xs
xsm
sm
md
lg

ตร.เข้ม รปภ.ทั่วกรุง คาดบึ้ม 4 จุดคนร้ายกลุ่มเดียวกัน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภาพวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ
นครบาลคุมเข้มสายงานป้องกันปราบปรามทั่วกรุง ประชุมประเมินสถานการณ์ป่วนเมืองแบบวันต่อวัน คาดระเบิดทั้ง 4 จุดน่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เพราะแผนประทุษกรรมเหมือนกัน เน้นเพิ่มมาตรการ รปภ.เข้มงวดมากขึ้น พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ธนาคารร่วมแจ้งเหตุต่อตำรวจ


วันนี้ (1 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานด้านการป้องกันปราบปราม ประชุมนายตำรวจระดับผู้บังคับการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลทุกหน่วยจนถึงระดับรอง ผกก. และสารวัตรสายงานป้องกันปราบปราม 88 สน. ประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวันรับฟังรายงานผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันปราบปราม พร้อมเน้นย้ำแนวทางนโยบายการทำงาน โดยใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง

รอง ผบช.น.กล่าวเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์ก่อกวนให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอย่างแน่นอน ไม่ได้หวังเอาชีวิตประชาชนหรือต้องการให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินทางราชการรุนแรง เน้นให้ป้องกันปราบปรามอย่างเข้มงวดและป้องกันพวกมือมืดป่วนเมืองอาจอาศัยจังหวะในการก่อเหตุอย่างเต็มที่ และเต็มกำลังความสามารถ

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา สบ 10 กำกับดูแลกองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ร่วมประชุมประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ กทม. ช่วงระยะเวลาจากนี้ไปตั้งแต่วันที่ 1-14 มี.ค.ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดในหลายพื้นที่ที่ผ่านมาภายในศูนย์ปฏิบัติการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัย บช.น. ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

จากนั้น พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล ฐานะโฆษก บช.น. แถลงข่าวสรุปสถานการณ์ว่า เป็นการรายงานด้านการข่าวของตำรวจสันติบาลให้หน่วยต่างๆ ใน บช.น. รับทราบในส่วนของการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ พร้อมกำหนดแนวทางปฏิบัติ ขั้นตอนการเตรียมการป้องกัน และคลี่คลายสถานการณ์เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน โดย พล.ต.อ.อดุลย์ กำชับในที่ประชุม ให้ทุกหน่วยสามารถแก้ไขสถานการณ์และป้องกันเหตุได้ทันท่วงที โดยให้มีการกำหนดผู้รับผิดชอบ ผู้สั่งการในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน รวมทั้งกำหนดตัวผู้ปฏิบัติแต่ละหน้าที่ ซึ่งเน้นการใช้มาตรการคลี่คลายสถานการณ์ โดยต้องเป็นมาตรการที่สังคมและประชาชนรับได้ และให้ฝ่ายจราจรเป็นเจ้าภาพแก้ไขปัญหากรณีกลุ่มผู้ชุมนุมมีการปิดเส้นทางจราจร

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุระเบิด พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.เรียกประชุมแก้ไขคลี่คลายสถานการณ์ เน้นงานสายตรวจ และงานป้องกันและปราบปราม โดยกำชับ ผกก.และรอง ผกก.ป.ให้สำรวจพื้นที่และกำหนดมาตรการปฏิบัติ ฝ่ายจราจรให้ช่วยเหลือการปฏิบัติ รวมทั้งเรียกฝ่ายสืบสวนติดตามเร่งรัดคดีจับกุมคนร้าย

ผู้สี่อข่าวถามว่า มีประชาชนแจ้งเบาะแสจากภาพสเกตช์หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า มีแจ้งเข้ามาบ้างยังตรวจสอบอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ข้อมูลละเอียดเท่าที่ควร ขณะนี้มีการแกะรายละเอียดของภาพ รวมทั้งนำภาพจากกล้องวงจรปิดจุดอื่น และเส้นทางใกล้เคียงเข้ามาประกอบกัน เพื่อให้ภาพคนร้ายชัดเจนยิ่งขึ้น และหาพยานแวดล้อมเพิ่มเติม โดยให้ กก.สส.บก.น.1-9 และบก.สส.ติดตามคดี ซึ่งขณะนี้ไม่ทราบว่าเป็นคนร้ายกลุ่มใด แต่ทั้ง 4 จุดน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เพราะแผนประทุษกรรมเหมือนกัน เป้าหมายตำรวจต้องจับตัวคนร้ายให้ได้

ต่อข้อถามว่า คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุมีการวนเวียนดูลาดเลาก่อนลงมือใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเพิ่มเติมถึงจะสรุปได้ และยังไม่ทราบทะเบียนรถจักรยานยนต์คนร้ายที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมบ้างจากการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ภ.2 เช่น ลายนิ้วมือคนร้าย ชิ้นส่วนระเบิด หลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ และภาพกล้องวงจรปิดเป็นร้อยจุดอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนภาพคนร้ายมีประวัติอาชญากรหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า คืนที่ผ่านมาไม่มีเหตุคิดว่าคนร้ายดูท่าที่จะก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจมีการวางมาตรการเพิ่มขึ้น รวมทั้งการตั้งศูนย์แจ้งเหตุให้ประชาชนแจ้งเบาะแสสถานการณ์เมื่อคืนเรียบร้อยดี

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงเทพฯ จะเปิดทำการในวันพรุ่งนี้(2 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจมีมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างไร นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะธนาคารกรุงเทพเท่านั้นที่ต้องดูแล แต่ตำรวจต้องดูแลทุกแห่งในพื้นที่ กทม. และใกล้เคียงอยู่แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่ดูแล โดยทางเราต้องให้ความมั่นใจประชาชนดูแลความปลอดภัย แต่ต้องไม่ใช่ตำรวจเท่านั้น รปภ. และผู้บริหารของหน่วยงานต้องร่วมมือกัน เช่น ศูนย์การค้า หรือธนาคารต่างๆ ควรตรวจตราข้างนอกถนน เพิ่มกำลังเหมือนตำรวจ น่าจะเกิดประโยชน์ดีกว่าปล่อยเป็นภาระของตำรวจฝ่ายเดียว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการประสานกับฝ่ายบริหารกับธนาคารกรุงเทพทุกสาขา ประสานกับผกก.สน. กำหนดตัวบุคคล ในการติดต่อสื่อสาร ตรวจกล้องวงจรปิด และการแจ้งเหตุต่อตำรวจด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น