xs
xsm
sm
md
lg

แดงแพร่คลิปปลุกระดมไล่บึ้มอำมาตย์แก้แค้นให้พ่อแม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "เคทอง" สมุน "เสธ.แดง" ลิ้วล้อ "แม้ว" คลั่งหลังลูกพี่ถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ประกาศผ่านเน็ตก่อเหตุระเบิดทั่วกรุง มุ่งเป้าสัญลักษณ์อำมาตย์ ก่อนมีเหตุระเบิด 4 จุดตามคำขู่ พบหลักฐานมัดเจ้าตัวเคยบินพบ "นช.แม้ว" ที่ดูไบ ด้านตำรวจออกหมายจับมือปาระเบิดแล้ว "อดุลย์" เรียกถกด่วนวางแผนรับมือป่วน-ม็อบเสื้อแดง "มาร์ค" ให้เวลาตำรวจล่ามือบึ้มย้ำหากก๊กแดงปิดถนนถือว่าทำผิดกม.ต้องดำเนินการ

ทันทีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินยึดทรัพย์ 4.6 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 26 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้คดโกงประเทศชาติ และนักโทษหลบหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ก็วิดีโอลิงก์สด ถึงชาวเสื้อแดง และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในชุดสูทสีดำ เนกไทดำ โดยปฏิเสธคำตัดสินของศาล พร้อมกับกล่าวโจมตีและหมิ่นศาลว่า เล่นการเมืองแบบสุดๆ

แม้ในการวิดีโอลิงก์ดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ จะพยายามหลีกเลี่ยงการปลุก ให้มวลชนใช้ความรุนแรงเพื่อก่อสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเช่นเดียวกับการก่อจลาจลของคนเสื้อแดงในเดือนเมษายน 2552 แต่ในช่วงสายของวันที่ 27 ก.พ. กลับส่งข้อความสั้น SMS) “ทักษิณไลฟ์” เพื่อปลุกระดมสมาชิกทั่วประเทศให้เร่งเคลื่อนไหวล้มกระดานให้ได้โดยเร็วที่สุด ภายในเดือนมีนาคมนี้

โดย SMS ดังกล่าวที่ส่งตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ฟรีถึงสมาชิกทั่วประเทศผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกระบบ ระบุว่า "ผมขอแช่ง ถ้าผมโกงขอให้ผมตายใน 7 วัน ถ้าไม่โกงขอให้คนไทยได้ ปชต. มี.ค.นี้ สาธุ"หลังจากนั้นเพียงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก็เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดชนิด เอ็ม 67 ใส่ธนาคารกรุงเทพในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 4 จุดทันที

"เคทอง" สมุน "แม้ว" ขู่บึ้มก่อนระเบิดจริง

วานนี้ (1 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการได้ตรวจสอบพบว่าเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่คลิปของบุคคลที่ใช้ชื่อว่า "เคทอง" ซึ่งออกอากาศ ผ่านโปรแกรมแคมฟร็อกทางอินเทอร์เน็ตในคืนวันที่ 26 ก.พ. โดยบุคคลผู้นี้ กล่าวข่มขู่ว่าจะเกิดเหตุการวางระเบิดและเกิดเหตุวุ่นวายในบ้านเมืองตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.เป็นต้นไป

"อย่างที่ผมบอก สัญญาณของระเบิดจะดังขึ้น และไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่ต้องถามเลยนะครับว่าใครทำ เพราะมึงไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้เลยว่าใครทำ เอาเป็นว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะได้ยินเสียงระเบิดดังถึงประตูบ้านท่าน ดังเข้ามาในหน้าต่างบ้านท่าน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ... ประกาศสงครามกลางเมืองนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป สงครามกลางเมืองเกิดแล้วครับ"

"ใครที่เล่นหุ้น ใครที่ถือหุ้น ถอนออกมาซะ (หัวเราะ) ถอนออกมาซะ ระเบิดจะดังขึ้นทุกวัน มึงเอาไม่อยู่หรอก ไม่ว่ามึงจะเอาทหารออกมากี่พัน กี่ร้อยกองพัน มึงเอาไม่อยู่หรอก สัญลักษณ์ของอำมาตย์จะถูกทำลายนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป และไม่มีสิทธิ์ป้องกันด้วย ไม่มีสิทธิ์ป้องกัน ไม่มีสิทธิ์ป้องกัน นะครับ ก็รอฟังสัญญาณ พรุ่งนี้ก็คงมีข่าวแล้วล่ะ ตามหน้าสื่อ ... ทีวี พรุ่งนี้ตื่นมาก็คงจะได้ฟังกันนะครับ ..."

บุคคลที่ใช้นามว่า "เคทอง" ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิด พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ซึ่งอยู่ระหว่างถูกสั่งพักราชการ และ "เคทอง" คนเดียวกันนี้ ก่อนหน้านี้ในปี 2552 เคยถูกนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาเปิดโปงว่าเป็นผู้ที่รู้เห็นกับการยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่ที่ชุมนุมของพันธมิตรฯเป็นผู้ออกมากล่าวในคลิปวิดีโอซึ่งมีความยาวประมาณ 2.54 นาทีถึงเหตุระเบิด ก่อนจะเกิดเหตุจริงในคืนวันที่ 27 ก.พ.

มีรายงานว่าในช่วงปลายปี 2552 พ.ต.ท.ทักษิณได้เรียก แกนนำกลุ่มคนเสือแดงประกอบไปด้วย นายวีระ มุสิกพงษ์ นพ.เหวง และภริยา นางธิดา โตจิราการ พล.ต.ขัตติยะ รวมไปถึง "เคทอง" ให้เดินทางไปเยี่ยมถึงบ้านที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 3.46 นาที ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ นายวีระ พล.ต.ขัตติยะ ได้กล่าวทักทายกับชาวเสื้อแดงทาง อินเทอร์เน็ต โดยมี "เคทอง" เป็นผู้ดูแลการถ่ายทอดดังกล่าว และปรากฏภาพของเขาตั้งแต่นาทีที่ 3.10 เป็นต้นไป โดยเสื้อโปโลสีดำ บนหน้าอกด้านซ้ายปักโลโก้พรรคขัตติยะธรรม

ทั้งนี้ ก่อนหน้าวันพิพากาษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยศาลฎีกาฯ พล.ต.ขัตติยะได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้ง โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายระบุวันที่ 21/2/2010 หรือ 21 ก.พ. 2553 ซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของ เสธ.แดง เพียงแต่ไม่ทราบว่าการเดินทางไปดูไบครั้งล่าสุดของ พล.ต.ขัตติยะจะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุปาระเบิด ธ.กรุงเทพ ทั้ง 4 แห่งในช่วงกลางดึกของวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมาด้วยหรือไม่

"อดุลย์" ถกแผนรับมือสถานการณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (1 มี.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา สบ 10 กำกับดูแลกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พร้อมนายตำรวจระดับสูงร่วมประชุมประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ กทม. ช่วงระยะเวลาจากนี้ไปตั้งแต่วันที่ 1-14 มี.ค.ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดหลายพื้นที่ ที่ผ่านมาภายในศูนย์ปฏิบัติการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัย บช.น.ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น. ฐานะโฆษก บช.น. แถลงว่า เป็นการประชุมรายงานด้านการข่าวของตำรวจสันติบาลให้หน่วยต่างๆ ใน บช.น. รับทราบในส่วนของการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ พร้อมกำหนด แนวทางปฏิบัติ ขั้นตอนการเตรียมการป้องกัน และคลี่คลายสถานการณ์ เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน โดย พล.ต.อ.อดุลย์ กำชับในที่ประชุม ให้ทุกหน่วยสามารถแก้ไขสถานการณ์และป้องกันเหตุได้ทันท่วงที โดยให้มีการกำหนดผู้รับผิดชอบ ผู้สั่งการในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน รวมทั้งกำหนดตัวผู้ปฏิบัติแต่ละหน้าที่ ซึ่งเน้นการ ใช้มาตรการคลี่คลายสถานการณ์ โดยต้องเป็นมาตรการที่สังคมและประชาชนรับได้ และให้ฝ่ายจราจรเป็นเจ้าภาพแก้ไขปัญหากรณีกลุ่มผู้ชุมนุมมีการปิดเส้นทางจราจร

บึ้ม 4 จุดคนร้ายกลุ่มเดียวกัน


พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุระเบิด พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. เรียกประชุมแก้ไขคลี่คลายสถานการณ์ เน้นงานสายตรวจ และงานป้องกันและปราบปราม โดยกำชับ ผกก.และรอง ผกก.ป.ให้สำรวจพื้นที่และกำหนดมาตรการปฏิบัติ ฝ่ายจราจรให้ช่วยเหลือการปฏิบัติ รวมทั้งเรียกฝ่ายสืบสวนติดตามเร่งรัดคดีจับกุมคนร้าย

ส่วนการรแจ้งเบาะแสจากภาพสเกตช์นั้นพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า มีแจ้งเข้ามาบ้างยังตรวจสอบอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ข้อมูลละเอียดเท่าที่ควร ขณะนี้มีการแกะรายละเอียดของภาพ รวมทั้งนำภาพจากกล้องวงจรปิดจุดอื่น และเส้นทางใกล้เคียง เข้ามาประกอบกัน เพื่อให้ภาพคนร้ายชัดเจนยิ่งขึ้น และหาพยานแวดล้อมเพิ่มเติม โดยให้ กก.สส.บก.น.1-9 และบก.สส.ติดตามคดี ซึ่งขณะนี้ไม่ทราบว่าเป็นคนร้าย กลุ่มใด แต่ทั้ง 4 จุดน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เพราะแผนประทุษกรรมเหมือนกัน เป้าหมายตำรวจต้องจับตัวคนร้ายให้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุมีการวนเวียนดูลาดเลาก่อนลงมือใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเพิ่มเติมถึงจะสรุปได้ และยังไม่ทราบทะเบียนรถจักรยานยนต์คนร้ายที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมบ้าง จากการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ภ.2 เช่น ลายนิ้วมือคนร้าย ชิ้นส่วนระเบิด หลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุและภาพกล้องวงจรปิดเป็นร้อยจุดอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนภาพคนร้ายมีประวัติอาชญากรหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบ

ออกหมายจับมือระเบิดหน้าธ.กรุงเทพ


พ.ต.ท.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผกก.สส.สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เดินทางไปขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับคนร้ายก่อเหตุปาระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม ตามภาพสเกตช์ดังกล่าว เป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี สูง 170 เซนติเมตร ไว้ผมรองทรงสูง โหนกแก้มสูง จมูกโต โดยศาลอนุมัติหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้เลขที่ จ105/2553 ลงวันที่ 28 ก.พ.2553
ในข้อหาร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หากประชาชนพบเห็นบุคคลดังกล่าวในภาพหรือรู้เบาะแสให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดีทันที

ด้าน พ.ต.อ.เสถียร ตัณฑะกูล ผกก.สน.ยานนาวา กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ภาพกล้องวงจรปิดหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม ซึ่งถูกคนร้ายลอบวางระเบิดพบว่า รถจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุอาจไม่ใช่ยี่ห้อฮอนด้าคลิก ตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ แต่สามารถมองเห็นทะเบียนรถได้ แต่ไม่ค่อยชัดเจนนัก ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่า เป็นการสวมทะเบียนปลอมหรือไม่
 
ส่วนจะเป็นฝีมือของกลุ่มไหนนั้น ผกก.สน.ยานนาวา กล่าวว่า คงจะเร็วเกินไป ที่จะพูดว่าคนร้ายเป็นฝีมือของคนกลุ่มไหน แต่มั่นใจได้แน่นอนว่าตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอนในเร็วๆ นี้ เพราะมีข้อมูลบางอย่างที่ชี้ชัดไปถึงคนบางกลุ่มแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยเพราะเรื่องนี้ทาง ผบช.น.จะเป็นผู้ชี้แจงเอง

"อภิสิทธิ์" รับเหตุระเบิดยังไม่คืบหน้า


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ ด้านความมั่นคงล่าสุด ภายหลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดธนาคารกรุงเทพ 4 จุดเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่ ไม่ได้ประมาท และพยายามดูแลทุกอย่าง ให้เรียบร้อย หากทุกฝ่ายร่วมมือกันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าในการเหตุการณ์ลอบวางระเบิดทั้ง 4 จุด แต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ตำรวจสามารถออกภาพสเก็ตคนร้ายได้แล้ว คาดว่า ในวันนี้ (วันที่ 1 มี.ค.) จะมีการประชุมและติดตามเรื่องนี้ต่อ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาวุธที่ใช้ก่อเหตุคนทั่วไปไม่สามารถครอบครองได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ต้องไปตรวจสอบ เพราะทั้ง 4 จุดใช้แบบเดียวกันหมด และก็ไม่ใช่อาวุธที่คนอื่นจะได้รับอนุญาตได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากตรวจสอบไม่ได้จะถือเป็นความล้มเหลวของใคร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ติดตามว่าอาวุธประเภทนี้มีใช้ที่ไหนอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากนี้จนถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค. ต้องเฝ้าระวังจุดไหนเป็นพิเศษ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายฉกฉวยโอกาส ทั้งนี้ยอมรับว่าหน่วยงานด้านการข่าวได้แจ้งเบาะแสกลุ่มที่เคลื่อนไหวใต้ดินเข้ามาบ้าง แต่ต้องมีการตรวจสอบ

ย้ำก๊กแกงปิดถนนถือว่าผิดกม.

ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงในหลายจังหวัดเริ่มนัดระดมพลต่อต้านรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การชุมนุมสามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปด้วยความสงบ หากอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลกับผู้ชุมนุมก็ไม่มีอะไรต้องขัดแย้งกัน เมื่อถามว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าอาจมีการปิดเส้นทางจราจร ในขณะเคลื่อนพลเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ ในวันที่ 12-14 มี.ค. นายกฯ กล่าวว่า อันนั้นผิดกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่ประเมินสถานการณ์คิดว่าในวันที่ 12 มี.ค.จะถึงขั้นแตกหัก หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า ความเคลื่อนไหวต้องอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะรักษาทุกอย่างให้เป็นไป ตามระบบ และมีความสงบเรียบร้อย
ส่วนเหตุการณ์จะรุนแรงกว่าเหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.2552 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการ เห็นความรุนแรงเกิดขึ้น รวมถึงคนส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมด้วย ดังนั้น ก็ต้องช่วยกันเพราะมันมีเพียงคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย

"อนุพงษ์" บอกอย่าเพิ่งปรักปรำใคร

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเหตุปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ เพื่อสร้างสถานการณ์ในขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อย่าไปตั้งสมมุติฐานว่า ใครจะไปทำอะไรคงไม่ดี ต่อสถานการณ์ขณะนี้ตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่าใครทำแน่นอน ก็ต้องหาตัวผู้กระทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องช่วยกันดูแล ส่วนผู้ที่รับผิดชอบก็ต้องหาคนกระทำความผิดให้ได้ ถึงจะบอกได้

ส่วนการที่จะไปพูดว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบคงไม่ได้ อย่างไรก็ตามผู้ที่กระทำความรุนแรง ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติเสียหายบ้านเมืองก็จะไม่สงบสุข

พท.ท้าตั้งรางวัลนำจับมือบึ้ม 10 ล้าน


นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีลอบปาระเบิด ธนาคารกรุงเทพในหลายสาขาว่า ฝ่ายค้านเคยตั้งข้อสังเกตและแจ้งเตือนรัฐบาล ไปแล้วว่า จะมีกลุ่มคนมีสีที่ใกล้ชิดรัฐบาลสร้างสถานการณ์เพื่อโยนความผิดให้ขั้วการเมืองตรงข้ามรัฐบาล แต่รัฐบาลและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนออกมา โยนความผิดให้กับพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นการกระทำที่ไม่สมควร อย่างยิ่ง เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ทราบว่าเป็นการกระทำของฝ่ายไหน ทำไมคนของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงด่วนสรุปและโยนบาป ให้ฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เหมือนกรณีปาถุงอึใส่บ้านนายอภิสิทธิ์ ซึ่งนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จ้างคนให้มาปาขี้จำนวน 3 ล้านบาท แต่สุดท้ายกลายเป็น เด็กเลี้ยงแกะ พูดใส่ร้ายป้ายสีให้ฝ่ายตรงข้าม ถือเป็นสิ่งที่คนในรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ถนัด

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดให้ได้ จะได้รู้ว่าผู้กระทำความผิดเป็นฝ่ายใดกันแน่ แต่เกรงว่าเมื่อรัฐบาล รู้ว่าคนที่กระทำเป็นฝ่ายเดียวกับรัฐบาลแล้วจะไม่กล้าดำเนินการ ปล่อยให้เรื่อง เงียบหายไปเหมือนคดีวางระเบิดข้างศาลฎีกาและยิงเอ็ม 79 ข้างทำเนียบฯ ซึ่งมีการตั้งรางวัลชี้เบาะแสถึง 2 ล้านบาท

ดังนั้นครั้งนี้มีวางระเบิดหลายจุดรัฐบาลควรจะตั้งรางวัลสัก 10 ล้านบาทเพื่อเป็นการชี้เบาะแสในการนำจับ เพราะการกระทำของผู้ที่ป่วนเมือง ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เป็นการทำลายบรรยากาศของการลงทุน และการท่องเที่ยว แต่ขออย่าให้รัฐบาลจับแพะก็แล้วกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น