มี ถ้าหากมีจริงพ.ต.ท.ทักษิณก็บอกแล้วว่าจะยกให้ทั้งหมด อยากให้ผู้ใหญ่ในพรรคเช่นนายชวน หลีกภัย ออกมาตักเตือนบ้าง
**เผย“แม้ว”ออกแถลงการณ์ 26 ก.พ.
นายนพดล กล่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวอยู่ระหว่างรอความหวัง รอความยุติธรรม เพราะไม่เพียงทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรีที่จะเข้าสู่การพิจารณาของศาล ทรัพย์สินของครอบครัวก็จะมีการพิจารณาด้วยเช่นเดียวกัน และย้ำเสมอว่า รวยมาก่อนเล่นการเมือง ตอนนี้ทำได้เพียงรอความหวัง รอความเมตตาจากศาล และรอความยุติธรรม เชื่อว่า การตัดสินที่ยุติธรรมจะนำไปสู่ความปรองดอง ทั้งนี้ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณมีมาตรการรองรับเอาไว้แล้ว เป็นแนวทางของกฎหมาย แนวทางสันติ ไม่มีอะไรรุนแรงแน่นอน และหลังทราบผลพ.ต.ท.ทักษิณคงจะมีท่าทีอะไรออกมา อาจเป็นแถลงการณ์หรือดูช่องทางการให้สัมภาษณ์ที่เป็นไปได้
**เสธ.แดงย้ำนช.แม้วฟ้องศาลโลกแน่
ด้านพล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง กล่าวปฏิเสธข่าวทะเลาะกับนายวีระ มุสิกพงศ์ เรื่องเงินค่าการ์ด โดยพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าคลี่คลายให้หมดแล้ว รวมไปถึงกรณีของนายนพดล ปัทมะ นพ.เหวง โตจิราการ และเชื่อว่าวันที่ 26 ก.พ.นี้ จะไม่มีอะไร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นของเขา และเป็นเงินที่บริสุทธิ์ ไม่ได้มาจากการทุจริตฉ้อฉล ดังนั้น จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ คืน อายัด และยึดไม่ได้ เขายืนยันว่า หากมีการยึดทรัพย์หรืออายัด จะมีการฟ้องศาลโลก เพื่อขอความยุติธรรม ดังนั้นถ้านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย หรือกลุ่มเสื้อน้ำเงิน เข้ามามั่ว มึงโดนแน่ และถ้าทหารคิดจะตั้งข้าศึกสมมุติเปลี่ยนเป็นม็อบแดง หวังจะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มึงโดนแน่ ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ฝากให้ทุกคนรักกัน สามัคคีกัน รักษาสันติและยังได้กำชับเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้ดี อย่าให้มือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์เหมือนช่วงเดือนเมษายน
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกัน มีผู้ชายอ้างตัวว่าเป็นพลเมืองดีโทรศัพท์มาที่โอเปอร์เรเตอร์ ของบริษัท หนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด พร้อมระบุว่า เห็นคนบรรทุกน้ำมันจำนวน 5 แกลลอน และจะเดินทางมาที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าคืนนี้ ก่อนจะตัดสายไป
**เตือนทุกฝ่าย “อดทน-อดกลั้น”
ขณะที่ “เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง”ได้ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง โดยมีความห่วงใยว่า จะมีความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้จากความพยายามในการยั่วยุของฝ่ายต่าง ๆ ทั้งนี้ เรียกร้องทุกฝ่ายต้องไม่ใช้ ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายทั้งกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวและฝ่ายรัฐบาลให้มีความอดทนอย่างถึงที่สุด เพราะความรุนแรง ที่เกิดขึ้นจะสร้างความบอบช้ำให้กับประเทศมากยิ่งขึ้น และเป็นห่วงทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งต้อง ไม่นำเสนอข่าวยั่วยุ หรือนำเสนอข้อมูลเพื่อชี้นำไปในทางที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง ต้องยึดมั่นในการทำหน้าที่เสนอข่าว อย่างรอบด้านและเป็นธรรม รวมทั้งเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่าย
**คนกทม. กว่าครึ่งเชื่อวุ่นวายเหมือนเดิม
วันเดียวกัน เอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจภาคสนามเรื่อง "ความทรงจำของคนกทม. ต่อสถานการณ์การเมืองในปีที่แล้ว กับความคิดเห็นต่อ ผลที่จะตามมาหลังคดียึดทรัพย์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" พบว่าคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยร้อยละ 11.7 กังวลมากจนถึงขั้นจะกักตุนอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ขณะที่ ร้อยละ 49.2 คิดว่าจะวุ่นวายเหมือนเดิม และร้อยละ 44.2 จะวุ่นวายมากขึ้น
ที่น่าเป็นห่วงคือ ความรู้สึกของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายหลังการพิพากษาคดียึดทรัพย์สินที่พบว่า ร้อยละ 95.4 ระบุว่าถ้าเกิดสถานการณ์การเมืองวุ่นวายรุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมาอีก ตนเองจะเดือดร้อนมากกว่า นอกจากนี้ร้อยละ 61.4 คิดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองบางกลุ่ม