ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” ร้าวหนัก “พรทิวา” ออกคำสั่งยึดอำนาจดูแลราคาสินค้าจากกรมการค้าภายในให้ปลัดพาณิชย์ดูแทน อ้างไม่ทำตามนโยบายตรึงราคา 3 เดือน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปรับราคาสินค้าและบริการ ภายใต้การกำกับดูแลของนางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน ว่าเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดให้มีการตรึงราคาสินค้าและบริการเป็นระยะเวลา 3
เดือน (ม.ค.-มี.ค.) หรือไม่ หลังจากพบว่าอาจจะมีการอนุมัติให้สินค้าบางรายการปรับขึ้นราคาโดยไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐมนตรี
ทั้งนี้ นางพรทิวาขอให้นายยรรยงไปตรวจสอบดูว่าสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นและมีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนซึ่งกรมการค้าภายในดูแลอยู่จำนวน 222 รายการ และสินค้าและบริการควบคุมอีก 39 รายการ มีรายการใดได้มีการปรับขึ้นราคาไปแล้วบ้าง เพราะตามนโยบายที่ให้ไว้หากมีผู้ประกอบการรายใดที่มีความจำเป็นจะตั้งราคาหรือปรับขึ้นราคาแม้ว่าในเบื้องต้นจะต้องเสนอให้กรมการค้าภายในพิจารณาก่อนก็ตาม แต่ในขั้นตอนสุดท้าย จะต้องเสนอให้รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนอนุญาตด้วย
สำหรับเหตุผล ที่นางพรทิวาขอให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนในระยะที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว และมีความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่อาจจะมีผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า นางพรทิวารู้สึกไม่พอใจที่กรมการค้าภายในมีการอนุญาตให้สินค้า Tin Plate ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระป๋อง และน้ำปลา มีการปรับขึ้นราคาไปก่อนหน้านี้ ทั้งๆ อยู่ในช่วงการขอความร่วมมือตรึงราคา จึงขอให้กรมการค้าภายในทำการชี้แจงว่าขั้นตอนการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคามีการดำเนินการอย่างไร พิจารณาไปตามนโยบายหรือไม่ และปัจจุบันนี้สินค้าดังกล่าวได้มีการปรับขึ้นราคาไปแล้วจริงหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้นายยรรยงเข้าไปควบคุมดูแล และกำกับดูแลการทำงานของกรมการค้าภายในอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการตรึงราคาสินค้า 3 เดือน รวมทั้งขอให้มีการรายงานผลการดำเนินการทันที และต่อไปต้องรายงานผลการดำเนินการในเรื่องราคาสินค้าทุก 10 วัน
รายงานข่าวแจ้งว่า การสั่งการเช่นนี้ เป็นการไม่ไว้ใจการทำงานของนางสาวชุติมา และยังยึดอำนาจในการดูแลราคาสินค้าที่กรมการค้าภายในดูแลอยู่มาให้นายยรรยงดูแลแทน ซึ่งทำให้จากนี้ไปกรมการค้าภายในไม่มีอำนาจในการดูแลราคาสินค้าอีกต่อไป และการพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้สินค้าตั้งราคา หรือปรับขึ้นราคา จะต้องผ่านการพิจารณาของนายยรรยงเท่านั้นและขั้นตอนสุดท้าย ก็คือ ต้องผ่านการพิจารณาจากนางพรทิวา ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ ผู้ประกอบการหลายๆ รายมองกันว่าหากต้องการจะขึ้นราคาสินค้าก็ต้องไปเจรจากับรัฐมนตรีโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นางพรทิวาไม่พอใจการแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายของนางสาวชุติมามาแล้ว โดยนางสาวชุติมาได้ยืนยันมาโดยตลอดว่า น้ำตาลทรายไม่ขาดแคลน เพียงแต่เกิดการตึงตัวบ้างในบางจังหวัด ขณะที่นางพรทิวา กลับให้ข่าวยืนยันว่า มีปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนเกิดขึ้น เพราะได้รับการร้องเรียนว่าหาซื้อได้ยาก และมีราคาแพงโดยได้มอบหมายให้นายยรรยงเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนแทน ซึ่งเรื่องน้ำตาลถือเป็นการยึดอำนาจของกรมการค้าภายในครั้งแรก และครั้งที่ 2 ก็คือ การยึดอำนาจในเรื่องการดูแลราคาสินค้าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปรับราคาสินค้าและบริการ ภายใต้การกำกับดูแลของนางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน ว่าเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดให้มีการตรึงราคาสินค้าและบริการเป็นระยะเวลา 3
เดือน (ม.ค.-มี.ค.) หรือไม่ หลังจากพบว่าอาจจะมีการอนุมัติให้สินค้าบางรายการปรับขึ้นราคาโดยไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐมนตรี
ทั้งนี้ นางพรทิวาขอให้นายยรรยงไปตรวจสอบดูว่าสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นและมีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนซึ่งกรมการค้าภายในดูแลอยู่จำนวน 222 รายการ และสินค้าและบริการควบคุมอีก 39 รายการ มีรายการใดได้มีการปรับขึ้นราคาไปแล้วบ้าง เพราะตามนโยบายที่ให้ไว้หากมีผู้ประกอบการรายใดที่มีความจำเป็นจะตั้งราคาหรือปรับขึ้นราคาแม้ว่าในเบื้องต้นจะต้องเสนอให้กรมการค้าภายในพิจารณาก่อนก็ตาม แต่ในขั้นตอนสุดท้าย จะต้องเสนอให้รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนอนุญาตด้วย
สำหรับเหตุผล ที่นางพรทิวาขอให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนในระยะที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว และมีความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่อาจจะมีผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า นางพรทิวารู้สึกไม่พอใจที่กรมการค้าภายในมีการอนุญาตให้สินค้า Tin Plate ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระป๋อง และน้ำปลา มีการปรับขึ้นราคาไปก่อนหน้านี้ ทั้งๆ อยู่ในช่วงการขอความร่วมมือตรึงราคา จึงขอให้กรมการค้าภายในทำการชี้แจงว่าขั้นตอนการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคามีการดำเนินการอย่างไร พิจารณาไปตามนโยบายหรือไม่ และปัจจุบันนี้สินค้าดังกล่าวได้มีการปรับขึ้นราคาไปแล้วจริงหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้นายยรรยงเข้าไปควบคุมดูแล และกำกับดูแลการทำงานของกรมการค้าภายในอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการตรึงราคาสินค้า 3 เดือน รวมทั้งขอให้มีการรายงานผลการดำเนินการทันที และต่อไปต้องรายงานผลการดำเนินการในเรื่องราคาสินค้าทุก 10 วัน
รายงานข่าวแจ้งว่า การสั่งการเช่นนี้ เป็นการไม่ไว้ใจการทำงานของนางสาวชุติมา และยังยึดอำนาจในการดูแลราคาสินค้าที่กรมการค้าภายในดูแลอยู่มาให้นายยรรยงดูแลแทน ซึ่งทำให้จากนี้ไปกรมการค้าภายในไม่มีอำนาจในการดูแลราคาสินค้าอีกต่อไป และการพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้สินค้าตั้งราคา หรือปรับขึ้นราคา จะต้องผ่านการพิจารณาของนายยรรยงเท่านั้นและขั้นตอนสุดท้าย ก็คือ ต้องผ่านการพิจารณาจากนางพรทิวา ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ ผู้ประกอบการหลายๆ รายมองกันว่าหากต้องการจะขึ้นราคาสินค้าก็ต้องไปเจรจากับรัฐมนตรีโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นางพรทิวาไม่พอใจการแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายของนางสาวชุติมามาแล้ว โดยนางสาวชุติมาได้ยืนยันมาโดยตลอดว่า น้ำตาลทรายไม่ขาดแคลน เพียงแต่เกิดการตึงตัวบ้างในบางจังหวัด ขณะที่นางพรทิวา กลับให้ข่าวยืนยันว่า มีปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนเกิดขึ้น เพราะได้รับการร้องเรียนว่าหาซื้อได้ยาก และมีราคาแพงโดยได้มอบหมายให้นายยรรยงเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนแทน ซึ่งเรื่องน้ำตาลถือเป็นการยึดอำนาจของกรมการค้าภายในครั้งแรก และครั้งที่ 2 ก็คือ การยึดอำนาจในเรื่องการดูแลราคาสินค้าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
